สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Review เที่ยวญี่ปุ่น ตะลุยหิมะ จากโอซาก้าถึงฮอกไกโด สำหรับความเดิมตอนที่แล้วผมยังอยู่ที่เมืองโอซาก้าครับ ซึ่งตั้งอยู่บนบนเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่และอยู่ตรงกลางสุดของประเทศญี่ปุ่น วันนี้ผมจะท่องเที่ยวโอซาก้าด้วยบัตร Osaka Amazing Pass 2016 ครับ
กระทู้หลัก >> Link :
https://pantip.com/topic/36125638
6 กุมภาพันธ์ 2560 : วันนี้ผมเริ่มออกเดินทางค่อนข้างสายครับ คือประมาณ 8โมงเศษ เนื่องจากวางแผนเอาไว้ว่าจะไปซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ที่ Tourist Information Center สถานีนัมบะนันไก ซึ่งจะเปิดทำการในเวลา 09.00 ครับ หลังจากฝากของไว้กับที่พักแล้ว ระหว่างรอก็ถ่ายรูป Lobby ที่พักเป็นที่ระลึกก่อน

ที่พักที่นี่ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียวครับ เพราะอยู่ใกล้กับสถานี สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน แนะนำครับ Khaosan World Namba

ระหว่างทางไปสถานีนัมบะนานไก เจอสี่แยกนี้ คนข้ามเยอะมาก จขกท และคณะมัวแต่ถ่ายรูปข้ามทางม้าลาย ไปกลับอยู่หลายรอบเลย

ยังพอมีเวลาครับ แวะแฟลมิลี่มาร์ท หาอะไรตุนท้องไว้ก่อนเช้านี้


เดินมาถึงแล้วครับ Tourist Information Center รอบนี้มาก่อนเวลาเล็กน้อย ร้านยังไม่เปิด แต่มีคนมาต่อคิวรอแล้วครับ

ได้มาและครับ บัตร Osaka Amazing Pass 2016 ในราคา 2,300 เยน ซึ่งข้อดีของเจ้าบัตรนี่ก็คือสามารถโดยสารรถไฟใต้ดิน Metro ในเมืองโอซาก้าได้ไม่อั้น รวมทั้งเข้าสถานที่สำคัญในเมืองโอซาก้าได้ฟรี 20กว่าแห่ง ทั้งยังใช้เป็นส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งได้อีกด้วย ซึ่งแม้ว่าผมจะถือบัตร JR Rail Pass อยู่ แต่การท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้าส่วนใหญ่นั้น รถไฟใต้ดินจะเข้าถึงสถานที่สำคัญๆได้มากกว่าครับ

จากนั้นก็มาต่อคิวขึ้นรถไฟใต้ดินกันเลย เป้าหมายแรกวันนี้ก็คือปราสาทโอซาก้า โดยจะนั่งรถจากสถานีนัมบะ ไปยังสถานี Morinomiya ครับ (ตอนนั้นผมหาสายรถไฟ Yotsubashi Line อยู่นานมาก ไม่เจอเลย โชคดีได้ลุงชาวญี่ปุ่นท่านนึงพาไปส่ง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ ขอให้เครดิตในนี้แทนละกัน)

จากนั้นก็เดินไปตามทางครับ ใช้ทางออกหมายเลข 1 ขึ้นมาก็เจอกับ Castle Garden เลยครับ


รอบๆสวน บรรยากาศดี ร่มรื่นมาก หากมีโอกาสจะมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ น่าจะได้รูปสวยๆๆเยอะเลยทีเดียวครับ



ระยะทางจากสวนไปปราสาทโอซาก้า ค่อนข้างไกลครับ เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปนกชมไม้ ไปตามทาง ใช้เวลาเกือบครึ่งชม กว่าจะเดินถึงตัวปราสาท ปล. กะไดจะสูงไปไหน

