ผมคนนึงที่อยากเก็บเงินได้เหมือนหลายๆคน และลองหาวิธีเก็บเงินตามคำแนะนำต่างๆก็ยังไม่สามารถเก็บเงินได้ส๊ากกกกกกที เพราะผมไม่มีเงินเดือน ผมทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ มีบ้างไม่มีบ้าง ตามประสาคนเกือบจนทั่วๆไป บางที่เขาก็บอกวิธีให้เก็บแบบ ลด!! คือลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลงเพื่อ “เก็บ” เช่น ลดค่าบุหรี่ กาแฟ เหล้าเบียร์ ฯลฯ ต่างๆนาๆ แต่ผมก็เป็นพวกที่ใช้คำว่า “ลด” ไม่ได้ซะด้วยสิครับ ก็คนมันเคยใช้ คนมันเคยกิน จะให้ลดยังไง?????
..... วันนี้ผมเลยมาบอกวิธีการเก็บเงินแบบ “เงินทิ้ง” ของผมดูครับ เผื่อจะมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยกับใครหลายๆคน ที่ชอบ กิน ดื่ม เที่ยว ช๊อปฯ โดยที่ไม่ต้องมาลดประริมาณเหล่านั้นลง ใช้ชีวิตปกตินี่แหล่ะครับ อยากกินก็กิน อยากทำอะไรก็ทำได้ โดยมี “เงินเก็บ” แบบ “เก็บเงินทิ้ง”
เอาหล่ะ มาเริ่มกันเลย
..... เงินทิ้ง ในที่นี้ของผมคือ เงินที่เหลือจากเศษการใช้จ่ายครับ เช่น คุณสูบบุหรี่ 1 ซอง ซองละ31บาท เราจะจ่ายเงินโดยใช้แบงค์ 20 2ใบ เราก็จะเหลือเศษ หรือเงินทอน9 บาทใช่ไหมครับ เอา9 บาทนั้น ทิ้งไปเลยครับ ทิ้งในที่นี้คือเก็บเข้ากระเป๋าข้างที่ไม่ถนัด หรือเก๊ะหน้ารถ กระปุก ฯลฯ ทิ้งในที่ๆเราหยิบจ่ายได้ไม่สะดวกนัก และคิดไว้เลยว่า เราซื้อบุหรี่ไปซองละ 40 บาท!! ไม่ใช่ 31 บาท
... เอาหล่ะ ต่อเลยนะครับ
.... ตอนนี้อยากให้คุณคิดว่า บุหรี่ซองละ 40 บาททุกครั้ง จะซื้อแต่ละที ต้อง40 เท่านั้น อ้าว !!! แล้วถ้าจ่ายด้วยแบงค์50 หรือ 100 หล่ะ??? ผมทำแบบนี้ครับ บุหรี่ก็ยังคนซองละ 40 เหมือนเดิม เอาเศษไปทิ้งเหมือนเดิม และค่อยๆขยับราคาขึ้นไปเรื่อยๆ จนซองละ45 50 55 60 แต่ไม่ลดลงนะครับ คิดซะว่าบุหรี่ขึ้นราคาก็แล้วกัน อันนี้แล้วแต่เงินในกระเป๋าของแต่ละคนนะครับว่าจะเริ่มต้นทิ้งเงินที่เท่าไหร่ แต่ทุกๆครั้ง อยากให้คิดว่า ของมันแพง เหล้าเบียร์ ก็เช่นกัน ขวดละ55 ให้คิดไปเลยว่า เบียร์ขวดนึง 60 65 70บาท ข้าวจานละ35 ก็ให้คิดไปเลยว่า 40 45 50 แล้วแต่ครับ แต่อยากให้เริ่มจากเงินทิ้งน้อยๆก่อน เงินในกระเป๋าจะได้ไม่หมดเร็วเกินไป
..... ลำดับต่อไป
