ครั้งแรกกับพม่า 3 วัน 2 คืน แบบจัดหนัก (17-19 ก.พ. 2560)

บอกก่อนเลยว่าเรามาเป็นครอบครัว 4 คนนะคะ เที่ยวไม่เน้นประวัติศาสตร์ มาเที่ยวพม่าเป็นครั้งแรก จองแค่โรงแรมกับตั๋วเครื่องบิน ไม่ได้จองรถอะไรไว้ก่อนแต่อย่างใด เปรี้ยวมาก และมีเวลาจำกัดแต่ก็อยากจัดให้ครบ(สถานที่สำคัญแถบนั้น) อยากมาแชร์ประสบการณ์กันเบาๆค่ะ เพราะก่อนมา หาข้อมูลค่อนข้างยาก ถ้าผิดพลาดประการใด กราบอภัยไว้ล่วงหน้าค่า....

โปรแกรมตะลุย
วันที่ 1 ตะลุยย่างกุ้ง (Yangon) เดินวนไปค่ะ
    - วัดพระหินขาว (เจ๊าตอจี)
    - วัดเขี้ยวแก้ว
    - เจดีย์สุเล
    - โบตาทาวน์ สักการะ เทพทันใจ เทพกระซิบ
    - พระตาหวาน (เจาทัตจี)
    - พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
วันที่ 2 บากบั่นไป พระธาตุอินทร์แขวน + หงสาวดี/บาโก (Bago)
    - พระธาตุอินทร์แขวน (ไจทีโย)
    - พระมหาเจดีย์ชเวดอร์มอร์
    - พระราชวังบุเรงนอง
วันที่ 3 เดินลั๊ลลา ชมวิถีชีวิตชาวพม่ากันชิลๆ แล้วกลับไทย 555

สิ่งที่ควรรู้และทำใจ

เรื่องเงินๆทองๆ
    ก่อนจะมาที่นี่ แลกเป็น US ดอลล่า มาจากไทยแล้วค่อยมาแลกเป็นจ๊าดที่นี่ค่ะ แต่ก็มีอัตราแลกกับเงินไทยนะ แลกแล้วค่าเงินก็ไม่ได้ต่างกัน แอบดู ค่าเงินแลก/ซื้อ ตอนขากลับได้ดังนี้
    
    19 ก.พ. 2560         1 US = 1362 / 1366 Ks.           1 THB = 37 / 39 Ks.
    
    เรื่องการแลกเงิน จะแลกไว้ใช้จ่ายเป็นบางส่วนที่สนามบินเลยก็ได้ค่ะ หรือจะไปแลกในตัวเมืองก็ได้ เรตไม่ได้ต่างกันมากเวอร์ เงินดอลล่าเอาไว้จ่ายค่าแท็กซี่ ค่าโรงแรม ส่วนเงินจ๊าดเอาไว้ใช้จ่ายค่ากิน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ บางที่เราก็สามารถจ่ายเป็นดอลล่าได้ตรงๆเลย (ถามเค้าก่อนนะ) แต่จะได้เรต 1US = 1000 Ks. ส่วนต่างนั้นซื้อน้ำขวดใหญ่ได้เลยนะจ๊ะ เสียดายก็จ่ายเป็นจ๊าดเถิด
    ตอนจะกลับไทย แล้วจะแลกเงินกลับเป็นดอลล่า แนะนำว่าถามเรตแล้วลองคำนวณเงินในมือว่าได้กี่ดอลล่า แล้วค่อยยื่นไปให้เค้า ถ้าเรายื่นไปหมดให้เค้าคิดให้ แล้วเราดันเออออแบบมึนๆ(แบบเรา) "ส่วนเกินดอลล่าเค้าไม่มีให้ แถมไม่คืนเงินจ๊าดที่เกินไปคืนมาด้วยนะจ๊ะ" โดนมาแล้ว