เริ่มเห็นตัวปราสาทลิปๆละครับ เดินเหนื่อยเรย

ได้มาแล้วครับ เดินครึ่งชม.เพื่อแชะนี้ โดยปราสาทโอซาก้านี้ เป็นปราสาทอันยิ่งใหญ่อลังการที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองบนสวนสาธารณะพื้นที่กว่า 2 ตร.กม. นี้เป็นสัญลักษณ์และสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันสำคัญของโอซาก้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นในบริเวณวัดโอซาก้าฮอนกาจิเดิม แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าตัวปราสาทปัจจุบันนั้นไม่ใช่อาคารเก่าแก่ดั้งเดิมที่สร้างขึ้นโดยโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ในปี ค.ศ.1583 เพราะตัวปราสาทหลังเดิมนั้นถูกทำลายลงอันเนื่องมาจากสงครามและภัยธรรมชาติรวมถึงทรุดโทรมตามกาลเวลามาหลายครั้ง (ที่มา : th.japantravel.com)

รอบนี้ไม่ได้เดินเข้าในปราสาทครับ เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด จึงได้แค่เดินเล่นบริเวณสวนรอบปราสาทแทน มีของกินขายเยอะเลยทีเดียว


ได้เวลาไปสถานที่เที่ยวต่อไปละครับ ผมกะว่าจะเดินไปขึ้นเรือ Suijo Bus Aqualiner ที่ท่าเรือ Osakajo-ko ซึ่งจากปราสาทโอซาก้าต้องเดินไปอีกประมาณ 15-20 นาทีครับ โดยเรือนั้นจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง รอบที่เล็งไว้คือ 12.00 ครับ

ไปถึงจะต้องซื้อตั๋วที่ออฟฟิศก่อนครับ (ข้างหน้าลิบๆ) แต่ผมโชคร้ายครับ เรือรอบ 12.00 ตั๋วไม่พอ (พนักงานบอกว่ามีตั๋วเหลือ แต่ไม่พอ 8คน) ซึ่งผมจะได้รอบบ่ายโมงแทน นั่งคิดอยู่ตั้งนาน สุดท้ายแคนเซิลโปรแกรมเรือครับ ต้องเปลี่ยนแผนแทน

เมื่อนั่งเรือไม่ได้ก็กลับมานั่งรถไฟตามเดิมนี่ละครับ โดยคราวนี้จะไปลงสถานี TENJIMBASHISUJIROKUCHOME เพื่อเยี่ยมชม Museum of Housing and Living ครับ รอบก่อนที่มาญี่ปุ่น ก็มาที่นี่ แต่ปิดซะก่อน ไม่ทัน 16.30 ส่วนมาโอซาก้าครั้งนี้ไม่พลาดแน่นอนครับ

โดยพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่บนตึกชั้น 8 ที่เดียวกับธนาคาร Mizuho ใครไปครั้งแรกอาจจะงงๆครับ หาทางเข้ายากนิดนึง ส่วนผมเลือกหาร้านอาหารก่อนครับ หิวมากตอนนั้น โดยที่รอบๆสถานีจะเป็นย่านถนนช้อปปิ้งเท็นจินบาซึ ซูจิครับ ของกินเพียบ

มาจบที่ร้านนี้แหละครับ ดูท่าทางน่ากินดี


ร้านเป็นแบบตู้หยอดเหรียญครับ สไลด์ดูเมนูอยู่นาน ได้มาแล้วจ้า ข้าวหมูย่างซอสญี่ปุ่น ราคา 650เยน

กินอิ่มก็กลับเข้าตึกครับ ไม่รู้ว่าเป็นวันท่องเที่ยวหรือยังไง คนมาพิพิธภัณฑ์เยอะมาก เยอะจนต้องต่อคิว(ยาว)ขึ้นลิฟท์ ซึ่งก็รอนานทีเดียวครับ

ได้เข้ามาแล้วครับ ทีแรกตั้งใจว่าจะมาเช่าชุดกิโมโนในราคา 200 เยน ตามที่ได้อ่านในรีวิว มาถึงปรากฎว่าคนเยอะจัด ชุดถูกจองเกลี้ยงไปยาวจนถึงรอบ 16.00 เลยทีเดียว

