เราได้ดูเพลิงพระนางมาสามวันเเล้ว
มีคำๆหนึ่งที่เจ้าสำเภางามกล่าวอยู่บ่อยครั้งคือ "ผีหลวง" ในเวลาอวยชัยแก่โอรส
"ผีหลวง" คืออะไร
"ผีหลวง" ที่เจ้าสำเภางามกล่าว น่าจะหมายถึง "นัต" หรือผีตามความเชื่อของพม่า
ซึ่งเมืองทิพย์ได้แรงบันดาลใจจากอาณาจักรพม่านั้นเอง
จากรูป ท้าวสักกะหรือตะจามิน เทพสูงสุดของเหล่านัต
นัต หมายถึงผีของชาวพม่า เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในพม่า นัตเป็นผีบรรพบุรุษ ลักษณะกึ่งผีกึ่งเทวดา คล้ายเทพารักษ์ คอยดูแลคุ้มครองสถานที่ที่ตนมีความสัมพันธ์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีฤทธานุภาพเทียบเท่าเทวดา[1] โดยอาจจะมีศาลลักษณะคล้ายศาลเพียงตาตั้งบูชาอยู่ในสถานที่นั้น ๆ
แต่เดิม นัตเป็นเพียงผีหรือวิญญาณทั่วไปที่สิงสถิตย์ตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ หรือภูเขา แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่านไป จึงมีความเชื่อว่านัตเริ่มมีตัวตนและเริ่มผูกพันเข้ากับการตายของผู้คน จึงกลายเป็นสภาพนัตอย่างที่เชื่ออยู่ในปัจจุบัน
เมื่อพระเจ้าอโนรธามังช่อ แห่งราชวงศ์พุกาม นำศาสนาพุทธนิกายเถรวาทจากอาณาจักรมอญเข้าสู่อาณาจักรพม่าในพุทธศตวรรษที่ 18 ความเชื่อเรื่องนัตจึงถูกผสมผสานเข้ากับศาสนาพุทธ โดยยกเลิกการบูชานัตตามแบบพื้นบ้านและนัตถูกยกระดับให้เป็นนัตหลวง คือ นัตระดับประเทศ พระองค์ได้ทำการตั้งศาลนัตหลวงขึ้นที่เขาโปปา หรือที่เรียกว่า มหาคีรีนัต ใกล้เมืองพุกาม โดยมีทั้งหมด 37 ตน โดยนัตที่สำคัญคือ นัตตัจจาเมง หรือ นัตสักรา (พระอินทร์), นัตพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้, นัตโยนบะเยง (นัตพระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์) เป็นต้น
โดยบุคคลที่จะได้รับการนับถือเป็นนัตนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีคนยกย่องนับถือและมีเรื่องราวขณะยังมีชีวิตเป็นที่พูดถึงโดยทั่วไป หรือเป็นผู้ที่มีสาเหตุการตายที่ไม่ใช่การตายแบบธรรมดาด้วยโรคชรา เป็นที่สลดใจแก่ผู้ที่ได้ยินเรื่องราว เช่น ตายโหง (เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน) ตายด้วยโรคระบาดหรือถูกลอบสังหาร เพราะเชื่อว่ายังมีแรงจิตและฤทธานุภาพสูงกว่าผีทั่ว ๆ ไป
นัตถูกแบ่งออกเป็น 3 จำพวก คือ นัตพุทธ (นัตท้องถิ่นที่ผสมผสานกับความเชื่อทางพุทธศาสนา[1]), นัตใน (นัตท้องถิ่นและนัตที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศอินเดีย) และนัตนอก (นัตที่มีถิ่นฐานอยู่นอกกำแพงวัดเจดีย์ชเวซีโกน) ซึ่งนัตที่สำคัญและผูกพันกับชาวพม่ามากที่สุด คือ นัตนอกหรือนัตหลวง
นัต มีทั้งหมด 36 ตน
ตะจามิน (ท้าวสักกะ) ถือเป็นเจ้าแห่งนัตทั้งปวง
งะตินเด หรือ มินมหาคีรีนัต
ชเวเมี้ยตนา หรือ เจ้านางหน้าทอง
เจ้านางสีข้างทอง
นางงามสามเวลา
เจ้านางผิวขลุ่ย
เจ้าสีน้ำตาลแห่งทิศใต้
เจ้าสีขาวแห่งทิศเหนือ
พระเจ้ากูนซอ จองบยู
พระราชมารดาของพระเจ้ากูนซอ จองบยู
เจ้ามินกองแห่งปะเรนมา
เจ้านางทองคำ
ชายชราต้นกล้วยเดี่ยว
พระเจ้าอลองสิธู
เจ้าชิงช้าหนุ่ม
เจ้าจ่อส่วยผู้กล้าหาญ
แม่ทัพใหญ่แห่งอังวะ
นักเรียนนายทหารหลวง
เจ้าเทพทองน้อย
ปู่เจ้าแห่งมัณฑะเลย์
นางขาโก่ง
เจ้าเทพทองใหญ่
มารดานักเรียนนายทหารหลวง
พระเจ้าห้าช้าง
จอมกษัตริย์เจ้าแห่งความยุติธรรม
หม่องโปตู
ราชินีแห่งวังตะวันตก
พระเจ้าช้างเผือกแห่งอองปินเล
นางตัวงอ
นอระธาทอง
เจ้าอองดิน
เจ้าขาวน้อย
เจ้าเณร
พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้
เจ้านางแห่งทิศเหนือ
เจ้ามินกาวง์แห่งตาวน์งู (ตองอู)
ราชเลขาธิการหลวง
โยนบะเยง (พระเจ้าเชียงใหม่)
ผู้กล้าหาญ
หุบเขาโปปา หรือหุบเขาดอกไม้ที่สถิตของเหล่านัตพม่า
เทวรูปนัตพม่า
ที่มา
