แชร์ประสบการณ์ School Bullying

สวัสดีค่ะ จขกท.ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ อันนี้เป็นกะทู้แรกของเราเลย หากผิดพลาดยังไงก็ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ
ป.ล. เราเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งค่ะ อาจจะวกๆวนๆมึนๆงงๆสักนิดนะคะ

เริ่มแรกย้อนกลับไปตอนเราอยู่อนุบาล 1-3 เราเรียนที่โรงเรียนดังแห่งหนึ่งในจังหวัด 'ภ' ซึ่งตอนนั้นเราอายุราวๆ 4-5 ขวบเอง
(เราเป็นลูกครึ่งไทยกับแขกค่ะ และเราจะหน้าออกไปทางแขกมากกว่า) ตอนเด็กๆเราเป็นคนที่ไม่สู้คนเล๊ยยจริงๆ เพราะงั้นเลยโดนแกล้งบ่อยมากๆ
เรามีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเธอหน้าตาน่ารักมากแต่นิสัยแย่มากเหมือนกัน ชอบใช้กำลังและยึดเอาของสวยๆของเราไปหมดเช่น ถ้าวันไหนเราใส่ต่างหูมา
คุณเธอก็จะจัดการดึงเอาออกจากหูเราเลยค่ะ ย้ำนะคะว่าดึงไม่ใช่ขอหรือแกะออกมา ซึ่งด้วยความที่เราอ่อนแอ (ขี้ขลาด) เราก็ไม่ได้ทำไรกลับแต่พอกลับบ้านเราก็บอกแม่เราว่าต่างหูเราตกหาย (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงโกหก) นั้นคือเรื่องที่หนึ่งซึ่งเหมือนจะไม่ได้มีอะไรเลวร้ายมากมายนัก แต่ตั้งแต่เรื่องที่สองนี่ดิสุดๆ เรามีครูประจำชั้นคนหนึ่งตอนอนุบาล 3 ซึ่งครูแกก็โอเคค่ะ มีอยู่วันหนึ่งพสกเรากำลังเข้าแถวไปโรงอาหารแล้วตรงหน้าห้องที่เรายืนมีบอร์ดจัดแสดงอยู่แล้วเรายืนตรงนั้นพอดีเลยในมือก็ถือช้อนอยู่ด้วย ครูสังเกตเห็นว่าตรงบอร์ดมีคนเอานิ้วหรือของไปจิ้มจนเป็นรูซึ่งพอคุณครูถามเด็กๆว่าใครเป็นคนทำก็ไม่มีคนรับ แล้วด้วยความดวงซวยของเราครูหันมาหาเราแล้วถามเราว่าเราเป็นคนทำรึเปล่าเราก็ได้แต่ยืนงงๆแล้วตอบว่าไม่ได้ทำ แต่จู่ๆครูก็เอาไม้บรรทัดเหล็ก ย้ำนะคะ ไม้บรรทัดเหล็กมาฟาดเราทั้งขาเลยค่ะ เราร้องไห้แทบเป็นแทบตายเพราะมันเจ็บมากจริงๆ พอครูตีเสร็จครูก็เหมือนรู้ว่าเราไม่ได้ทำ แกก็เอาอย่าหม่องมานั่งทาให้เรา พอเรากลับถึงบ้านแม่ถามเราก็บอกว่าหกล้ม (โกหกอีกล่ะ) นี่คือเรื่องที่ฝั่งอยู่ในหัวเราเลยค่ะ

พอมาถึงช่วง ป.1 - ป.5 ที่โรงเรียนเดิมแต่เป็นห้องพิเศษรวมนักเรียนต่างชาติไว้มากมาย เรามักจะโดนล้อว่าเราหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในห้องเพราะเราหน้าออกแขกๆ เราไม่เหมือนเพื่อนเขา เราสูงเราถึกกว่าคนอื่นเราเลยโดนล้อ ซึ่งแรกๆเราก็ไม่คิดอะไรนะค่ะ แต่พอเริ่มโดนล้อหนักๆอย่างไอแขก ไอบิลลาดิน มันเหมือนทำให้เราหดหู่เรื่องหน้าตาเรามากและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด เราโดนล้อแบบนั้นมาเรื่อยๆจนตอน ป.4 เราเริ่มเป็นรอบเดือน สิวขึ้น ฮอร์โมนเปลี่ยน เราก็โดนล้อหนักกว่าเดิมว่าไอสิว ไอตัวน่าขยะแขยง ส่วนมากจะเป็นเด็กผู้ชายที่ล้อเรา ส่วนเด็กผู้หญิงก็ไม่เล่นกับเรา ตอนนั้นมีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว เราก็รู้สึกหดหู่ขึ้นเรื่อยๆและอยากจะบอกว่าเราเป็นเหมือนโรคซึมเศร้าและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยตั้งๆแต่เด็กๆ
มีคุณครูท่านหนึ่งเคยประจำชั้นเราตอน ป.2 ท่านชอบเรียกเราไปคุยแล้วก็บอกว่าเนี่ยเธอหน้าตาน่าเกลียดมากนะ นิสัยก็ไม่ดี ไม่มีเพื่อนคนไหนคบเธอเลย
ทำไมไม่เอาแบบอย่าง เด็กหญิงก.ไก่ (เธอคนนั้นน่ารักมากและครูแกชอบเพราะว่าเธอน่ารัก) ซึ่งเราก็งงนะ เพราะเราไม่เคยสร้างปัญหาหรือวุ่นวายเลย
ไม่ซนด้วย เราอยู่ของเราดีๆครูแกก็ชอบมาด่ามาว่าเราเรื่องหน้าตาเราแล้วก็มองเราด้วยสายตาแย่ๆค่ะ เป็นแบบนี้ๆมาเรื่อยๆ จนกระทั้งตอน ป.4 ครูแกมาหาเราแล้วจู่ๆก็บอกว่าเราว่า เนี่ยครูแกเอาเรื่องเราไปเล่าให้รุ่นน้องฟังว่าเราเป็นเด็กไม่ดี อย่าเอาเยี่ยงอย่างและอีกมากมาย ซึ่งเรารู้สึกแย่มาก คือประเด็นที่ครูแกไม่ชอบเราอาจเป็นมาจากเราอ่านภาษาไทยไม่ออกจนถึงป.1 เราค่อยอ่านออกอะค่ะ แล้วตอนเด็กๆเราไม่ได้หัวดีเหมือนปัจจุบันด้วย เราเลยเดาว่าที่ครูแกไม่ชอบเราเพราะเราเรียนไม่เก่งแล้วก็ไม่ค่อยพูดคุยบวกกับหน้าตาเราที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ด้วย

