ตัวผมเป็นคนกรุงเทพฯเกิดกรุงเทพฯที่นับถือศาสนาพุทธฯมาตั้งแต่เด็ก จนมาชีวิตไว้ทำงาน ทำให้ผมนั้นห่างไกลศาสนาพอสมควรเพราะเทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ความเชื่อต่างๆของผมนั้นลดลงจนจางหายไป จากแต่ก่อนเคยกลัวผี กลัวการทำบาป จนผมได้มาทำงานที่เกี่ยวข้องกับการตายและเคยผ่านชีวิตที่เชียดตายมาแล้ว มันเลยทำให้ผมรู้ว่าการตายนั้นก็คือร่างกายหยุดการทำงานโดยไม่มีวันกลับมาได้ ทุกวันนี้ผมเลยไม่กลัวผี แต่กลัวตายมากกว่า เพราะถ้าตายไปก็ไม่อาจจะใช้ชีวิตในสิ่งที่ไม่เคยทำหรืออาจจะไม่ได้ทำสิ่งที่ฝันไว้ได้สักครั้งในชีวิต ศาสนาที่ผมนับถือตอนนี้คือเลยไม่มี แม้ว่าในบัตรประชาชนของผมจะเป็นพุทธฯเป็นเพราะพ่อแม่ไปแจ้งไว้เท่านั้น ตอนนี้มีใครมาถามผม ผมก็จะบอกไปว่าไม่มีศาสนา เอาจริงๆผมชใช้ชีวิตตามหลักที่ว่า ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน พึ่งตนเองหรือพึ่งตนเองแล้วไม่ไหวก็หาปรึกษาครอบครัวหรือเพื่อนๆให้ช่วย ไม่ทำผิดกฎหมายของประเทศ ทำผิดยอมรับผลที่จะสะท้อนมา
ตั้งแต่เรียนมัธยมฯจนถึงตอนนี้วัยทำงาน ผมคบผู้หญิงมามากมาย ทำให้เจอผู้หญิงหลายๆแบบที่คบด้วยกันมา ในสมัยก่อนผมอาจจะไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องความรักเท่าไหร่เพราะติดเพื่อนมากในสมัยเรียน ทำให้เลิกกับแฟนไปหลายๆจน ในมาในวัยทำงานผมได้เริ่มคบกับคนที่ต่างศาสนา โดยเฉพาะสาวมุสลิมที่มาจากปัตตานี ผมได้เคยลองคบอยู่ประมาณ 3 เดือนแต่ก็ไปไม่รอดเพราะผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงศาสนาตัวเองได้ ผมเป็นคนที่ไม่ศรัทธาความเชื่ออะไรเลย ผมเชื่อการกระทำ ความคิดและคำพูดของตัวเองมากกว่า ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยฯแล้วผมมีความชอบอยู่อย่างหนึ่งคือผมชอบสาวใส่ผ้าคลุมฮิญาบมาก เข้าขึ้นว่าโรคจิตเลยก็ว่าได้ ผมไม่อาจละสายตาได้เลย เจอที่ไหนผมต้องมอง ถ้ายิ่งสวยด้วยแล้วผมนี้ไม่อยากละสายตาเลย
จนมาตอนนี้ผมได้คบกับสาวมุสลิมที่มาจากยะลา คนนี้ผมรักมากและขอถวายทั้งกายใจให้เธอเลย เพราะเธอน่ารักมากทั้งนิสัยและการกระทำ ทั้งที่ผมไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน เธอได้คุยกับผมเรื่องเกี่ยวกับที่เราต่างศาสนาการว่า ที่บ้านเธอเคร่งมากถ้าที่บ้านเธอรู้คงไม่ให้คบกัน เธอยังถามอีกว่าผมจะเปลี่ยนให้เธอได้มั้ย ที่บ้านเธออาจจะยอมรับได้ ผมบอกว่าผมสามารถเปลี่ยนได้แต่ทำอย่างไรผมถึงจะกลับมาศรัทธาในศาสนาอีกครั้ง มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะตอนนี้ผมเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อหรือความศรัทธาอะไรแล้ว
