ตอนที่ 1 พบกันครั้งแรก
วันหนึ่งมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อผมมาทางโทรศัพท์
“พี่ๆมีอยู่เคสนึงที่พี่ต้องมาสอนด้วยตัวเองนะ”
“อืม ดาไม่รู้เหรอว่าตอนนี้พี่ยุ่งแค่ไหน”
“รู้ แต่เคสนี้ต้องเป็นพี่เท่านั้นที่จะสอนได้”
ผมสงสัยจึงถามต่อว่า
“เป็นเด็กชั้นไหนล่ะ”
ทางฝั่งโน้นบอกมาว่า
“เป็นเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบ”
“เอ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่สอนการบ้านเด็กอนุบาลนะ เมื่อหลายปีก่อนยังสยองอยู่เลย เด็กซนมาก วิ่งซะรอบบ้านเลย พี่วิ่งตามไม่ทันหรอก”
“ไม่ได้สอนการบ้านเด็กอนุบาลค่ะพี่ คุณแม่ของน้องอยากหาครูไปสอนวิทยาศาสตร์ ม.ปลายให้น้องเขา”
“อะไรนะ”
“พี่ฟังไม่ผิดหรอก เขาอยากให้สอนวิทยาศาสตร์ ม.ปลาย และอยากได้ครูที่สอนได้ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และสามารถสอนคณิตศาสตร์ ม.ปลายได้ด้วย เท่าที่หนูรู้จักตอนนี้ก็มีพี่คนเดียวแหละที่ทำได้”
ฟังแล้วผมอึ้งมาก ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดรึเปล่า ผมจึงถามย้ำไปอีกรอบ น้องเขาตอบกลับมาว่า
“พี่ฟังไม่ผิดหรอก และพี่เหมาะกับน้องเขาจริงๆนะ อ้อ เกือบลืมบอกไปว่า เขาให้สอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งก็น่าจะมีพี่คนเดียวนี่แหละที่มีคุณสมบัติที่เขาต้องการครบถ้วน”
ฟังแล้ว ผมว่ามันน่าสนใจมาก ผมจึงตอบรับทันที ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน มันน่าสนใจมากจริงๆนะ ผมจึงพักงานของผมกับการเรียนปริญญาเอกไว้สักพักนึง อีกไม่นานผมก็ต้องสอบวัดคุณสมบัติปริญญาเอกแล้ว แต่ผมว่าเคสนี้ก็สำคัญกับผมมากเลยนะ และผมควรจะเตรียมพร้อมให้ดี
ผมคิดว่าผมควรจะเริ่มที่ชีวะก่อน ผมเล็งเรื่องระบบย่อยอาหารไว้เพราะมันน่าจะเชื่อมต่อกับฟิสิกส์และเคมีได้ดี เมื่อเราต้องการอาหารเพื่อให้ได้พลังงานมาใช้ในชีวิตประจำวัน มันก็จะโยงไปยังเรื่องของฟิสิกส์ได้ และพอพูดถึงสารอาหาร มันก็จะโยงเข้ากับเคมีได้ด้วย เมื่อตกปากรับคำแล้วว่าจะสอน เรื่องต่อไปที่ต้องทำก็คือการออกเดินทางไปหาสื่อที่เหมาะกับตัวน้อง
ผมเลือกร้านหนังสือคิโนะคุนิยะสาขาเอ็มควอเทียร์ครับ เพราะน่าจะมีหนังสือที่ผมต้องการ เลือกอยู่นานผมก็ไปถูกใจ Biology Coloring Workbook: An Easier and Better Way to Learn Biology (Coloring Workbooks) ของ Edward Alcamo ผมชอบมากและคิดว่าเหมาะกับน้องเพราะทั้งเล่ม รูปแบบจะเป็นแบบเดียวกันคือด้านซ้ายจะเป็นเนื้อหา ด้านขวาจะเป็นแผนภาพที่ลึกและละเอียดมาก แต่มันจะเป็นภาพขาวดำที่สวยและจงใจไว้ให้เด็กระบายสีได้
ผมแปลกใจอยู่เหมือนกันนะครับที่มีคนคิดทำหนังสือแบบนี้ออกมา คือเนื้อหามันก็ยากนะ แต่เขามีภาพที่เหมาะแก่การระบายสีเป็นร้อยๆภาพ เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมจึงรอวันที่ผมจะได้พบกับ ... แดน ...