ไม่ใช่แค่โรงเรียนที่ทำให้เราเครียดแต่แม้แต่ญาติเราก็บอกว่าเราหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในครอบครัว (น้องชายเราหล่อนะ แนวๆแขกๆฝรั่งๆ) ซึ่งเราก็ยอมรับชะตากรรมนะว่าเราน่าเกลียดและไม่สวยเลยสักนิด เราก็เชื่อมาแบบนั้นตลอดเลย


พอตอนเราขึ้นป.6 ผลการเรียนเราดีมากจริงๆครูก็ชอบเรามากเพราะเราเรียบร้อย (แอ๊บเรียบร้อย) แล้วก็ตั้งใจเรียน (ไม่เคยอ่านทบทวนเล๊ยย)
เราขึ้นม.1 ผลการเรียนอยู่ในระดับดี เราสอบได้ไม่ต่ำกว่าเกรด 3 เกือบทุกวิชายกเว้นคณิตได้แค่ 2.5 555 เพราะเราไม่เก่งเลย แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดีมากนะ เพราะเราหยุดเรียนหลังจากจบม1 ได้ไม่นานเพราะครอบครัวมีปัญหา เราเลยต้องทำงานแทน เราเริ่มจากงานรับจ้างจนตอนนี้ทำงานการบัญชีให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพซึ่งเราก็งงนะว่าโง่คณิตแต่ทำไมทำงานนี้ได้ ก่อนหน้านี่ก็เคยทำงานบริษัทตอนอายุราวๆ16 - 17ปี ไม่รู้เพราะโชคเข้าข้างรึเป่ลาที่ได้งานดีๆ (หลังจากทำงานแย่ๆมาเกือบปี) 555


เข้าประเด็นเลยนะคะ เราแค่อยากจะโพสต์เล่าเรื่องนี้เพราะจะได้เป็นบทเรียนและเป็นการสอนให้ใครหลายๆคนที่เอาแต่สนใจเรื่องหน้าตารูปลักษณ์อย่างเดียว มันวัดความสามารถไม่ได้หรอกค่ะ อาจจะจริงที่สมัยนี้หน้าตาดีมีไชยไปกว่าครึ่งแล้วแต่อย่าลืมนะคะ การศึกษาและความสามารถและประสบการณ์สำคัญทีสุด เราเชื่อว่าหากวันนี้ถ้าพ่อแม่เราไม่หมั่นขัดเกลาและบ่นเราเรื่องเล็กๆน้อยเราก็คงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ และเราอยากให้พ่อแม่รุ่นใหม่ป้ายแดงสอนให้ลูกๆของตัวเองไม่เอาเปรียบคนอื่น และเราขอให้ระวังนะคะ โรงเรียนพูดๆไปเหมือนสถานที่ที่ปลอดภัยแต่จริงๆมันไม่ใช่หรอกค่ะ มีนักเรียกอีกมากมายที่โดนล้อเรื่องรูปลักษณ์ของตน เรื่องพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งล้อชื่อพ่อชื่อแม่ มีเด็กหลายๆคนเกลียดการเข้าสังคมหรือพบปะผู้คนเพราะว่าไม่มีความมั่นใจเลย เหตุการณ์ในวัยเด็กทำให้เราเครียดและไม่มีความมั่นใจ ปัจจุบันเรามั่นใจแค่ 40% เท่านั้นและมีโรคซึมเศร้าเป็นของแถมด้วย

อันนี้เราเล่าแบบตัดย่อๆนะคะ เพราะเราแอบเล่นเวลาทำงาน หากใครมีปรสบการณ์แบบไหนก็แชร์กันได้นะคะ
ป.ล. ถ้าอ่านลำบากก็ขอโทษด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่