คนเยอะจริงๆครับ หามุมถ่ายไม่ติดนักท่องเที่ยวไม่ได้เลย

เดินได้ซักพักก็กลับครับ ลงมาชั้นล่างอีกชั้นเป็นแบบโมเดลจำลองสิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ชมครับ

ขณะนี้เวลา 15.30 แล้ว ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปละครับ ซึ่งได้แก่ หอคอยซึเทนกะกุ (Tsutenkaku Tower) สัญลักษณ์แทนเมืองโอซาก้ายุคใหม่ หอคอยสร้างขึ้นครั้งแรกปี ค.ศ.1912 เพื่อเฉลิมฉลองงานแสดงสินค้าครั้งใหญ่ของประเทศ ในเขตศูนย์กลางโลกใหม่”ชินเซไก”ในสมัยนั้น โดยใช้ประตูชัยแห่งประเทศฝรั่งเศสเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรม หอคอยในยุคนั้นมีความสูง 64 เมตร มีกระเช้าชิงข้าสำหรับนั่งขึ้นไปชมบนยอดได้ และถูกตั้งชื่อว่า “ซึเทนกะกุ” ซึ่งแปลเป็นไทยยว่า “อาคารสูงระฟ้า” EBISUCHO(OSAKA) (ที่มา :
https://th.japantravel.com) โดยนั่งรถไฟไปลงสถานี EBISUCHO(OSAKA) ครับ

วิธีการขึ้นหอคอยนี้คือเดินลงมาชั้นใต้ดินก่อนครับ จะมีลิฟท์พาขึ้นไปข้างบน ระหว่างนั้นมีละครลิงพอดีครับ คนไทย 8คนไปนั่งฟังแสดงลิง พูดภาษาญี่ปุ่นฟังไม่ออก มีหน้าที่ตบมืออย่างเดียว

เป็นวันที่จะเที่ยวไหนก็ต้องต่อคิวครับ คิวขึ้นหอคอยยาวเหมือนเดิม ต่อคิวขึ้นลิฟท์ครับ

ทางเดินขึ้นหอคอย มีจุดสูบทรัพย์เพียบครับ ตรงโซนนี้มีเครื่องโดกาปอง ตรึมเลยครับ กลัวไม่พอรึยังไงเนี่ย 555+

ขึ้นมาแล้วจ้า วิวสวยใช้ได้ แต่เสียดายข้างบนเป็นแบบ Indoor ไม่ได้รับลมเลย แต่หากอยากขึ้นไปดาดฟ้า ดูเหมือนจะต้องเสียตังค์เพิ่มนะครับ

ขากลับลงมาจะผ่านโซน Pocky มีจัดพร๊อพไว้ถ่ายรูป สวยงาม

ตอนนี้เกือบหกโมงละครับ หน้าหนาวที่ญี่ปุ่นมืดเร็วมาก ได้เวลาเดินทางกลับแล้วครับ ผมยังเหลือโปรแกรมอีกสองจุด ได้แก่กระเช้า HIPFive และ Umeda Sky Building ก่อนจะกลับไปนอนที่เกียวโตครับ

นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Umeda โผล่ขึ้นมาจะเจอห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆครับ เดินเข้าไปขึ้นลิฟท์ไปชั้น 7 เลยครับ จะเจอทางขึ้นกระเช้ายักษ์ และสิ่งที่พบก็คือ นักท่องเที่ยวเยอะมาก คิวยาวเฟื้อยเลยครับ น่าจะเพราะเป็นเดือนแห่งความรักด้วย หนุ่มสาวพากันมาขึ้นกระเช้ากันหมด


กว่าจะถึงคิวผมนี่ ยืนรอเกือบชั่วโมงครับ หมดเวลาไปนานเลย แต่พอได้ขึ้นดูทัศนียภาพก็โอเคครับ น่าเสียดายว่าได้นั่งแค่รอบเดียว (คราวก่อนมา ไม่มีคน ได้นั่งตั้ง สามรอบแหนะ)