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%95
เกร็ดความรู้จาก "เพลิงพระนาง" ว่าด้วยเรื่อง "ผีหลวง"
มีคำๆหนึ่งที่เจ้าสำเภางามกล่าวอยู่บ่อยครั้งคือ "ผีหลวง" ในเวลาอวยชัยแก่โอรส
"ผีหลวง" คืออะไร
"ผีหลวง" ที่เจ้าสำเภางามกล่าว น่าจะหมายถึง "นัต" หรือผีตามความเชื่อของพม่า
ซึ่งเมืองทิพย์ได้แรงบันดาลใจจากอาณาจักรพม่านั้นเอง
นัต หมายถึงผีของชาวพม่า เป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มีมาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามาในพม่า นัตเป็นผีบรรพบุรุษ ลักษณะกึ่งผีกึ่งเทวดา คล้ายเทพารักษ์ คอยดูแลคุ้มครองสถานที่ที่ตนมีความสัมพันธ์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีฤทธานุภาพเทียบเท่าเทวดา[1] โดยอาจจะมีศาลลักษณะคล้ายศาลเพียงตาตั้งบูชาอยู่ในสถานที่นั้น ๆ
แต่เดิม นัตเป็นเพียงผีหรือวิญญาณทั่วไปที่สิงสถิตย์ตามธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ หรือภูเขา แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่านไป จึงมีความเชื่อว่านัตเริ่มมีตัวตนและเริ่มผูกพันเข้ากับการตายของผู้คน จึงกลายเป็นสภาพนัตอย่างที่เชื่ออยู่ในปัจจุบัน
เมื่อพระเจ้าอโนรธามังช่อ แห่งราชวงศ์พุกาม นำศาสนาพุทธนิกายเถรวาทจากอาณาจักรมอญเข้าสู่อาณาจักรพม่าในพุทธศตวรรษที่ 18 ความเชื่อเรื่องนัตจึงถูกผสมผสานเข้ากับศาสนาพุทธ โดยยกเลิกการบูชานัตตามแบบพื้นบ้านและนัตถูกยกระดับให้เป็นนัตหลวง คือ นัตระดับประเทศ พระองค์ได้ทำการตั้งศาลนัตหลวงขึ้นที่เขาโปปา หรือที่เรียกว่า มหาคีรีนัต ใกล้เมืองพุกาม โดยมีทั้งหมด 37 ตน โดยนัตที่สำคัญคือ นัตตัจจาเมง หรือ นัตสักรา (พระอินทร์), นัตพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้, นัตโยนบะเยง (นัตพระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์) เป็นต้น
โดยบุคคลที่จะได้รับการนับถือเป็นนัตนั้น ต้องเป็นผู้ที่มีคนยกย่องนับถือและมีเรื่องราวขณะยังมีชีวิตเป็นที่พูดถึงโดยทั่วไป หรือเป็นผู้ที่มีสาเหตุการตายที่ไม่ใช่การตายแบบธรรมดาด้วยโรคชรา เป็นที่สลดใจแก่ผู้ที่ได้ยินเรื่องราว เช่น ตายโหง (เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน) ตายด้วยโรคระบาดหรือถูกลอบสังหาร เพราะเชื่อว่ายังมีแรงจิตและฤทธานุภาพสูงกว่าผีทั่ว ๆ ไป
นัตถูกแบ่งออกเป็น 3 จำพวก คือ นัตพุทธ (นัตท้องถิ่นที่ผสมผสานกับความเชื่อทางพุทธศาสนา[1]), นัตใน (นัตท้องถิ่นและนัตที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศอินเดีย) และนัตนอก (นัตที่มีถิ่นฐานอยู่นอกกำแพงวัดเจดีย์ชเวซีโกน) ซึ่งนัตที่สำคัญและผูกพันกับชาวพม่ามากที่สุด คือ นัตนอกหรือนัตหลวง
ตะจามิน (ท้าวสักกะ) ถือเป็นเจ้าแห่งนัตทั้งปวง
งะตินเด หรือ มินมหาคีรีนัต
ชเวเมี้ยตนา หรือ เจ้านางหน้าทอง
เจ้านางสีข้างทอง
นางงามสามเวลา
เจ้านางผิวขลุ่ย
เจ้าสีน้ำตาลแห่งทิศใต้
เจ้าสีขาวแห่งทิศเหนือ
พระเจ้ากูนซอ จองบยู
พระราชมารดาของพระเจ้ากูนซอ จองบยู
เจ้ามินกองแห่งปะเรนมา
เจ้านางทองคำ
ชายชราต้นกล้วยเดี่ยว
พระเจ้าอลองสิธู
เจ้าชิงช้าหนุ่ม
เจ้าจ่อส่วยผู้กล้าหาญ
แม่ทัพใหญ่แห่งอังวะ
นักเรียนนายทหารหลวง
เจ้าเทพทองน้อย
ปู่เจ้าแห่งมัณฑะเลย์
นางขาโก่ง
เจ้าเทพทองใหญ่
มารดานักเรียนนายทหารหลวง
พระเจ้าห้าช้าง
จอมกษัตริย์เจ้าแห่งความยุติธรรม
หม่องโปตู
ราชินีแห่งวังตะวันตก
พระเจ้าช้างเผือกแห่งอองปินเล
นางตัวงอ
นอระธาทอง
เจ้าอองดิน
เจ้าขาวน้อย
เจ้าเณร
พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้
เจ้านางแห่งทิศเหนือ
เจ้ามินกาวง์แห่งตาวน์งู (ตองอู)
ราชเลขาธิการหลวง
โยนบะเยง (พระเจ้าเชียงใหม่)
ผู้กล้าหาญ
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%95