สวัสดีค่ะ คือว่านึกถึงตอนเด็กๆน่ะค่ะที่กลัวโรคฟ้าร้อง ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีคนเป็นเหมือนกันกับเราค่ะ
..
เริ่มแรกนะคะ คือกลัวฟ้าร้องมาก ถ้าอยู่คนเดียวจะร้องไห้เลย ต้องมีคนอยู่ด้วยอย่างน้อยคนนึงค่ะ เป็นตั้งแต่จำความได้ค่ะ ถามครอบครัว ครอบครัวก็บอกว่า เราเป็นมาตั้งแต่เราเป็นทารกแหนะ55555
เวลาฟ้าร้อง เราต้องหนีมาอยู่ข้างๆแม่ นอนข้างๆแม่หรือยายค่ะ แล้วจะหายไป แต่ถ้าอยู่กับกลุ่มเยอะๆ ถ้ามีคนอยู่3คนขึ้นไปจะไม่รู้สึกอะไรค่ะ รู้สึกปลอดภัย
..
Ep.1 เมื่อฉันอยู่คนเดียว
คือบางทีครอบครัวก็ไม่ค่อยอยู่บ้านน่ะค่ะ ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว ตอนนั้นม.3จำได้แม่นเลยค่ะ เล่นโน้ตบุ๊คอยู่บ้าน อยู่ๆ ฟ้าร้องครืนๆ ฝนก็ตกหนัก ก็กลัวแล้วค่ะ ต้องเปิดไฟให้สว่างทั่วบ้าน (ระเบียง บันได ข้างล่าง ไรงี้เปิดหมดค่ะ) แล้วก็เล่นโน้ตบุ๊คเปิดเพลงดังๆค่ะ ก็หายกลัวระดับนึงค่ะเพราะแชทกับเพื่อนในโน้ตบุ๊ค ต่อมาค่ะ.. ความกลัวเริ่มเข้ามาค่ะ
..
ไฟดับหมดเลย
ตอนนั้นก็เริ่มกลัวค่ะ ไม่รู้ทำไงดีเพราะบ้านมืดมาก ก็เลยจำใจต้องเล่นโน้ตบุ๊คตรงระเบียงค่ะ เพราะยังสว่างอยู่บ้าง(ถึงจะครึ้มมากก็เถอะค่ะ แต่ก็ยังสว่างนิดๆ ประมาณ4โมงค่ะ) โน้ตบุ๊คก็ไม่ได้แชทกับเพื่อนแล้วค่ะเพราะไวไฟมันปิด(ไฟดับ) ก็ต้องเปิดเพลงดังๆซ้ำๆอีก
..
แล้วสิ่งที่กลัวมากที่สุดก็มาถึงค่ะ..
โน้ตบุ๊คแบตหมดค่ะ ตอนนั้นขวัญเสียมาก ไฟดับอีก จะลงไปข้างล่างก็กลัวค่ะเพราะมืดมาก ขวัญเสียขวัญกระเจิงไปหมดเลยค่ะ ร้องไห้อยู่หน้าระเบียงจนถึงประมาณทุ่มนึงค่ะ (ซึ่งงงมากไฟดับบ้าอะไร2-3ชม.) หลอนหมดเลยค่ะ เห็นท้องฟ้าเป็นผี จินตนาการเป็นผญ. ตอนนั้นงงกับตัวเองที่ร้องไปได้ยังไงวะตั้งหลายชม. ร้องไห้ไปกอดตัวเองไป จนครอบครัวกลับมารีบไปกอดเขาเลยค่ะ บอกว่าไฟดับ หนูกลัวไปหมดแล้ว
..
