คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
กล้อง dSLR .. ม่าน #1 ปิดหน้าเซนเซอร์ตลอด
เพราะแสงสะท้อนกระจก ไปเข้าช่องมองภาพ
ตากล้องก็สามารถเห็นสิ่งที่จะถ่าย และทำนู่นนั่นนี่ได้
แต่ mirrorless .. ไม่มีกระจกสะท้อนแสง
แล้วจะเห็นภาพของสิ่งที่จะถ่ายได้อย่างไร??
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
กล้อง MRL .. จะเปิดม่าน #1 ตลอด
แสงจะกระทบเซนเซอร์ตลอดเวลา
เซนเซอร์จะทำตัวเหมือนเซนเซอร์ vdo
คือ มีการ clear, รับแสง, ส่งภาพ, clear, รับแสง, ส่งภาพ .. ไปเรื่อยๆ
ภาพที่ส่งจาก sensor ก็จะไปเข้าวงจร ปรับให้เหมาะสม เพื่อแสดงออกที่ช่องมองภาพอีเล็คโทรนิคส์ (Electronic View Finder, EVF) หรือ จอ LCD หลังกล้อง
ก็เหมือนกล้อง vdo นั่นแหละ
แต่เมื่อชัตเตอร์ถูกกด
3.0 Pre conditioning
- ม่าน #1 จะเลื่อนมาปิดเซนเซอร์ อย่างเร็วมาก (ใช้เวลาระดับสิบในพันวินาที)
- วงจรรีเซต จะทำการเคลียร์ข้อมูลเซนเซอร์ (ใช้เวลาระดับสิบในล้านวินาที)
- ม่าน #1 จะถอยหลังด้วยความเร็วสุดๆ เพื่อเปิดให้เซนเซอร์รับแสง
วงรอบการทำงานนี้ ก่อปัญหาร้ายแรง คือ .. ชัตเตอร์เลื่อนมาปิดอย่างเร็ว และ เปิดอย่างเร็ว
ก็เหมือนกับรถวิ่ง 100 กม/ชม แล้วเบรคกึก ก่อนเข้าเกียร์ถอยด้วยความเร็ว 100 กม/ชม
ที่ต้องทำแบบนี้
เพราะระยะเวลาตั้งแต่กดชัตเตอร์ ถึงเวลาที่เซนเซอร์เริ่มรับแสง .. ที่เรียกว่า Lag Time
ของ dSLR มีแค่ 0.1-0.2 วินาทีเท่านั้น
ของ MRL รุ่นแรกๆ ปาเข้าไป 0.5 วิ!!
แปลว่า กดชัตเตอร์แล้ว .. กล้อง "นิ่ง, เฉย, มึน, ซื่อบื้อ" .. ไปอึดนึง ก่อนจะรับภาพ
คนซื้อใช้ .. ยอมรับไม่ได้หรอก!!
Lag Time ต้องสั้นสุด
dSLR ทำได้ เพราะมีแค่ช่วงเวลาดีดกระจกให้พ้นทางเท่านั้น
แต่ MRL .. ทำสามขั้นตอน!
ถ้าม่าน #1 ช้า .. คนบ่น และ ไม่ซื้อใช้
เมื่อทำงานเร็ว .. แรงกระแทก เกิดแรงมหาศาล
เรียกว่า "shutter shock"
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก ของ MRL แทบทุกตัว เพราะแรงกระแทกมันส่งผ่านถึงเลนส์และตัวกล้อง
ทำให้ภาพสั่นไหวอย่างรุนแรง
ก็แก้ไขกันอยู่เรื่อยๆ
ผ่านมาถึง MRL gen 3 แล้ว .. เบาลงไปเยอะ
Sony A7 v.1 เนี่ย
เสียงชัตเตอร์ แช๊ะนึง .. คนรู้ทั้งซอย!! 555+
เพราะแสงสะท้อนกระจก ไปเข้าช่องมองภาพ
ตากล้องก็สามารถเห็นสิ่งที่จะถ่าย และทำนู่นนั่นนี่ได้
แต่ mirrorless .. ไม่มีกระจกสะท้อนแสง
แล้วจะเห็นภาพของสิ่งที่จะถ่ายได้อย่างไร??