เรื่องโทรศัพท์ (กลัวไม่มีญาติ)
    ถ้าไม่ได้เปิดโรมมิ่งมา หรือ ไม่จำเป็นต้องรับสายใคร แนะนำให้ซื้อซิมที่นู่นค่ะ (โปรโรมมิ่งไปใช้ที่พม่าแต่ละค่ายโหดมากกก) ราคาตามรูปเลยค่ะ เลือก ooredoo เพราะเค้าบอกกันมาว่าดี ที่นี่มี 3G/4G ใช้นะคะ แต่ 4G จะหายากหน่อยแต่ก็มี ค่าโทรกลับมาไทยก็อยู่ที่ 210Ks. ต่อนาที


การเดินทาง
    คนที่นี่ขับรถกันเมามันมากค่ะ ขับรถชิดเลนขวายังไม่เท่าไหร่ คนที่นี่ขับรถเร็วมาก ขับจี้ตูด เหยียบเบรคกระชั้น บีบแตรกันตลอดทาง แต่บีบเพื่อเตือนคนข้ามถนน เตือนรถใกล้ๆ ด่ากันบ้างนิดหน่อย ที่สำคัญชอบขับปาด นั่งไปเหยียบเบรคแทนคนขับตลอด 55 สรุปคือ ถ้าขับแบบนี้ที่ไทย มียิงกันแน่นอน แต่คนที่นี่ขับแบบนี้เป็นเรื่องปกติค่ะ

การแต่งกายเข้าวัด
    การแต่งกายเข้าวัดที่นี่ก็เหมือนของไทยเลยจ้า ห้ามสายเดี่ยว เสื้อกล้าม เกาะอก ขาสั้น + ห้ามรองเท้าและถุงเท้า ลากรองเท้าแตะโลดดด แต่ไม่ใช่ไปถอดรองเท้าตรงหน้าประตูแบบไทยนะคะ ต้องถอดตั้งแต่นู่นเลย...บันไดหรือทางเดินเป็นกิโลก่อนถึงตัวเจดีย์ แนะนำให้พกถุงไปด้วย ในบางที่ที่ฝากรองเท้าเต็มก็ต้องใส่ถุงถือไปไหว้ด้วยกันเลยค่ะ ใส่เป็นย่ามผ้าสะพายหลังไปก็ดีนะ มือจะได้ว่างไหว้พระถ่ายรูป

วันที่ 1 ตะลุยย่างกุ้ง เดินวนไปค่ะ
    หลังจากลงเครื่อง ออกมาแลกเงิน ก็จะมีคนเดินตามเราเลยค่ะ มาคอยแนะนำนู่นนี่ให้ นั่นคือ คนขับรถแท็กซี่ ค่ะ เราได้อ่านรีวิวมาพอสมควรว่าคนพวกนี้ชอบโก่งราคา ไปโบกข้างนอกเถอะ ก็เลยพยายามปฏิเสธ แต่ก็ตามติดเป็นเงาไม่ไปไหนเลย

    แต่พอได้คุยกัน ลุงเสนอราคาแรก จากสนามบิน ไปโรงแรมในไชน่าทาวน์ ที่ $7 เฮ้ย! เค้าก็เสนอราคากลางนี่นา บางคนได้ที่ $8 ด้วยซ้ำ ก็เลยขอดูรถลุงแกก่อน พอลุงแกแว๊นมาให้ยล รถใหม่น๊าค๊า... แอร์เย็นฉ่ำมาก ไม่ใช่รถเก่า ตาเหลี่ยม กระจกไข เลยคุยราคาใหม่ให้เค้าพาไป วัดพระหินขาวกับวัดเขี้ยวแก้วก่อนไปโรงแรมด้วยเลย เพราะสองที่นี้อยู่ใกล้สนามบิน และไกลจากตัวเมืองมาก ราคาที่ได้ก็รับได้ค่ะ เพิ่มจากเดิมอีกนิดหน่อย

