เดียวนี้การถ่ายภาพไม่ได้จำกัดแต่เฉพาะคนกลุ่มเล็กๆ เหมือนในอดีต เดียวนี้แค่มีมือถือที่มีกล้องดีๆ ซักเครื่องก็ถ่ายภาพได้แล้ว แต่มีส่วนน้อยที่รู้ว่าภาพที่เราถ่ายนั้นได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์อย่างไร
จากการที่เห็นกติกาในการส่งเข้าประกวดข้อหนึ่งที่อ่านแล้วดูเหมือนรู้สึกเอาเปรียบผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นแค่บางการประกวดเท่านั้น แต่พอค้นไปค้นมา กติการการประกวดข้อนี้เหมือนจะลอกกันมาและถูกวางเป็นหลักทีต้องเขียนอยู่ในกติกาการส่งภาพประกวดแทบจะทุกการประกวด โดยกติกาข้อนั้นก็คือ
ผู้ที่ส่งเข้าประกวดต้องยอมรับในข้อตกลงว่าภาพที่ส่งเข้าประกวดอาจถูกนาไปใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อทาการเผยแพร่จัดแสดงจัดพิมพ์หรือการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวเนื่องกันกับโครงการนี้ โดยจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใด
หรือ
ผู้ส่งภาพตกลงยินยอมให้ภาพที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมดทุกภาพ รวมถึงไฟล์ภาพต้นฉบับให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ แต่ผู้เดียว รวมทั้งยินยอมให้ลิขสิทธิ์ และสิทธิใดๆในภาพดังกล่าวตกเป็นของบริษัทฯ แต่ผู้เดียวไม่ว่าจะเป็นภาพที่ได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม โดยบริษัทฯ ไม่จำต้องส่งคืนภาพที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมดทุกภาพ รวมถึงไฟล์ภาพต้นฉบับให้แก่ผู้ส่งภาพ และบริษัทฯ มีสิทธิคัดเลือกภาพที่ส่งเข้าประกวดไปจัดแสดงในที่ต่าง ๆ รวมถึงทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะชน ไม่ว่าจะในเอกสาร สื่อ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภทหรือสื่อรูปแบบอื่นๆ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ แก่ผู้ส่งภาพ
รู้หรือไม่ข้อความนี้ในกติการการประกวดคือการที่เจ้าของภาพต้องสละสิทธิในภาพถ่ายของตน และไม่สามารถที่จะนำภาพดังกล่าวไปใช้งานใดๆ ในนามของตนได้อีก นั้นเพราะอะไรเหรอครับ เราลองมาดูสิทธิของเจ้าของภาพถ่ายตามกฎหมายลิขสิทธิ์ดูครับ
ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ภาพถ่ายเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ในอันที่เจ้าของผู้สร้างสรรผลงานนั้นมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการ
1. ทำซ้ำดัดแปลง
2. เผยแพร่ต่อสาธารณชน
3. ให้เช่าต้นฉบับ หรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง
4. ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
5. อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิได้ตาม 1,2,3
แต่กติกาของคณะผู้จัดการประกวดดังกล่าวนั้นเป็นการที่เจ้าของภาพถ่ายโอนการใช้สิทธิทั้งหมดของเจ้าของภาพถ่าย ทำให้เจ้าของภาพถ่ายเสียสิทธิ ทั้ง 5 ข้อดังที่กล่าวมาข้างต้น