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
กล้อง MRL .. จะเปิดม่าน #1 ตลอด
แสงจะกระทบเซนเซอร์ตลอดเวลา
เซนเซอร์จะทำตัวเหมือนเซนเซอร์ vdo
คือ มีการ clear, รับแสง, ส่งภาพ, clear, รับแสง, ส่งภาพ .. ไปเรื่อยๆ
ภาพที่ส่งจาก sensor ก็จะไปเข้าวงจร ปรับให้เหมาะสม เพื่อแสดงออกที่ช่องมองภาพอีเล็คโทรนิคส์ (Electronic View Finder, EVF) หรือ จอ LCD หลังกล้อง
ก็เหมือนกล้อง vdo นั่นแหละ
แต่เมื่อชัตเตอร์ถูกกด
3.0 Pre conditioning
- ม่าน #1 จะเลื่อนมาปิดเซนเซอร์ อย่างเร็วมาก (ใช้เวลาระดับสิบในพันวินาที)
- วงจรรีเซต จะทำการเคลียร์ข้อมูลเซนเซอร์ (ใช้เวลาระดับสิบในล้านวินาที)
- ม่าน #1 จะถอยหลังด้วยความเร็วสุดๆ เพื่อเปิดให้เซนเซอร์รับแสง
วงรอบการทำงานนี้ ก่อปัญหาร้ายแรง คือ .. ชัตเตอร์เลื่อนมาปิดอย่างเร็ว และ เปิดอย่างเร็ว
ก็เหมือนกับรถวิ่ง 100 กม/ชม แล้วเบรคกึก ก่อนเข้าเกียร์ถอยด้วยความเร็ว 100 กม/ชม
ที่ต้องทำแบบนี้
เพราะระยะเวลาตั้งแต่กดชัตเตอร์ ถึงเวลาที่เซนเซอร์เริ่มรับแสง .. ที่เรียกว่า Lag Time
ของ dSLR มีแค่ 0.1-0.2 วินาทีเท่านั้น
ของ MRL รุ่นแรกๆ ปาเข้าไป 0.5 วิ!!
แปลว่า กดชัตเตอร์แล้ว .. กล้อง "นิ่ง, เฉย, มึน, ซื่อบื้อ" .. ไปอึดนึง ก่อนจะรับภาพ
คนซื้อใช้ .. ยอมรับไม่ได้หรอก!!
Lag Time ต้องสั้นสุด
dSLR ทำได้ เพราะมีแค่ช่วงเวลาดีดกระจกให้พ้นทางเท่านั้น
แต่ MRL .. ทำสามขั้นตอน!
ถ้าม่าน #1 ช้า .. คนบ่น และ ไม่ซื้อใช้
เมื่อทำงานเร็ว .. แรงกระแทก เกิดแรงมหาศาล
เรียกว่า "shutter shock"
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก ของ MRL แทบทุกตัว เพราะแรงกระแทกมันส่งผ่านถึงเลนส์และตัวกล้อง
ทำให้ภาพสั่นไหวอย่างรุนแรง
ก็แก้ไขกันอยู่เรื่อยๆ
ผ่านมาถึง MRL gen 3 แล้ว .. เบาลงไปเยอะ
Sony A7 v.1 เนี่ย
เสียงชัตเตอร์ แช๊ะนึง .. คนรู้ทั้งซอย!! 555+
หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา ขำกลิ้ง, อาป๋อง ถูกใจ, Capture the Timeline ถูกใจ, Some-One ถูกใจ, fishbasket ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 3434965 ทึ่ง
แสดงความคิดเห็น
ม่านชัตเตอร์มันสับลง...แล้วสับขึ้นเลยไหมครับ หรือต้องรอกดชัตเตอร์ครั้งต่อไป
ก็ได้แต่สงสัยว่าแล้วเวลา Speed สูงๆ มันตบทันได้ยังไง เฟือง สปริง ไม่กระจายเหรอ 555+
อ้อ ที่แท้มี 2 ชุดบน-ล่าง https://i.stack.imgur.com/uoHOW.gif
แล้วเวลาตั้ง Speed สูงๆ มันไม่ใช่แค่สับให้เร็วขึ้นอย่างเดียว แต่เป็นการหรี่ช่องให้แคบด้วย
https://iso.500px.com/fascinating-super-slow-mo-video-reveals-how-a-fast-dslr-camera-shutter-works/
คำถามคือ พอมันเปิด 1 รอบ...ม่านสับลงทั้งคู่...แล้วมันจะสับขึ้นที่เดิมทันทีไหมครับ หรือต้องรอถ่ายช๊อตต่อไปก่อน
(แบบหลังดูจะถนอมม่านกว่า ทำงานรอบละครั้ง แต่สปริงจะล้าหรือไม่เพราะต้องคอยง้างม่านที่ถูกดึงลงตลอดเวลา จนกว่าจะกดชัตเตอร์ครั้งต่อไป....รึเปล่า อันนี้เดาล้วนๆ ครับ)
.
.
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้