    *** ถ้าใครสนใจติดต่อคุณลุงคนขับ ชื่อ Win Aye นามบัตรตามรูปนะคะ เพราะลุงอยู่กับเรา 3 วันรวดเลย ประทับใจจากวันแรก ลุงพูดภาษาอังกฤษได้ดี(ดีกว่าเราอีก) อัธยาศัยดี พยายามแนะนำที่เที่ยว คุยกับคนพื้นที่ให้ น่ารักสุดๆ พ่อเราถูกใจทิปลุงไปหนักมากอ่ะ ^^”


วัดพระหินขาว
    พอถึงวัด คุณลุงก็แนะนำให้เราถอดรองเท้าฝากไว้ในรถ และบอกให้ใจเย็นฝากกระเป๋าไว้ในรถเค้าได้ พอลงมาจากรถ เด็กๆก็จะกรูเข้ามาขายดอกไม้ ราคา 500Ks. เทียบราคาไทยบอกเราด้วยว่า 20 บาท ชี้ชวนสุดๆ จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้นะคะ เหนือบันไดก็จะมีภาพวาดให้ดูเป็นระยะๆจนถึงตัวพระซึ่งงามและอลังการมาก แต่ท่านจะอยู่ในกำแพงกระจก ซึ้งถ่ายภาพยากมาก เพราะมันจะสะท้อน ถ้ามีฟิลเตอร์ CPL น่าจะถ่ายออกมาสวยกว่านี้



วัดเขี้ยวแก้ว
    เริ่มรู้ขั้นตอนละ ทิ้งรองเท้าไว้ในรถแล้วพุ่งเข้าวัดไปเลยค่ะ ที่นี่เสียค่าเข้าชม $2 ได้สติ๊กเกอร์ติดมาดวงนึง(จ่ายเงินแล้วได้สติ๊กเกอร์ เป็นแบบนี้ทุกที่ค่ะ) ที่นี่มีพระสารีริกธาตุ ฟันของพระพุทธเจ้า และมีพระประจำวันเกิดให้สักการะด้วย(มีภาษาอังกฤษบอกวัน)


พระเจดีย์สุเล
    หลังจากมาถึงโรงแรมแล้ว นอนพักแป๊ป ออกเช้าง่วงมาก นอนอิ่มก็ออกมาเดินชมเมือง เดินยาวๆไปถึงเจดีย์สุเลได้เลยค่ะ ระวังรถด้วยนะคะ คนที่นี่ไฟเขียวเค้าก็ข้ามกันไม่สนใจรถเลย พยายามมองสัญญาณไฟอย่าลอยตามเค้าไป ข้ามตอนไฟแดงปลอดภัยกว่าค่ะ เดินไปชมวิวไป ตลอดทางมีแผงลอยขายอาหารมากมาย เดินเพลินๆไม่ไกลเลย อีกเช่นเคยที่นี่มีพระประจำวันเกิด และมีให้ซื้อทองคำเปลวใส่เรือหงส์ทอง ที่จะมีคนชักรอกขึ้นไปถวายพระเจดีย์ที่ด้านบน



พักอ้วนซักแป๊ป
ก๋วยเตี๋ยวพื้นเมือง ร้าน 999 Shan Noodle
    ร้านนี้อยู่ใกล้กับ City Hall ซึ่งเราสามารถเดินจากเจดีย์สุเลไปได้เลย ขายอาหารพื้นเมืองของที่นี่ คนเยอะมากต้องรอคิวโต๊ะ แต่ไฮโซตรงที่พนักงานใช้แท็บเล็ตจดออเดอร์ที่สั่ง เกร๋ๆ เส้นก๋วยเตี๋ยว(เส้นแบน)เหนียวนุ่มเหนียวจริงๆ รสชาติดีพอได้ค่ะ ราคาอยู่ที่ 2,500-3,500Ks. ส่วนตัวไม่ชอบเต้าหู้ทอดค่ะ เห็นเค้าสั่งกันทุกโต๊ะเลยเอามั่ง เนื้อมันเหมือนมันฝรั่งมากกว่าเต้าหู้ และอมน้ำมันมากกก กัดทีน้ำมันไหลโจ๊ก ไม่ใช่แบบหยดๆนะคะ โจ๊กเลย เลยกินกันคนละชิ้นให้รู้รสและปล่อยมันไป... ร้านอาหารที่นี่แทบทุกร้านมีชาร้อนให้ทานฟรีค่ะ ถ้าไม่ชอบก็สั่งน้ำอื่นๆ ราคาน้ำผลไม้แก้วนึง 2,000Ks. น้ำเปล่าขวดลิตร 400Ks. กินเสร็จถามราคา ไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์หน้าร้านค่ะ