ผมวางแผนการสอนไว้ว่าเจอกันครั้งแรก ชั่วโมงแรกจะชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษเรื่องระบบย่อยอาหารอย่างละเอียดแบบที่ผมเคยสอนนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่ 1 ส่วนชั่วโมงที่สองก็น่าจะต่อด้วยเรื่องระบบหมุนเวียนเลือดแบบละเอียด เอาสองเรื่องนี้ก่อนเพราะมันน่าจะช่วยให้โยงไปสู่เรื่องของฟิสิกส์และเคมีได้ง่าย
พอถึงวันที่ผมจะต้องเดินทางไปบ้านของแดน ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เจอเขา เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน และพอผมเจอเขา ผมก็ได้พบกับเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการทีเดียว แต่เขาก็ดูเหมือนกับเด็กผู้ชายทั่วไป ตอนที่เขาพบผม เขากล่าวเป็นภาษาไทยว่า “สวัสดีครับ” ผมก็กล่าวเป็นภาษาไทยกับเขาว่า “สวัสดีครับ” เช่นเดียวกัน แต่หลังจากนั้นเราก็สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
ความประทับใจแรกในตัวของแดนคือเขาก็เป็นเด็กผู้ชายทั่วไป มองลึกไปในดวงตาของเขา เราจะไม่พบความเครียดเลย เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีสุขภาพจิตดีมากและน่ารักมากและก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก
ชั่วโมงแรกผมก็สอนเขา ชวนเขาคุยตามแผนที่ผมวางเอาไว้ ตอนแรกผมคาดว่าเราจะคุยเรื่องระบบย่อยอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เรื่องนี้จบลงภายในเวลา 15 นาที เพราะแดนรู้หมดแล้ว เขารู้ว่าอะไรคืออะไร รู้ว่าอาหารโปรตีนย่อยครั้งแรกที่ไหน ตับอ่อนมีหน้าที่อย่างไร น้ำดีทำหน้าที่อะไร รู้ปฏิกิริยาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กคือรู้ทะลุปรุโปร่งเหมือนคนที่เรียนสาขาสรีรวิทยาในระดับปริญญาโท ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้ดีเพราะปริญญาโทใบแรกของผม ผมก็เรียนทางด้านสรีรวิทยาจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
ต่อมาผมก็ชวนคุยเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด แต่มันก็จบในเวลา 15 นาทีอีก เพราะแดนรู้หมดทุกอย่าง เวลาเขาพูดตอนเลือดผ่านหัวใจ เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เขารู้จักพวกสุพรีเรียและอินฟีเรีย เวนาคาวาอย่างดี รู้ว่าเลือดผ่านลิ้นหัวใจอะไรไปสู่ห้องไหน เลือดไปสู่ปอดด้วยเหตุผลอะไร และกลับเข้ามาสู่หัวใจทางห้องไหน ด้วยเส้นเลือดอะไรแล้วเลือดไปไหนต่อ เขาเล่าจนเลือดออกจากหัวใจทางเอออร์ต้าแล้วนำออกซิเจนไปสู่เซลล์ได้อย่างไรและเริ่มจะเข้าเรื่องของการหายใจแบบใช้ออกซิเจนที่เซลล์
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง มันจบทุกอย่างที่ผมเตรียมมาแล้ว ผมเริ่มเหงื่อแตก แต่พอหันมองหน้าแดน เขายังดูสดใสมาก มีแววตาที่เป็นธรรมชาติ ในแววตาของแดนไม่มีความเคร่งเครียดอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ใส่แว่น ตาเขาใสเหมือนแก้ว ร่างกายมีสุขภาพดี สุขภาพจิตดีมาก ตอนเรียนก็มีสมาธิดีมาก