เกริ่นมาเยอะเข้าคำถามเลยถ้าสมมุติหนุ่มมุสลิมหรือสาวมุสลิมที่ทางบ้านเคร่งศาสนามากๆ แต่เขาหรือเธอมาคบกับคนต่างศาสนาทั้งที่รู้ว่าคนที่คบอยู่ไม่ใช่ศาสนาเดียวกับตัวเองแล้วจะคบกันเพื่ออะไร ทำไมถึงคบกัน ทั้งที่รู้ๆว่าที่บ้านอาจจะไม่ชอบและไม่ยอมรับ แล้วคบหรือจีบกันมาทำไมตั้งแต่แรก ทำไมไม่บอกปฏิเสธไปเลย แล้วจะคบกันไปทำไมในเมื่อสุดท้ายถ้าที่บ้านไม่ยอมรับก็ต้องเลิกลาการกันต่างคนต่างเสียเวลา
ถ้าที่บ้านเคร่งศาสนาแล้วทำไมถึงคบกับคนต่างศาสนา
ตั้งแต่เรียนมัธยมฯจนถึงตอนนี้วัยทำงาน ผมคบผู้หญิงมามากมาย ทำให้เจอผู้หญิงหลายๆแบบที่คบด้วยกันมา ในสมัยก่อนผมอาจจะไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องความรักเท่าไหร่เพราะติดเพื่อนมากในสมัยเรียน ทำให้เลิกกับแฟนไปหลายๆจน ในมาในวัยทำงานผมได้เริ่มคบกับคนที่ต่างศาสนา โดยเฉพาะสาวมุสลิมที่มาจากปัตตานี ผมได้เคยลองคบอยู่ประมาณ 3 เดือนแต่ก็ไปไม่รอดเพราะผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงศาสนาตัวเองได้ ผมเป็นคนที่ไม่ศรัทธาความเชื่ออะไรเลย ผมเชื่อการกระทำ ความคิดและคำพูดของตัวเองมากกว่า ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยฯแล้วผมมีความชอบอยู่อย่างหนึ่งคือผมชอบสาวใส่ผ้าคลุมฮิญาบมาก เข้าขึ้นว่าโรคจิตเลยก็ว่าได้ ผมไม่อาจละสายตาได้เลย เจอที่ไหนผมต้องมอง ถ้ายิ่งสวยด้วยแล้วผมนี้ไม่อยากละสายตาเลย
จนมาตอนนี้ผมได้คบกับสาวมุสลิมที่มาจากยะลา คนนี้ผมรักมากและขอถวายทั้งกายใจให้เธอเลย เพราะเธอน่ารักมากทั้งนิสัยและการกระทำ ทั้งที่ผมไม่เคยรักใครเท่านี้มาก่อน เธอได้คุยกับผมเรื่องเกี่ยวกับที่เราต่างศาสนาการว่า ที่บ้านเธอเคร่งมากถ้าที่บ้านเธอรู้คงไม่ให้คบกัน เธอยังถามอีกว่าผมจะเปลี่ยนให้เธอได้มั้ย ที่บ้านเธออาจจะยอมรับได้ ผมบอกว่าผมสามารถเปลี่ยนได้แต่ทำอย่างไรผมถึงจะกลับมาศรัทธาในศาสนาอีกครั้ง มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเพราะตอนนี้ผมเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อหรือความศรัทธาอะไรแล้ว
เกริ่นมาเยอะเข้าคำถามเลยถ้าสมมุติหนุ่มมุสลิมหรือสาวมุสลิมที่ทางบ้านเคร่งศาสนามากๆ แต่เขาหรือเธอมาคบกับคนต่างศาสนาทั้งที่รู้ว่าคนที่คบอยู่ไม่ใช่ศาสนาเดียวกับตัวเองแล้วจะคบกันเพื่ออะไร ทำไมถึงคบกัน ทั้งที่รู้ๆว่าที่บ้านอาจจะไม่ชอบและไม่ยอมรับ แล้วคบหรือจีบกันมาทำไมตั้งแต่แรก ทำไมไม่บอกปฏิเสธไปเลย แล้วจะคบกันไปทำไมในเมื่อสุดท้ายถ้าที่บ้านไม่ยอมรับก็ต้องเลิกลาการกันต่างคนต่างเสียเวลา