Yangon Tea House
    แวะมาร้านนี้เพราะรีวิว ร้านนี้ดีเลยบอกต่อ หลังจากร้อนๆเหนื่อยๆมาร้านนี้ แอร์เย็น แต่งร้านเก๋ไก๋ ผิดจากถนนที่เดินผ่านมาลิบลับ ชาวต่างชาตินั่งกันมากมาย เมนูเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด มีขายทั้งอาหารคาวหวาน ชา กาแฟ ที่ชอบมากคือน้ำเปล่าฟรีที่มาเสริฟเค้าใส่พวกใบสมุนไพรต่างๆลงไปด้วย หอมๆชื่นใจ กอย่างคือเมนูชาที่นี่มี 3 ขนาดแก้วให้เลือก มีสัดส่วนของชาแสดงไว้ให้ได้ตัดสินใจ อยากได้หวานแค่ไหนถามใจเทอดู ^^ ส่วนรสชาติก็พอๆกับชานมบ้านเรา(อย่าคาดหวังมาก) เน้นบรรยากาศ ได้ผ่อนคลายก่อนลุยต่อ



โบตาทาว สักการะ เทพทันใจ เทพกระซิบ
    เชื่อว่าเป็นเป้าหมายหลักของคนไทยที่มาที่นี่เลย จากร้านชาหรือเจดีย์สุเล นั่งรถยาวมาเลยค่ะ ไม่ใช่ใกล้ๆนะคะ แถมถนนก็กว้างข้ามลำบาก ไม่มีตึกสองข้างทางให้บังแดดด้วย พอมาถึงจะเห็นด้านขวาจะเป็นวัดที่มีเทพทันใจ ด้านซ้ายจะมีตึกเขียวๆที่มีเทพกระซิบ แค่ลงจากรถก็จะมีคนเรียกให้ไปจ่ายค่าเข้าก่อนเลย 6,000Ks. แล้วเดินไปถ่ายรูปติดในใบเสร็จ น่าจะหวังดีให้เราเก็บเป็นที่ระลึก แต่กว่าจะถึงตอนนี้หน้าพังมาก ออกจากออฟฟิต ก็เดินเข้าวัด สแกนกระเป๋า

    ทางเข้าบันไดตรงกลางจะเป็นคล้ายๆพิพิธภัณฑ์ ผนังและเพดานจะเป็นทองตลอดทาง เมาทองสุดๆ มีพระพุทธรูปและของโบราณจัดแสดงอยู่มากมาย ข้างในแอร์เย็นมากๆ บริจาคให้โดยคนไทย(เค้าเขียนแปะไว้)

    เดินจนครบออกมาทางเดิม ก็เดินตรงไปทางลานด้านขวามือ จะเจอศาลาที่มีเทพทันใจอยู่ วิธีไหว้ก็ม้วนธนบัตร 2 ใบเป็นกรวย (ให้คนแถวนั้นม้วนให้ก็ได้) สอดเข้าไปที่นิ้วท่าน เอาหน้าผากเราจรดที่นิ้วท่าน พนมมือขอพร 1 ข้อ เดินอ้อมหลังไปจับที่คทาของท่าน เอาธนบัตรใบนึงหยอดใส่ตู้ทำบุญ แล้วอีกใบเก็บเอาไว้ คนแถวนั้นจะช่วยพับธนบัตรให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ดีงามมากๆ ใครใคร่ซื้อชุดของบูชาก็เอาเลยค่ะ   