อีกครึ่งชั่วโมงที่เหลือ ผมจึงหยิบหนังสือ Biology Coloring Workbook: An Easier and Better Way to Learn Biology (Coloring Workbooks) ของ Edward Alcamo ขึ้นมาแล้วชวนคุยไปเรื่อยๆ ผมประหลาดใจมากเพราะแดนเข้าใจระบบประสาทเป็นอย่างดี รู้จักเรื่องของสมอง รู้จักเซลล์ประสาท เข้าใจเรื่องการส่งกระแสประสาท รู้จักเดนไดร์ แอกซอน เยื่อไมอีลิน จนมาถึง Action potential เขาก็รู้จักมันเป็นอย่างดี
แต่ที่ผมแปลกใจไปกว่านั้น เขาก็รู้จักระบบภูมิคุ้มกันเป็นอย่างดี รู้จักบีเซลล์ ทีเซลล์ รู้จักและเข้าใจระบบพวกนี้อย่างละเอียดยิบ รวมทั้งระบบหายใจด้วย แดนเรียนจบเรื่องระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันและระบบหายใจภายในครึ่งชั่วโมง
สรุปง่ายๆว่า 5 ระบบสำคัญคือระบบย่อยอาหาร หมุนเวียนเลือด ระบบประสาท ภูมิคุ้มกัน และระบบหายใจ ที่ผมมักจะสอนนิสิตปริญญาตรีและโทจนจบภายในหลายสัปดาห์ แต่ผมสอนแดน เด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบจบภายใน 1 ชั่วโมงเพราะแดนรู้เยอะแล้ว ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น แดนยังจำตารางธาตุได้หมดแล้วด้วย ซึ่งตัวผมเองจำได้ไม่หมดหรอก จำได้แต่หมู่ 1 ถึงหมู่ 8 นอกนั้นไม่ได้จำเลย ผมเริ่มเหงื่อแตกเลยบอกแดนว่า “ขอเบรก 10 นาทีนะ” เป็นครั้งแรกที่คนต้องการเบรกมากๆคือผม ไม่ใช่นักเรียน
*** แดน อัจฉริยะวัย 5 ขวบ เพื่อนใหม่ของผม (ผมอายุ 45 ปีครับ) (เขียนจากเรื่องจริง) ***
วันหนึ่งมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งติดต่อผมมาทางโทรศัพท์
“พี่ๆมีอยู่เคสนึงที่พี่ต้องมาสอนด้วยตัวเองนะ”
“อืม ดาไม่รู้เหรอว่าตอนนี้พี่ยุ่งแค่ไหน”
“รู้ แต่เคสนี้ต้องเป็นพี่เท่านั้นที่จะสอนได้”
ผมสงสัยจึงถามต่อว่า
“เป็นเด็กชั้นไหนล่ะ”
ทางฝั่งโน้นบอกมาว่า
“เป็นเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบ”
“เอ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่สอนการบ้านเด็กอนุบาลนะ เมื่อหลายปีก่อนยังสยองอยู่เลย เด็กซนมาก วิ่งซะรอบบ้านเลย พี่วิ่งตามไม่ทันหรอก”
“ไม่ได้สอนการบ้านเด็กอนุบาลค่ะพี่ คุณแม่ของน้องอยากหาครูไปสอนวิทยาศาสตร์ ม.ปลายให้น้องเขา”
“อะไรนะ”
“พี่ฟังไม่ผิดหรอก เขาอยากให้สอนวิทยาศาสตร์ ม.ปลาย และอยากได้ครูที่สอนได้ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และสามารถสอนคณิตศาสตร์ ม.ปลายได้ด้วย เท่าที่หนูรู้จักตอนนี้ก็มีพี่คนเดียวแหละที่ทำได้”
ฟังแล้วผมอึ้งมาก ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดรึเปล่า ผมจึงถามย้ำไปอีกรอบ น้องเขาตอบกลับมาว่า
“พี่ฟังไม่ผิดหรอก และพี่เหมาะกับน้องเขาจริงๆนะ อ้อ เกือบลืมบอกไปว่า เขาให้สอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งก็น่าจะมีพี่คนเดียวนี่แหละที่มีคุณสมบัติที่เขาต้องการครบถ้วน”
