เรื่องสั้น : หมาดำ 😱


พลบค่ำบนถนนหลักเส้นมิตภาพ..รถเก๋งสีขาว ทะยานมุ่งหน้าเข้ากทม  อย่างเร่งรีบ แข่งกับความมืดที่กำลังโรยตัวอย่างรวดเร็ว
อากาศภายในรถ เย็นฉ่ำไปด้วยแอร์  สองหญิง หลับสนิท ในขณะที่เครื่องยนต์ดังกระหึ่มอยู่ด้านนอก

ชายหนุ่ม ผู้เป็นคนขับเหยียบคันเร่งอย่างสม่ำเสมอ ความเร็ว 120/ชม น่าจะพาทั้งสามคนเข้าสู่ กทม ไม่เกิน 3 ทุ่ม
ออกจากโคราชมา บ่ายโมงกว่าๆ แวะซื้อโน่น ซื้อนี่ เป็นของฝาก ก็กินเวลาเป็นชั่วโมง ต้องใช้เวลาหลายชม กว่าไปถึงลำตะคอง
และเข้าเขตสระบุรี

วิรงค์ หันไปมองสุวิมล ภรรยาสาวที่นั่งหลับข้างๆ เมื่อคืนสุวิมลคงนอนดึก เพราะมัวแต่เก็บข้าวของ หลังจากงานศพของป้าเสร็จสิ้น
มองกระจกหลัง เห็น รวิสา ลูกสาววัยรุ่น นั่งหลับเช่นกัน  วิรงค์ยิ้มละมุน สองแม่ลูกคู่นี้เหมือนกันเปี๊ยบ คือขึ้นรถเมื่อไหร่เป็นหลับทั้งคู่

วิรงค์และ ครอบครัวมางานศพของป้า ที่เสียชีวิตกระทันหัน เนื่องจากระบบหัวใจล้มเหลว  ป้าของวิรงค์เป็นพี่สาวคนเดียวของแม่
และไม่แต่งงาน  ป้าอยู่คนเดียวมานานและไม่สุงสิงกับใคร  จนชาวบ้านเรียกป้าว่ายายเฒ่าผู้โดดเดี่ยว  แต่ป้าก็ไม่โกรธใคร
วิรงคเห็นป้ามาตั้งแต่เค้าเล็กๆ ป้าเป็นคนใจดีแม้จะยิ้มยากก็ตาม

หลังจากเผาศพป้า ทุกคนตกลงกันว่าจะเอากระดูกป้าไปไว้วัด เพราะแกไม่มีลูกและหลานๆก็อยู่ไกล ไว้ที่บ้านคงไม่มีใครสะดวกมา
กราบไหว้  ทุกคนตกลงตามนั้น และเตรียมตัวกลับบ้านวันรุ่งขึ้น

ข้างนอก ความมืดแผ่ปกคลุม กลืนท้องถนนอย่างรวดเร็ว วิรงค์ยิ่งเพิ่มแรงกดบนคันเร่งเข้าไปอีก ทำไมถนนข้างนอกเงียบเชียบสิ้นดี
นานๆจะมีไฟรถส่อง สวนมาให้รู้ว่าบนถนน เส้นนี้ ไม่ได้มีรถเขาเพียงคันเดียว    ทำไมวันนี้ รู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่ขับรถขึ้นลงโคราช กรุงเทพฯ
ออกบ่อย แต่วันนี้เหมือนขับหลงไปในอีกเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน อาจเป็นเพราะความมืด ถึงทำให้เขารู้สึกว่า ข้างทางเปลี่ยนไปมั้ง

ปรกติ ก่อนเข้าเขตลำตะคองก็จะไม่มีต้นไม้ข้างทางที่ใหญ่โตและทะมึนมากนัก แต่ทำไมวันนี้สองข้างทางมีแต่ไม้ใหญ่ และอึมทึม
ลมก็ไม่มีไหว นกก็ไม่บินกลับรัง จนทำให้รู้สึกว่า ยังมีสิ่งชีวิตหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้หรือไม่

อาการอึดอัดเริ่มแผ่ขยายขึ้น จากช่องทองมาถึงหน้าอก สายตาเริ่มพร่า เพราะลมหายใจที่ติดขัด

วูบหนึ่งของลมที่พัดกระแทกหน้ารถเข้ามา วิรงค์ เห็นเงาดำของสัตว์สี่เท้า ตัวใหญ่มาก กำลังวิ่งตัดหน้ารถเขา

คุณพระช่วย !!!  เจ้าสัตว์สี่เท้าขนฟูแข็ง เหมือนหนามแหลม กำลังแสยะเขี้ยว และมองเข้า มาในรถด้วยตาโปนที่แดงปั๊ด

เฮ้ย! วิรงค์ร้องเสียงหลง พร้อมกระทืบเบรค อย่างแรง  รถที่มาอย่างเร็ว หมุนคว้างกลางถนน และด้วยสติของวิรงค์ที่มี
เค้าดึงเบรคมือสุดกำลังทำให้รถที่หมุนดริ๊ฟลงไปป่าทางข้าง โชคดี ที่ภรรยาและตัวเองคาดเข็มขัด นริภัย และรถมีเซ็นทรัลล๊อค
จึงทำให้ทุกคนไม่กระเด็นออกมานอกรถ

ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน และตกใจที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น  รวิสา หัวโนนิดหน่อยเพราะหัวกระแทกกับแผงข้างรถ
สุวิมล เจ็บหัวไหล่ เพราะกระแทกเข้ากับประตูข้างในขณะรถหมุน วิรงค์เจ็บเล็กน้อยที่ข้อมือ เพราะมือที่ยึดพวงมาลัยโดนสะบัด

ทันทีที่ลงจากรถ สุวิมลถึงดับร้องไห้โห  เมื่อเห็นว่าทางลาดนี้  รถของสามี ถูกเบรคด้วยก้อนหินย่อมๆ ที่เหมือนเป็นกำแพงหยุดรถ
ที่ทำให้รถไม่ไถลตกลงไปในเขื่อนลำตะคอง ไม่งั้นไม่อยากจะคิดว่าถ้ารถตกลงไปในน้ำ ทุกคนจะเป็นยังไง

ทันทีที่นึกได้   หล่อนหยิบพระที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านข้างขึ้นมาถือ พร้อมพูดว่า " เจ้าประคู้ณ คุณพระคุณเจ้า ช่วยพวกลูกไว้แท้ๆ"

วิรงค์มองภรรยาอย่างสงสัย แล้วถามว่า "  คุณพกพระมาเหรอ พระอะไร เอามาจากไหน ปรกติคุณไม่ใส่พระนี่ "

สุวิมล มองหน้าสามี ด้วยน้ำตาที่ไหลซึม แล้วสารภาพกับสามีว่า " พระของป้าคุณน่ะ ฉันเห็นท่านอยู่ในหีบที่ป้าคุณเก็บสมบัติข้าวของไว้
ฉันเห็นว่าเป็นพระเก่า เลยหยิบเอามาโดยไม่บอกใคร" เสียงสุวิมล สั่นและหวาดหวั่นเจือสำนึกผิด

วิรงค์ได้แต่อึ่งและมึนงง เขาไม่เคยเจอประสบการณ์เฉียดตายแบบนี้ เขาไม่เคยเจอเรื่องลึกลับหรือไสยศาสตร์ใดๆเข้ามาในชีวิต
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เจอประสบการณ์สยองและหวาดผวา เขาไม่กล้าจะเล่าให้เมีย และลูกฟัง ว่าเขาเห็นอะไรก่อนรถจะเกิดอุบัติเหตุ

เรื่องหลอนในคืนนี้ เกี่ยวพันกับพระเก่า ของป้าทีภรรยาถือวิสาสะหยิบมาหรือไม่ เขาจะหาคำตอบได้ที่ไหนดี.?......

จบแล้วค่ะ 🙏❤

ปล...เป็นเรื่องเล่าจากคนข้างบ้านที่เค้าเล่าให้ฟัง นานมาแล้วค่ะ จขกทเลยลองมาเขียนถ่ายทอดให้อ่านกันค่ะ

พาพันขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่