จากนั้นผมเดินเท้า 15 นาทีไปยัง Umeda Sky Building ครับ เพื่อจะขึ้นไปดูจุดชมวิวสวนลอยฟ้า น่าเสียดายที่เจอปัญหาเดิมครับ คือคนเยอะมาก คิวยาวๆสุดๆซึ่งผมดูเวลาแล้วขณะนั้นเวลา 20.00 กลัวว่าจะไปเช็คอินที่เกียวโตไม่ทัน จึงต้องยอมทิ้งโปรแกรมนี้ แล้วกลับที่พักเพื่อไปเอาของ ย้ายเมืองไปเกียวโตครับ จากนั้นก็มาขึ้นชิงคันเซ็น ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นจากโอซาก้าไปเกียวโต

ผมแวะซื้อของกินลองท้องก่อนครับ คือตั้งใจจะทานตั้งแต่ที่โอซาก้า แต่หาร้านอาหารไม่ได้เลย รอบนี้เลยซื้อมาทานบนชิงคันเซ็นครับ (เอาแบบรองท้อง) ราคารวมน้ำ 492เยน

จากนั้นถึงสถานีเกียวโต ก็เดินเข้าที่พักครับที่ Guesthouse Kyoto Ekimae ซึ่งเป็นบ้านนอนได้แปดคนครับ (ฮีทเตอร์ห่วยครับ หาความอบอุ่นไม่เจอ ฮือออ) เข้าที่พักได้แปปเดียวก็ออกมาหาของกินครับ มื้อสุดท้ายปิดท้ายวันคืนนี้เป็นข้าวไก่คาราเกะซอสนัมบันครับ 730เยน อร่อยดี
พรุ่งนี้เตรียมพบกับการเดินทางไกล 1,445 กิโลเมตร จากเกียวโต สู่ซัปโปโร เมืองสำคัญแห่งเกาะฮอกไกโดครับ เชิญชม Click >>>
https://pantip.com/topic/36128451 (Update!!)
[CR] Review วันที่ 2 เที่ยวโอซาก้าด้วย Osaka Amazing Pass 2016 Osaka Castle / พิพิธภัณฑ์ Housing and Living / กระเช้า HEPFIVE
กระทู้หลัก >> Link : https://pantip.com/topic/36125638
6 กุมภาพันธ์ 2560 : วันนี้ผมเริ่มออกเดินทางค่อนข้างสายครับ คือประมาณ 8โมงเศษ เนื่องจากวางแผนเอาไว้ว่าจะไปซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ที่ Tourist Information Center สถานีนัมบะนันไก ซึ่งจะเปิดทำการในเวลา 09.00 ครับ หลังจากฝากของไว้กับที่พักแล้ว ระหว่างรอก็ถ่ายรูป Lobby ที่พักเป็นที่ระลึกก่อน
ที่พักที่นี่ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียวครับ เพราะอยู่ใกล้กับสถานี สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน แนะนำครับ Khaosan World Namba
ระหว่างทางไปสถานีนัมบะนานไก เจอสี่แยกนี้ คนข้ามเยอะมาก จขกท และคณะมัวแต่ถ่ายรูปข้ามทางม้าลาย ไปกลับอยู่หลายรอบเลย
ยังพอมีเวลาครับ แวะแฟลมิลี่มาร์ท หาอะไรตุนท้องไว้ก่อนเช้านี้
เดินมาถึงแล้วครับ Tourist Information Center รอบนี้มาก่อนเวลาเล็กน้อย ร้านยังไม่เปิด แต่มีคนมาต่อคิวรอแล้วครับ