ฟังแล้ว ผมว่ามันน่าสนใจมาก ผมจึงตอบรับทันที ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน มันน่าสนใจมากจริงๆนะ ผมจึงพักงานของผมกับการเรียนปริญญาเอกไว้สักพักนึง อีกไม่นานผมก็ต้องสอบวัดคุณสมบัติปริญญาเอกแล้ว แต่ผมว่าเคสนี้ก็สำคัญกับผมมากเลยนะ และผมควรจะเตรียมพร้อมให้ดี
ผมคิดว่าผมควรจะเริ่มที่ชีวะก่อน ผมเล็งเรื่องระบบย่อยอาหารไว้เพราะมันน่าจะเชื่อมต่อกับฟิสิกส์และเคมีได้ดี เมื่อเราต้องการอาหารเพื่อให้ได้พลังงานมาใช้ในชีวิตประจำวัน มันก็จะโยงไปยังเรื่องของฟิสิกส์ได้ และพอพูดถึงสารอาหาร มันก็จะโยงเข้ากับเคมีได้ด้วย เมื่อตกปากรับคำแล้วว่าจะสอน เรื่องต่อไปที่ต้องทำก็คือการออกเดินทางไปหาสื่อที่เหมาะกับตัวน้อง
ผมเลือกร้านหนังสือคิโนะคุนิยะสาขาเอ็มควอเทียร์ครับ เพราะน่าจะมีหนังสือที่ผมต้องการ เลือกอยู่นานผมก็ไปถูกใจ Biology Coloring Workbook: An Easier and Better Way to Learn Biology (Coloring Workbooks) ของ Edward Alcamo ผมชอบมากและคิดว่าเหมาะกับน้องเพราะทั้งเล่ม รูปแบบจะเป็นแบบเดียวกันคือด้านซ้ายจะเป็นเนื้อหา ด้านขวาจะเป็นแผนภาพที่ลึกและละเอียดมาก แต่มันจะเป็นภาพขาวดำที่สวยและจงใจไว้ให้เด็กระบายสีได้
ผมแปลกใจอยู่เหมือนกันนะครับที่มีคนคิดทำหนังสือแบบนี้ออกมา คือเนื้อหามันก็ยากนะ แต่เขามีภาพที่เหมาะแก่การระบายสีเป็นร้อยๆภาพ เมื่อทุกอย่างพร้อม ผมจึงรอวันที่ผมจะได้พบกับ ... แดน ...
ผมวางแผนการสอนไว้ว่าเจอกันครั้งแรก ชั่วโมงแรกจะชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษเรื่องระบบย่อยอาหารอย่างละเอียดแบบที่ผมเคยสอนนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่ 1 ส่วนชั่วโมงที่สองก็น่าจะต่อด้วยเรื่องระบบหมุนเวียนเลือดแบบละเอียด เอาสองเรื่องนี้ก่อนเพราะมันน่าจะช่วยให้โยงไปสู่เรื่องของฟิสิกส์และเคมีได้ง่าย
พอถึงวันที่ผมจะต้องเดินทางไปบ้านของแดน ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เจอเขา เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน และพอผมเจอเขา ผมก็ได้พบกับเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการทีเดียว แต่เขาก็ดูเหมือนกับเด็กผู้ชายทั่วไป ตอนที่เขาพบผม เขากล่าวเป็นภาษาไทยว่า “สวัสดีครับ” ผมก็กล่าวเป็นภาษาไทยกับเขาว่า “สวัสดีครับ” เช่นเดียวกัน แต่หลังจากนั้นเราก็สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ
ความประทับใจแรกในตัวของแดนคือเขาก็เป็นเด็กผู้ชายทั่วไป มองลึกไปในดวงตาของเขา เราจะไม่พบความเครียดเลย เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีสุขภาพจิตดีมากและน่ารักมากและก็สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก
ชั่วโมงแรกผมก็สอนเขา ชวนเขาคุยตามแผนที่ผมวางเอาไว้ ตอนแรกผมคาดว่าเราจะคุยเรื่องระบบย่อยอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เรื่องนี้จบลงภายในเวลา 15 นาที เพราะแดนรู้หมดแล้ว เขารู้ว่าอะไรคืออะไร รู้ว่าอาหารโปรตีนย่อยครั้งแรกที่ไหน ตับอ่อนมีหน้าที่อย่างไร น้ำดีทำหน้าที่อะไร รู้ปฏิกิริยาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กคือรู้ทะลุปรุโปร่งเหมือนคนที่เรียนสาขาสรีรวิทยาในระดับปริญญาโท ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้ดีเพราะปริญญาโทใบแรกของผม ผมก็เรียนทางด้านสรีรวิทยาจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
ต่อมาผมก็ชวนคุยเรื่องระบบหมุนเวียนเลือด แต่มันก็จบในเวลา 15 นาทีอีก เพราะแดนรู้หมดทุกอย่าง เวลาเขาพูดตอนเลือดผ่านหัวใจ เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เขารู้จักพวกสุพรีเรียและอินฟีเรีย เวนาคาวาอย่างดี รู้ว่าเลือดผ่านลิ้นหัวใจอะไรไปสู่ห้องไหน เลือดไปสู่ปอดด้วยเหตุผลอะไร และกลับเข้ามาสู่หัวใจทางห้องไหน ด้วยเส้นเลือดอะไรแล้วเลือดไปไหนต่อ เขาเล่าจนเลือดออกจากหัวใจทางเอออร์ต้าแล้วนำออกซิเจนไปสู่เซลล์ได้อย่างไรและเริ่มจะเข้าเรื่องของการหายใจแบบใช้ออกซิเจนที่เซลล์
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง มันจบทุกอย่างที่ผมเตรียมมาแล้ว ผมเริ่มเหงื่อแตก แต่พอหันมองหน้าแดน เขายังดูสดใสมาก มีแววตาที่เป็นธรรมชาติ ในแววตาของแดนไม่มีความเคร่งเครียดอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ใส่แว่น ตาเขาใสเหมือนแก้ว ร่างกายมีสุขภาพดี สุขภาพจิตดีมาก ตอนเรียนก็มีสมาธิดีมาก
อีกครึ่งชั่วโมงที่เหลือ ผมจึงหยิบหนังสือ Biology Coloring Workbook: An Easier and Better Way to Learn Biology (Coloring Workbooks) ของ Edward Alcamo ขึ้นมาแล้วชวนคุยไปเรื่อยๆ ผมประหลาดใจมากเพราะแดนเข้าใจระบบประสาทเป็นอย่างดี รู้จักเรื่องของสมอง รู้จักเซลล์ประสาท เข้าใจเรื่องการส่งกระแสประสาท รู้จักเดนไดร์ แอกซอน เยื่อไมอีลิน จนมาถึง Action potential เขาก็รู้จักมันเป็นอย่างดี
แต่ที่ผมแปลกใจไปกว่านั้น เขาก็รู้จักระบบภูมิคุ้มกันเป็นอย่างดี รู้จักบีเซลล์ ทีเซลล์ รู้จักและเข้าใจระบบพวกนี้อย่างละเอียดยิบ รวมทั้งระบบหายใจด้วย แดนเรียนจบเรื่องระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันและระบบหายใจภายในครึ่งชั่วโมง
สรุปง่ายๆว่า 5 ระบบสำคัญคือระบบย่อยอาหาร หมุนเวียนเลือด ระบบประสาท ภูมิคุ้มกัน และระบบหายใจ ที่ผมมักจะสอนนิสิตปริญญาตรีและโทจนจบภายในหลายสัปดาห์ แต่ผมสอนแดน เด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบจบภายใน 1 ชั่วโมงเพราะแดนรู้เยอะแล้ว ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น แดนยังจำตารางธาตุได้หมดแล้วด้วย ซึ่งตัวผมเองจำได้ไม่หมดหรอก จำได้แต่หมู่ 1 ถึงหมู่ 8 นอกนั้นไม่ได้จำเลย ผมเริ่มเหงื่อแตกเลยบอกแดนว่า “ขอเบรก 10 นาทีนะ” เป็นครั้งแรกที่คนต้องการเบรกมากๆคือผม ไม่ใช่นักเรียน