ถึงแม้ตามกฎหมายจะอนุญาตให้เจ้าของผลงานสามารถโอนสิทธิได้ทั้งหมดหรือพียงบางส่วน ซึ่งคณะผู้จัดการประกวดเล็งเห็นถึงกฎหมายข้อนี้ จึงตั้งกติกาการประกวดที่นี้ขึ้นเพื่อเป็นการบังคับเจ้าของ
ภาพถ่ายโอนสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของผลงานไปเป็นของคณะผู้จัดการประกวด
หลายครั้งหลายคราที่ภาพที่ไม่ชนะการประกวด แต่ถูกใช้ในเชิงการประชาสัมพันธ์ หรือแสวงหาประโยชน์จากผู้จัดการประกวด โดยที่เจ้าของผลงานนั้นไม่ได้ค่าตอบแทนซักบาทเดียว เจ้าของภาพจะไปเรียกร้องสิทธิก็ไม่ได้เพราะก็จะถูกอ้างตามกติการการส่งภาพเข้าประกวดว่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดนั้นตกเป็นของคณะผู้จัดการประกวด หรือในกรณีภาพที่ได้รับรางวัลถูกนำไปทำการตีพิมเผยแพร่ เมื่อเทียบกับเงินรางวัลหลักหมื่น หรือบางรายการสูงหน่อยก็หลักแสน บางท่านอาจจะคิดว่าคุ้มค่า แต่หากมองอีกมุมหนึ่งก็อาจจะไม่คุ้มค่าก็ได้ กับการที่จะได้ภาพซักภาพนึงอาจจะต้องใช้กล้องราคาหลายหมื่นบาท อุปกรณ์ต่างๆ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก อีกทั้งเวลาที่ต้องใช้ไปในการสร้างสรรภาพถ่ายซักภาพ
แม้คณะผู้จัดการประกวดจะอ้างว่านำไปใช้งานไม่แสวงหากำไร หรือเพื่องานประชาสัมพันธ์ โดยมีการให้เครดิต หรือแสดงว่าภาพเป็นผลงานของผู้ใด หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการโชว์ฝีมือ สามารถพูดกับใครๆ ได้ว่ารูปนี้ฉันเป็นคนถ่ายนะ แต่ในมุมมองของคนที่พอรู้กฎหมายลิขสิทธิ์อยู่บ้าง ประกอบกับคลุกคลีกับวงการ stock photo ทำให้รู้ว่ากติการข้อนี้ เอาเปรียบบรรดาช่างภาพทั้งหลายเป็นอย่างมาก
แบบนี้เป็นธรรมแล้วหรือ???
"ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวดให้ตกเป็นสิทธิของผู้จัดการประกวด โดยการลงทุนแค่เงินรางวัลไม่กี่บาท แต่ได้ภาพมาใช้งานมากกว่ามูลค่าที่จ่ายไป ถ่าไปดูใน stock photo หลายๆ ที่ ภาพๆหนึ่งถ้าจะนำมาใช้ในงานโฆษณานี่ต้องจ่ายเงินกันหลักหมื่นบาท"
กติกาข้อนี้ควรยกเลิกได้แล้วเถอะครับ เพราะมันเข้าลักษณะของข้อสัญญาไม่เป็นธรรม และเป็นการเอารัดเอาเปรียบบรรดาช่างภาพทั้งหลายทั้งมือใหม่ มือเก่า ทางที่ดีนะครับ แยกส่วนของเงินรางวัล ก็ส่วนของเงินรางวัล คณะผู้จัดการประกวดจะให้มากให้น้อยก็ว่ากันไปครับ เพื่อเป็นแรงจูงใจบรรดานักถ่ายภาพส่งภาพเจ้าประกวด แล้วส่วนของค่าใช้สิทธิก็ส่วนของค่าใช้สิทธิอันนี้ก็ตามแต่ตกลงกัน หลักพันหลักหมื่นก็ว่ากันไปครับ แบบนี้ดูจะยุติธรรมกับทั้งช่างภาพเอง และผู้จัดการประกวดด้วย
ก็คงได้แต่หวังว่าในอนาคตอันใกล้กติกาข้อนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
มีที่เห็นของที่นึงที่เกือบจะดีแล้ว ก็คงที่ RPST ที่สิทธิของเจ้าของภาพยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผู้จัดการประกวดขอสิทธิในการใช้ผลงานในระยะเวลาที่กำหนดกี่ปีก็ว่ากันไป แต่ก็ไม่ให้ได้ให้ค่าตอบแทนในการใช้ภาพถ่ายนั้นอยู่ดี เพียงแค่แสดงชื่อของเจ้าของภาพเท่านั้นกรณีนำไปใช้งาน
อ้างอิง
http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%C506/%C506-20-9999-update.pdf