ได้มาและครับ บัตร Osaka Amazing Pass 2016 ในราคา 2,300 เยน ซึ่งข้อดีของเจ้าบัตรนี่ก็คือสามารถโดยสารรถไฟใต้ดิน Metro ในเมืองโอซาก้าได้ไม่อั้น รวมทั้งเข้าสถานที่สำคัญในเมืองโอซาก้าได้ฟรี 20กว่าแห่ง ทั้งยังใช้เป็นส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งได้อีกด้วย ซึ่งแม้ว่าผมจะถือบัตร JR Rail Pass อยู่ แต่การท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้าส่วนใหญ่นั้น รถไฟใต้ดินจะเข้าถึงสถานที่สำคัญๆได้มากกว่าครับ
จากนั้นก็มาต่อคิวขึ้นรถไฟใต้ดินกันเลย เป้าหมายแรกวันนี้ก็คือปราสาทโอซาก้า โดยจะนั่งรถจากสถานีนัมบะ ไปยังสถานี Morinomiya ครับ (ตอนนั้นผมหาสายรถไฟ Yotsubashi Line อยู่นานมาก ไม่เจอเลย โชคดีได้ลุงชาวญี่ปุ่นท่านนึงพาไปส่ง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ ขอให้เครดิตในนี้แทนละกัน)
จากนั้นก็เดินไปตามทางครับ ใช้ทางออกหมายเลข 1 ขึ้นมาก็เจอกับ Castle Garden เลยครับ
รอบๆสวน บรรยากาศดี ร่มรื่นมาก หากมีโอกาสจะมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ น่าจะได้รูปสวยๆๆเยอะเลยทีเดียวครับ
ระยะทางจากสวนไปปราสาทโอซาก้า ค่อนข้างไกลครับ เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปนกชมไม้ ไปตามทาง ใช้เวลาเกือบครึ่งชม กว่าจะเดินถึงตัวปราสาท ปล. กะไดจะสูงไปไหน
เริ่มเห็นตัวปราสาทลิปๆละครับ เดินเหนื่อยเรย
ได้มาแล้วครับ เดินครึ่งชม.เพื่อแชะนี้ โดยปราสาทโอซาก้านี้ เป็นปราสาทอันยิ่งใหญ่อลังการที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองบนสวนสาธารณะพื้นที่กว่า 2 ตร.กม. นี้เป็นสัญลักษณ์และสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันสำคัญของโอซาก้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นในบริเวณวัดโอซาก้าฮอนกาจิเดิม แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าตัวปราสาทปัจจุบันนั้นไม่ใช่อาคารเก่าแก่ดั้งเดิมที่สร้างขึ้นโดยโทโยโทมิ ฮิเดะโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ในปี ค.ศ.1583 เพราะตัวปราสาทหลังเดิมนั้นถูกทำลายลงอันเนื่องมาจากสงครามและภัยธรรมชาติรวมถึงทรุดโทรมตามกาลเวลามาหลายครั้ง (ที่มา : th.japantravel.com)
รอบนี้ไม่ได้เดินเข้าในปราสาทครับ เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด จึงได้แค่เดินเล่นบริเวณสวนรอบปราสาทแทน มีของกินขายเยอะเลยทีเดียว
ได้เวลาไปสถานที่เที่ยวต่อไปละครับ ผมกะว่าจะเดินไปขึ้นเรือ Suijo Bus Aqualiner ที่ท่าเรือ Osakajo-ko ซึ่งจากปราสาทโอซาก้าต้องเดินไปอีกประมาณ 15-20 นาทีครับ โดยเรือนั้นจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง รอบที่เล็งไว้คือ 12.00 ครับ