.... เงินทิ้ง ที่เราเก็บได้ อย่าไปนับ อย่าไปสนใจครับ เพราะคิดไว้เลยว่า เราซื้อของสิ่งนั้นไปแล้วไม่มีแล้ว ทิ้งไปแล้วนั่นเอง ต่อไปให้คุณไปเปิดบัญชีของธนาคารอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องมีบัตรATM เมื่อครบ1เดือน ให้นำเงินทิ้งทั้งหมด ไปฝากเงินที่ธนาคารนั้นแล้วคิดเหมือนเดิมครับ ทิ้งไปแล้วอย่าไปคิดว่าเงินเก็บนะครับ ถ้าคิดว่าเป็นเงินเก็บ คุณจะนำเงินนั้นออกมาใช้ในเร็ววัน แต่ส่วนตัวผม ผมจะทำแบบนี้ครับ พอผมเก็บได้ทุกๆ1เดือน ผมก็นำเศษเงินเหล่านั้นไปแลกกับร้านขายของชำที่ผมซื้อของเขาทุกวันนั่นแหล่ะ (เขาชอบจะได้มีเงินทอน) พอผมได้เงินมา ผมจะมีเพื่อนอยู่คนนึงที่เปิดธนาคารเดียวกับผม และพอมีเงิน(คือฐานะดีกว่าผมอ่ะแหล่ะ อิอิ) ผมก็จะให้เขาโอนเงินผ่านโทรศัพท์ให้ แล้วผมก็เอาเงินสดให้เขา ง่าย สะดวก สบาย ทั้ง2ฝ่าย อิอิ
... อ่าว บุหรี่อย่างเดียวหรือ ไม่ครับ!! ผมทิ้งเงินทุกๆอย่างที่ผมใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่กาแฟตอนเช้า ข้าวตอนเที่ยง ขนมตอนบ่าย เบียร์ตอนเย็น และอาหารมื้อดึกก่อนนอน ทุกๆอย่าง ผมทิ้งเศษเงินหรือเพิ่มราคาทั้งหมด แม้กระทั่ง น้ำมันรถยนต์!! ผมเติมน้ำมันอาทิตย์ละ200 ผมก็จะทิ้งไป 250 ทุกครั้งที่เติม คิดซะว่า น้ำมันแพง!! ขนาดก่อนขับรถ ผมยังทิ้งเงินไว้ 10 บาททุกวัน เป็นค่าเช่ารถแต่ละวัน เติมลมยางฟรีตามปั๊ม ผมยังคิดว่า ผมต้องเติมลมล้อละ5บาทเลย
... จงจำไว้เสมอว่า แต่ละวันที่เราใช้จ่าย ต้องราคาเงินทิ้งของเรานะครับ ห้ามโกง แบบว่า วั้นนี้ไม่มีเศษ ไม่เก็บก็ได้ ไม่เอานะ!!! ผมเคยมีเงินอยู่แค่35บาท ผมอยากกินข้าว ทั้งที่มันก็กินได้แหล่ะ แต่ต้นทุนเงินทิ้งของผมอยู่ที่จานละ45บาท กินไม่ได้!!! ทำไงหล่ะ ผมก็ต้องหาวิธีอื่นที่ต้องกินจานละ 45 ให้ได้โดยที่ไม่เอาเงินเก็บมาใช้ ผมไปยืมเพื่อนอีก10 บาท 55555+ พรุ่งนี้ค่อยคืน คิดแล้วก็เห็นแก่ตัวชะมัด ก็ลองคิดย้อนดูนะครับ ถ้าข้าวมันจานละ45จริงๆแต่คุณมีเงินแค่35 คุณจะทำไง??? แง๊...
....เมื่อเราเริ่มต้นทำตอนแรกๆจะรู้สึกว่าเงินที่เราเคยใช้พอดีกับรายเดือน รายวัน ต่างๆ มันเริ่มหายไปครับ ใช่ครับ หายแน่นอน เพราะทิ้งเงินไปค่อยข้างเยอะเลยในแต่ละวัน เดือนแรกฝืดมากๆ เงินติดขัดไปหมด แต่พอมาเดือนที่2นี่แหล่ะครับ เราจะประหยัดไปในตัวแบบอัติโนมัติเลยทีเดียว ผมก็อธิบายไม่ถูกว่าทำไม แต่มันกลายเป็นนิสัยไปเลย จะซื้อรองเท้าในราคา 199.- เงินทิ้งของผม ไม่ใช่1บาทนะครับ เป็น250.- ตังไม่ถึง ผมไม่ซื้อ กาแฟ13บาท ผมคิด20 ตังไม่ถึง20 ผมไม่กิน!!