http://www.rpst.or.th/photokingdom2016/public/index/rules
รู้ไว้ไม่เสียสิทธิ ก่อนคิดส่งภาพเข้าประกวด
จากการที่เห็นกติกาในการส่งเข้าประกวดข้อหนึ่งที่อ่านแล้วดูเหมือนรู้สึกเอาเปรียบผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นแค่บางการประกวดเท่านั้น แต่พอค้นไปค้นมา กติการการประกวดข้อนี้เหมือนจะลอกกันมาและถูกวางเป็นหลักทีต้องเขียนอยู่ในกติกาการส่งภาพประกวดแทบจะทุกการประกวด โดยกติกาข้อนั้นก็คือ
ผู้ที่ส่งเข้าประกวดต้องยอมรับในข้อตกลงว่าภาพที่ส่งเข้าประกวดอาจถูกนาไปใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อทาการเผยแพร่จัดแสดงจัดพิมพ์หรือการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวเนื่องกันกับโครงการนี้ โดยจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใด
หรือ
ผู้ส่งภาพตกลงยินยอมให้ภาพที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมดทุกภาพ รวมถึงไฟล์ภาพต้นฉบับให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ แต่ผู้เดียว รวมทั้งยินยอมให้ลิขสิทธิ์ และสิทธิใดๆในภาพดังกล่าวตกเป็นของบริษัทฯ แต่ผู้เดียวไม่ว่าจะเป็นภาพที่ได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม โดยบริษัทฯ ไม่จำต้องส่งคืนภาพที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมดทุกภาพ รวมถึงไฟล์ภาพต้นฉบับให้แก่ผู้ส่งภาพ และบริษัทฯ มีสิทธิคัดเลือกภาพที่ส่งเข้าประกวดไปจัดแสดงในที่ต่าง ๆ รวมถึงทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะชน ไม่ว่าจะในเอกสาร สื่อ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภทหรือสื่อรูปแบบอื่นๆ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ แก่ผู้ส่งภาพ
รู้หรือไม่ข้อความนี้ในกติการการประกวดคือการที่เจ้าของภาพต้องสละสิทธิในภาพถ่ายของตน และไม่สามารถที่จะนำภาพดังกล่าวไปใช้งานใดๆ ในนามของตนได้อีก นั้นเพราะอะไรเหรอครับ เราลองมาดูสิทธิของเจ้าของภาพถ่ายตามกฎหมายลิขสิทธิ์ดูครับ
ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ภาพถ่ายเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ในอันที่เจ้าของผู้สร้างสรรผลงานนั้นมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการ
1. ทำซ้ำดัดแปลง
2. เผยแพร่ต่อสาธารณชน
3. ให้เช่าต้นฉบับ หรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง
4. ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น
5. อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิได้ตาม 1,2,3
แต่กติกาของคณะผู้จัดการประกวดดังกล่าวนั้นเป็นการที่เจ้าของภาพถ่ายโอนการใช้สิทธิทั้งหมดของเจ้าของภาพถ่าย ทำให้เจ้าของภาพถ่ายเสียสิทธิ ทั้ง 5 ข้อดังที่กล่าวมาข้างต้น
ถึงแม้ตามกฎหมายจะอนุญาตให้เจ้าของผลงานสามารถโอนสิทธิได้ทั้งหมดหรือพียงบางส่วน ซึ่งคณะผู้จัดการประกวดเล็งเห็นถึงกฎหมายข้อนี้ จึงตั้งกติกาการประกวดที่นี้ขึ้นเพื่อเป็นการบังคับเจ้าของภาพถ่ายโอนสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของผลงานไปเป็นของคณะผู้จัดการประกวด