    ออกมาด้านนอกข้ามไปอีกฝั่งเป็นเทพกระซิบ(ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม) เราสามารถซื้อของถวายแล้วไปกระซิบขอพรกับท่านได้ค่ะ ตอนที่ไปเค้าล้อมรั้วเหล็กรอบท่านไว้ ไม่ให้เราเข้าไปกระซิบขอพรใกล้ๆท่านแล้ว เสียใจมาก ด้านในจะมีคนคอยรับของไหว้เราไปถวายให้ท่าน


พระตาหวาน
    โบกแท็กซี่วิ่งยาวมาเลยจ้า ถึงตอนนี้ก็เย็นแล้ว รถติดมากกกก อาจเป็นเพราะเป็นวันศุกร์ บีบแตรกันระงมคูณสอง ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ พอได้มา ก็รู้เลยว่าทำไมเรียกพระตาหวาน  ขอบตาท่านมีสีฟ้า นัยน์ตามีกระจกใสเคลือบอีกทีให้แวววาว ที่แปลกคือท่านมีขนตาติดไว้ด้วยค่ะ งดงามมาก เดินไปขวาฝั่งพระบาทก็มีลายที่พระบาทเยอะมาก มีป้ายอธิบายแต่ละรูปด้วยว่าคืออะไร มีแท่นบันไดให้ขึ้นไปถ่ายรูปมุมย้อนจากพระบาทท่านไปถึงพระเศียร มุมมหาชนมาก คนขึ้นไปอัดกันอยู่บนนั้น


พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
    ตอนแรกจะไปอีกที่ แต่ถ้าไปที่ชเวดากองช้าก็จะไม่ได้รูปฟ้าสวยๆตอนพระอาทิตย์ตกดิน (ก็มัวแต่อู้อยู่ร้านชา) เรียกพี่แท็กซี่ไปส่ง พี่แกไปส่งที่ท่อนที่ 2 ของบันไดทางขึ้น ทำให้เราเดิอนขึ้นบันไดแค่ครึ่งเดียว ดีจัง (แต่หลังจากเดินวนรอบเจดีย์แล้วถึงรู้ว่ามีอีกประตูที่มีบันไดเลื่อน เสียจุย) เดินหิ้วรองเท้าใส่ถุงขึ้นไปด้วยความเหนื่อยหอบ จ่ายค่าเข้าคนละ 8,000Ks.

    ภายในมีที่ให้สรงน้ำพระเป็นมุมๆไป ตอนเย็นๆที่ว่าสวยแล้ว พอพระอาทิตย์เริ่มตกดินจะมีคนเริ่มจุดตะเกียงรอบๆเจดีย์ ซึ่งเราอยากจุดบ้าง เลยเดินไปใกล้ๆเผื่อเค้าอยากขาย เค้าไม่สนจ้า ให้แต่ฝรั่งจุด ไปถามเจ้าหน้าที่แถวนั้น เค้าก็บอกอะไรไม่ได้อีก พอมืดปั๊บ คนแห่กันมาเพียบ คนที่นี่จะมานั่งกับพื้นชมความงามของเจดีย์กันแน่นขนัด สวยจริงๆสวยมากๆ ต้องมาดูด้วยตัวเองค่ะ วันที่ไปฟ้าไม่มีเมฆ เลยดูเหมือนรีทัชรูปพระเจดีย์มาซะอย่างงั้น พอชื่นชมความงามจนพอใจแล้ว ก็กลับค่ะ พอรู้ว่าตรงไหนมีบันไดเลื่อนก็ลงบันไดเลื่อนกันอย่างสบายใจ ตีรถยาวกลับที่พัก

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่