ไปถึงจะต้องซื้อตั๋วที่ออฟฟิศก่อนครับ (ข้างหน้าลิบๆ) แต่ผมโชคร้ายครับ เรือรอบ 12.00 ตั๋วไม่พอ (พนักงานบอกว่ามีตั๋วเหลือ แต่ไม่พอ 8คน) ซึ่งผมจะได้รอบบ่ายโมงแทน นั่งคิดอยู่ตั้งนาน สุดท้ายแคนเซิลโปรแกรมเรือครับ ต้องเปลี่ยนแผนแทน
เมื่อนั่งเรือไม่ได้ก็กลับมานั่งรถไฟตามเดิมนี่ละครับ โดยคราวนี้จะไปลงสถานี TENJIMBASHISUJIROKUCHOME เพื่อเยี่ยมชม Museum of Housing and Living ครับ รอบก่อนที่มาญี่ปุ่น ก็มาที่นี่ แต่ปิดซะก่อน ไม่ทัน 16.30 ส่วนมาโอซาก้าครั้งนี้ไม่พลาดแน่นอนครับ
โดยพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่บนตึกชั้น 8 ที่เดียวกับธนาคาร Mizuho ใครไปครั้งแรกอาจจะงงๆครับ หาทางเข้ายากนิดนึง ส่วนผมเลือกหาร้านอาหารก่อนครับ หิวมากตอนนั้น โดยที่รอบๆสถานีจะเป็นย่านถนนช้อปปิ้งเท็นจินบาซึ ซูจิครับ ของกินเพียบ
มาจบที่ร้านนี้แหละครับ ดูท่าทางน่ากินดี
ร้านเป็นแบบตู้หยอดเหรียญครับ สไลด์ดูเมนูอยู่นาน ได้มาแล้วจ้า ข้าวหมูย่างซอสญี่ปุ่น ราคา 650เยน
กินอิ่มก็กลับเข้าตึกครับ ไม่รู้ว่าเป็นวันท่องเที่ยวหรือยังไง คนมาพิพิธภัณฑ์เยอะมาก เยอะจนต้องต่อคิว(ยาว)ขึ้นลิฟท์ ซึ่งก็รอนานทีเดียวครับ
ได้เข้ามาแล้วครับ ทีแรกตั้งใจว่าจะมาเช่าชุดกิโมโนในราคา 200 เยน ตามที่ได้อ่านในรีวิว มาถึงปรากฎว่าคนเยอะจัด ชุดถูกจองเกลี้ยงไปยาวจนถึงรอบ 16.00 เลยทีเดียว
คนเยอะจริงๆครับ หามุมถ่ายไม่ติดนักท่องเที่ยวไม่ได้เลย
เดินได้ซักพักก็กลับครับ ลงมาชั้นล่างอีกชั้นเป็นแบบโมเดลจำลองสิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ชมครับ
ขณะนี้เวลา 15.30 แล้ว ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปละครับ ซึ่งได้แก่ หอคอยซึเทนกะกุ (Tsutenkaku Tower) สัญลักษณ์แทนเมืองโอซาก้ายุคใหม่ หอคอยสร้างขึ้นครั้งแรกปี ค.ศ.1912 เพื่อเฉลิมฉลองงานแสดงสินค้าครั้งใหญ่ของประเทศ ในเขตศูนย์กลางโลกใหม่”ชินเซไก”ในสมัยนั้น โดยใช้ประตูชัยแห่งประเทศฝรั่งเศสเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรม หอคอยในยุคนั้นมีความสูง 64 เมตร มีกระเช้าชิงข้าสำหรับนั่งขึ้นไปชมบนยอดได้ และถูกตั้งชื่อว่า “ซึเทนกะกุ” ซึ่งแปลเป็นไทยยว่า “อาคารสูงระฟ้า” EBISUCHO(OSAKA) (ที่มา : https://th.japantravel.com) โดยนั่งรถไฟไปลงสถานี EBISUCHO(OSAKA) ครับ
วิธีการขึ้นหอคอยนี้คือเดินลงมาชั้นใต้ดินก่อนครับ จะมีลิฟท์พาขึ้นไปข้างบน ระหว่างนั้นมีละครลิงพอดีครับ คนไทย 8คนไปนั่งฟังแสดงลิง พูดภาษาญี่ปุ่นฟังไม่ออก มีหน้าที่ตบมืออย่างเดียว