หลายครั้งหลายคราที่ภาพที่ไม่ชนะการประกวด แต่ถูกใช้ในเชิงการประชาสัมพันธ์ หรือแสวงหาประโยชน์จากผู้จัดการประกวด โดยที่เจ้าของผลงานนั้นไม่ได้ค่าตอบแทนซักบาทเดียว เจ้าของภาพจะไปเรียกร้องสิทธิก็ไม่ได้เพราะก็จะถูกอ้างตามกติการการส่งภาพเข้าประกวดว่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดนั้นตกเป็นของคณะผู้จัดการประกวด หรือในกรณีภาพที่ได้รับรางวัลถูกนำไปทำการตีพิมเผยแพร่ เมื่อเทียบกับเงินรางวัลหลักหมื่น หรือบางรายการสูงหน่อยก็หลักแสน บางท่านอาจจะคิดว่าคุ้มค่า แต่หากมองอีกมุมหนึ่งก็อาจจะไม่คุ้มค่าก็ได้ กับการที่จะได้ภาพซักภาพนึงอาจจะต้องใช้กล้องราคาหลายหมื่นบาท อุปกรณ์ต่างๆ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก อีกทั้งเวลาที่ต้องใช้ไปในการสร้างสรรภาพถ่ายซักภาพ
แม้คณะผู้จัดการประกวดจะอ้างว่านำไปใช้งานไม่แสวงหากำไร หรือเพื่องานประชาสัมพันธ์ โดยมีการให้เครดิต หรือแสดงว่าภาพเป็นผลงานของผู้ใด หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการโชว์ฝีมือ สามารถพูดกับใครๆ ได้ว่ารูปนี้ฉันเป็นคนถ่ายนะ แต่ในมุมมองของคนที่พอรู้กฎหมายลิขสิทธิ์อยู่บ้าง ประกอบกับคลุกคลีกับวงการ stock photo ทำให้รู้ว่ากติการข้อนี้ เอาเปรียบบรรดาช่างภาพทั้งหลายเป็นอย่างมาก
แบบนี้เป็นธรรมแล้วหรือ???
"ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวดให้ตกเป็นสิทธิของผู้จัดการประกวด โดยการลงทุนแค่เงินรางวัลไม่กี่บาท แต่ได้ภาพมาใช้งานมากกว่ามูลค่าที่จ่ายไป ถ่าไปดูใน stock photo หลายๆ ที่ ภาพๆหนึ่งถ้าจะนำมาใช้ในงานโฆษณานี่ต้องจ่ายเงินกันหลักหมื่นบาท"
กติกาข้อนี้ควรยกเลิกได้แล้วเถอะครับ เพราะมันเข้าลักษณะของข้อสัญญาไม่เป็นธรรม และเป็นการเอารัดเอาเปรียบบรรดาช่างภาพทั้งหลายทั้งมือใหม่ มือเก่า ทางที่ดีนะครับ แยกส่วนของเงินรางวัล ก็ส่วนของเงินรางวัล คณะผู้จัดการประกวดจะให้มากให้น้อยก็ว่ากันไปครับ เพื่อเป็นแรงจูงใจบรรดานักถ่ายภาพส่งภาพเจ้าประกวด แล้วส่วนของค่าใช้สิทธิก็ส่วนของค่าใช้สิทธิอันนี้ก็ตามแต่ตกลงกัน หลักพันหลักหมื่นก็ว่ากันไปครับ แบบนี้ดูจะยุติธรรมกับทั้งช่างภาพเอง และผู้จัดการประกวดด้วย
ก็คงได้แต่หวังว่าในอนาคตอันใกล้กติกาข้อนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
มีที่เห็นของที่นึงที่เกือบจะดีแล้ว ก็คงที่ RPST ที่สิทธิของเจ้าของภาพยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ผู้จัดการประกวดขอสิทธิในการใช้ผลงานในระยะเวลาที่กำหนดกี่ปีก็ว่ากันไป แต่ก็ไม่ให้ได้ให้ค่าตอบแทนในการใช้ภาพถ่ายนั้นอยู่ดี เพียงแค่แสดงชื่อของเจ้าของภาพเท่านั้นกรณีนำไปใช้งาน
อ้างอิง
http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%C506/%C506-20-9999-update.pdf
http://www.rpst.or.th/photokingdom2016/public/index/rules