***สุดท้ายและท้ายสุด อยากให้คิดอีกอย่างว่า ของที่ไม่จำเป็น เช่น กาแฟ บุหรี่ เหล้า เบียร์ เสื้อผ้า โทรศัพท์ฯลฯ ของใช้จิปาถะที่ยังไม่จำเป็นต้องซื้อต้องใช้แค่อยากได้ อยากซื้อ อยากใช้ ให้บวกราคาไปหนักๆเลยครับ 1เท่าตัวได้ยิ่งดี แล้วเราจะกลายเป็นคนประหยัดขึ้นมาทันที
...... ลองดูนะครับ ขำๆเล่นๆกันก่อน ทิ้งเงินเศษทุกอย่าง อย่างละนิดละหน่อย ค่อยๆเพิ่ม แล้วปีหน้า มาบอกผมมั่งนะครับว่า คุณทิ้งเงินไปกี่บาท !! ขอบคุณคร๊าฟฟฟฟฟฟฟ
วิธีเก็บเงินแบบ “เงินทิ้ง”
..... วันนี้ผมเลยมาบอกวิธีการเก็บเงินแบบ “เงินทิ้ง” ของผมดูครับ เผื่อจะมีประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยกับใครหลายๆคน ที่ชอบ กิน ดื่ม เที่ยว ช๊อปฯ โดยที่ไม่ต้องมาลดประริมาณเหล่านั้นลง ใช้ชีวิตปกตินี่แหล่ะครับ อยากกินก็กิน อยากทำอะไรก็ทำได้ โดยมี “เงินเก็บ” แบบ “เก็บเงินทิ้ง”
เอาหล่ะ มาเริ่มกันเลย
..... เงินทิ้ง ในที่นี้ของผมคือ เงินที่เหลือจากเศษการใช้จ่ายครับ เช่น คุณสูบบุหรี่ 1 ซอง ซองละ31บาท เราจะจ่ายเงินโดยใช้แบงค์ 20 2ใบ เราก็จะเหลือเศษ หรือเงินทอน9 บาทใช่ไหมครับ เอา9 บาทนั้น ทิ้งไปเลยครับ ทิ้งในที่นี้คือเก็บเข้ากระเป๋าข้างที่ไม่ถนัด หรือเก๊ะหน้ารถ กระปุก ฯลฯ ทิ้งในที่ๆเราหยิบจ่ายได้ไม่สะดวกนัก และคิดไว้เลยว่า เราซื้อบุหรี่ไปซองละ 40 บาท!! ไม่ใช่ 31 บาท
... เอาหล่ะ ต่อเลยนะครับ
.... ตอนนี้อยากให้คุณคิดว่า บุหรี่ซองละ 40 บาททุกครั้ง จะซื้อแต่ละที ต้อง40 เท่านั้น อ้าว !!! แล้วถ้าจ่ายด้วยแบงค์50 หรือ 100 หล่ะ??? ผมทำแบบนี้ครับ บุหรี่ก็ยังคนซองละ 40 เหมือนเดิม เอาเศษไปทิ้งเหมือนเดิม และค่อยๆขยับราคาขึ้นไปเรื่อยๆ จนซองละ45 50 55 60 แต่ไม่ลดลงนะครับ คิดซะว่าบุหรี่ขึ้นราคาก็แล้วกัน อันนี้แล้วแต่เงินในกระเป๋าของแต่ละคนนะครับว่าจะเริ่มต้นทิ้งเงินที่เท่าไหร่ แต่ทุกๆครั้ง อยากให้คิดว่า ของมันแพง เหล้าเบียร์ ก็เช่นกัน ขวดละ55 ให้คิดไปเลยว่า เบียร์ขวดนึง 60 65 70บาท ข้าวจานละ35 ก็ให้คิดไปเลยว่า 40 45 50 แล้วแต่ครับ แต่อยากให้เริ่มจากเงินทิ้งน้อยๆก่อน เงินในกระเป๋าจะได้ไม่หมดเร็วเกินไป
..... ลำดับต่อไป
.... เงินทิ้ง ที่เราเก็บได้ อย่าไปนับ อย่าไปสนใจครับ เพราะคิดไว้เลยว่า เราซื้อของสิ่งนั้นไปแล้วไม่มีแล้ว ทิ้งไปแล้วนั่นเอง ต่อไปให้คุณไปเปิดบัญชีของธนาคารอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องมีบัตรATM เมื่อครบ1เดือน ให้นำเงินทิ้งทั้งหมด ไปฝากเงินที่ธนาคารนั้นแล้วคิดเหมือนเดิมครับ ทิ้งไปแล้วอย่าไปคิดว่าเงินเก็บนะครับ ถ้าคิดว่าเป็นเงินเก็บ คุณจะนำเงินนั้นออกมาใช้ในเร็ววัน แต่ส่วนตัวผม ผมจะทำแบบนี้ครับ พอผมเก็บได้ทุกๆ1เดือน ผมก็นำเศษเงินเหล่านั้นไปแลกกับร้านขายของชำที่ผมซื้อของเขาทุกวันนั่นแหล่ะ (เขาชอบจะได้มีเงินทอน) พอผมได้เงินมา ผมจะมีเพื่อนอยู่คนนึงที่เปิดธนาคารเดียวกับผม และพอมีเงิน(คือฐานะดีกว่าผมอ่ะแหล่ะ อิอิ) ผมก็จะให้เขาโอนเงินผ่านโทรศัพท์ให้ แล้วผมก็เอาเงินสดให้เขา ง่าย สะดวก สบาย ทั้ง2ฝ่าย อิอิ
... อ่าว บุหรี่อย่างเดียวหรือ ไม่ครับ!! ผมทิ้งเงินทุกๆอย่างที่ผมใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่กาแฟตอนเช้า ข้าวตอนเที่ยง ขนมตอนบ่าย เบียร์ตอนเย็น และอาหารมื้อดึกก่อนนอน ทุกๆอย่าง ผมทิ้งเศษเงินหรือเพิ่มราคาทั้งหมด แม้กระทั่ง น้ำมันรถยนต์!! ผมเติมน้ำมันอาทิตย์ละ200 ผมก็จะทิ้งไป 250 ทุกครั้งที่เติม คิดซะว่า น้ำมันแพง!! ขนาดก่อนขับรถ ผมยังทิ้งเงินไว้ 10 บาททุกวัน เป็นค่าเช่ารถแต่ละวัน เติมลมยางฟรีตามปั๊ม ผมยังคิดว่า ผมต้องเติมลมล้อละ5บาทเลย
... จงจำไว้เสมอว่า แต่ละวันที่เราใช้จ่าย ต้องราคาเงินทิ้งของเรานะครับ ห้ามโกง แบบว่า วั้นนี้ไม่มีเศษ ไม่เก็บก็ได้ ไม่เอานะ!!! ผมเคยมีเงินอยู่แค่35บาท ผมอยากกินข้าว ทั้งที่มันก็กินได้แหล่ะ แต่ต้นทุนเงินทิ้งของผมอยู่ที่จานละ45บาท กินไม่ได้!!! ทำไงหล่ะ ผมก็ต้องหาวิธีอื่นที่ต้องกินจานละ 45 ให้ได้โดยที่ไม่เอาเงินเก็บมาใช้ ผมไปยืมเพื่อนอีก10 บาท 55555+ พรุ่งนี้ค่อยคืน คิดแล้วก็เห็นแก่ตัวชะมัด ก็ลองคิดย้อนดูนะครับ ถ้าข้าวมันจานละ45จริงๆแต่คุณมีเงินแค่35 คุณจะทำไง??? แง๊...
....เมื่อเราเริ่มต้นทำตอนแรกๆจะรู้สึกว่าเงินที่เราเคยใช้พอดีกับรายเดือน รายวัน ต่างๆ มันเริ่มหายไปครับ ใช่ครับ หายแน่นอน เพราะทิ้งเงินไปค่อยข้างเยอะเลยในแต่ละวัน เดือนแรกฝืดมากๆ เงินติดขัดไปหมด แต่พอมาเดือนที่2นี่แหล่ะครับ เราจะประหยัดไปในตัวแบบอัติโนมัติเลยทีเดียว ผมก็อธิบายไม่ถูกว่าทำไม แต่มันกลายเป็นนิสัยไปเลย จะซื้อรองเท้าในราคา 199.- เงินทิ้งของผม ไม่ใช่1บาทนะครับ เป็น250.- ตังไม่ถึง ผมไม่ซื้อ กาแฟ13บาท ผมคิด20 ตังไม่ถึง20 ผมไม่กิน!!
***สุดท้ายและท้ายสุด อยากให้คิดอีกอย่างว่า ของที่ไม่จำเป็น เช่น กาแฟ บุหรี่ เหล้า เบียร์ เสื้อผ้า โทรศัพท์ฯลฯ ของใช้จิปาถะที่ยังไม่จำเป็นต้องซื้อต้องใช้แค่อยากได้ อยากซื้อ อยากใช้ ให้บวกราคาไปหนักๆเลยครับ 1เท่าตัวได้ยิ่งดี แล้วเราจะกลายเป็นคนประหยัดขึ้นมาทันที
...... ลองดูนะครับ ขำๆเล่นๆกันก่อน ทิ้งเงินเศษทุกอย่าง อย่างละนิดละหน่อย ค่อยๆเพิ่ม แล้วปีหน้า มาบอกผมมั่งนะครับว่า คุณทิ้งเงินไปกี่บาท !! ขอบคุณคร๊าฟฟฟฟฟฟฟ