เป็นวันที่จะเที่ยวไหนก็ต้องต่อคิวครับ คิวขึ้นหอคอยยาวเหมือนเดิม ต่อคิวขึ้นลิฟท์ครับ
ทางเดินขึ้นหอคอย มีจุดสูบทรัพย์เพียบครับ ตรงโซนนี้มีเครื่องโดกาปอง ตรึมเลยครับ กลัวไม่พอรึยังไงเนี่ย 555+
ขึ้นมาแล้วจ้า วิวสวยใช้ได้ แต่เสียดายข้างบนเป็นแบบ Indoor ไม่ได้รับลมเลย แต่หากอยากขึ้นไปดาดฟ้า ดูเหมือนจะต้องเสียตังค์เพิ่มนะครับ
ขากลับลงมาจะผ่านโซน Pocky มีจัดพร๊อพไว้ถ่ายรูป สวยงาม
ตอนนี้เกือบหกโมงละครับ หน้าหนาวที่ญี่ปุ่นมืดเร็วมาก ได้เวลาเดินทางกลับแล้วครับ ผมยังเหลือโปรแกรมอีกสองจุด ได้แก่กระเช้า HIPFive และ Umeda Sky Building ก่อนจะกลับไปนอนที่เกียวโตครับ
นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Umeda โผล่ขึ้นมาจะเจอห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆครับ เดินเข้าไปขึ้นลิฟท์ไปชั้น 7 เลยครับ จะเจอทางขึ้นกระเช้ายักษ์ และสิ่งที่พบก็คือ นักท่องเที่ยวเยอะมาก คิวยาวเฟื้อยเลยครับ น่าจะเพราะเป็นเดือนแห่งความรักด้วย หนุ่มสาวพากันมาขึ้นกระเช้ากันหมด
กว่าจะถึงคิวผมนี่ ยืนรอเกือบชั่วโมงครับ หมดเวลาไปนานเลย แต่พอได้ขึ้นดูทัศนียภาพก็โอเคครับ น่าเสียดายว่าได้นั่งแค่รอบเดียว (คราวก่อนมา ไม่มีคน ได้นั่งตั้ง สามรอบแหนะ)
จากนั้นผมเดินเท้า 15 นาทีไปยัง Umeda Sky Building ครับ เพื่อจะขึ้นไปดูจุดชมวิวสวนลอยฟ้า น่าเสียดายที่เจอปัญหาเดิมครับ คือคนเยอะมาก คิวยาวๆสุดๆซึ่งผมดูเวลาแล้วขณะนั้นเวลา 20.00 กลัวว่าจะไปเช็คอินที่เกียวโตไม่ทัน จึงต้องยอมทิ้งโปรแกรมนี้ แล้วกลับที่พักเพื่อไปเอาของ ย้ายเมืองไปเกียวโตครับ จากนั้นก็มาขึ้นชิงคันเซ็น ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นจากโอซาก้าไปเกียวโต
ผมแวะซื้อของกินลองท้องก่อนครับ คือตั้งใจจะทานตั้งแต่ที่โอซาก้า แต่หาร้านอาหารไม่ได้เลย รอบนี้เลยซื้อมาทานบนชิงคันเซ็นครับ (เอาแบบรองท้อง) ราคารวมน้ำ 492เยน
จากนั้นถึงสถานีเกียวโต ก็เดินเข้าที่พักครับที่ Guesthouse Kyoto Ekimae ซึ่งเป็นบ้านนอนได้แปดคนครับ (ฮีทเตอร์ห่วยครับ หาความอบอุ่นไม่เจอ ฮือออ) เข้าที่พักได้แปปเดียวก็ออกมาหาของกินครับ มื้อสุดท้ายปิดท้ายวันคืนนี้เป็นข้าวไก่คาราเกะซอสนัมบันครับ 730เยน อร่อยดี
พรุ่งนี้เตรียมพบกับการเดินทางไกล 1,445 กิโลเมตร จากเกียวโต สู่ซัปโปโร เมืองสำคัญแห่งเกาะฮอกไกโดครับ เชิญชม Click >>> https://pantip.com/topic/36128451 (Update!!)