Ep.2 อยากให้เข้าใจ
คือช่วงวันนั้นผ่านไปก็ยังเป็นโรคกลัวฟ้าร้องอยู่นะคะ แต่ฤดูฝนก็ผ่านพ้นไปแล้วค่ะ โล่งใจ555555 จนประมาณม.4-5ค่ะ ฟ้าร้องอีก
เราก็บอกแม่ขออยู่ด้วย เรากลัว แม่ก็บ่นๆเหมือนไม่เข้าใจน่ะค่ะว่าทำไมยังไม่หาย ซึ่งเขาคิดว่าเราน่าจะหายแล้ว ทำไมยังกลัวอยู่
เราสะอึกในใจ ร้องไห้เลยค่ะ คือยังไม่หาย ที่เห็นเหมือนหายเพราะว่าฤดูฝนมันมาปีละประมาณ3เดือนนี่นา กว่ามันจะมาก็ต้องผ่านไปอีก2ฤดู T^T
แต่แม่ก็รักเรานะคะ55555 ตอนนั้นแม่อาจเครียดๆค่ะ อย่าด่าท่านเลยนะคะ
..
Ep.3 เมื่อความกลัวไม่เคยหายไป
ตอนนั้นฝนตกปรอยๆค่ะ ตาฝากเอากุญแจไปให้แม่ (มีบ้านสองหลังคนละซอยน่ะค่ะ) เราตัวแข็งเลย ฟ้าร้องอีก เราก็เห็นฟ้าแลบ โห ความกลัวแบบextreme แต่ต้องขี่จักรยานไปค่ะ ขี่ไปร้องไห้ไป กลัวมาก T^T
..
Ep.4 เมื่อจมกับความกลัวครั้งสุดท้าย
วันนั้นไปติวแบรนด์ตอนม.6 ต้องไปนอนค้างหอของพ่อค่ะ พ่อกับแม่เลี้ยงไม่อยู่
แล้วช่วงนั้นช่วงหน้าฝน ฝนตกหนักมาก
ต้องนอนแบบข่มตาไม่ลง เปิดเพลงดังๆซ้ำๆ ให้เพลียจนหลับไป แค่ก็ต้องกลายเป็นคนตาแข็งค่ะ กลัวมาก
จมอยู่กับความกลัวช่วงนั้นหลายวันจริงๆ ตอนนั้นต้องสตรองจริงๆค่ะ สุดทายก็มีช่วงที่เพลียและกลัวจนหลับเข้าไปจริงๆ แต่ก็ต้องปลอบตัวเองทั้งคืนนะคะว่าไม่เป็นอะไร ตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกหายขาดกับโรคกลัวฟ้าร้องค่ะ
ปล.1 ไว้ว่างๆอีก จะเล่าประสบการณ์โรค Philophobia (โรคกลัวความรัก) ให้นะคะ ^^
ปล.2ใครมีประสบการณ์โรคกลัวฟ้าร้อง (Astraphobia) ก็มาเล่าให้จขกท.ฟังหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เมื่อฉันเป็นโรคกลัวฟ้าร้อง 'Astraphobia' (มาเล่าประสบการณ์)
..
เริ่มแรกนะคะ คือกลัวฟ้าร้องมาก ถ้าอยู่คนเดียวจะร้องไห้เลย ต้องมีคนอยู่ด้วยอย่างน้อยคนนึงค่ะ เป็นตั้งแต่จำความได้ค่ะ ถามครอบครัว ครอบครัวก็บอกว่า เราเป็นมาตั้งแต่เราเป็นทารกแหนะ55555
เวลาฟ้าร้อง เราต้องหนีมาอยู่ข้างๆแม่ นอนข้างๆแม่หรือยายค่ะ แล้วจะหายไป แต่ถ้าอยู่กับกลุ่มเยอะๆ ถ้ามีคนอยู่3คนขึ้นไปจะไม่รู้สึกอะไรค่ะ รู้สึกปลอดภัย
..
Ep.1 เมื่อฉันอยู่คนเดียว
คือบางทีครอบครัวก็ไม่ค่อยอยู่บ้านน่ะค่ะ ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว ตอนนั้นม.3จำได้แม่นเลยค่ะ เล่นโน้ตบุ๊คอยู่บ้าน อยู่ๆ ฟ้าร้องครืนๆ ฝนก็ตกหนัก ก็กลัวแล้วค่ะ ต้องเปิดไฟให้สว่างทั่วบ้าน (ระเบียง บันได ข้างล่าง ไรงี้เปิดหมดค่ะ) แล้วก็เล่นโน้ตบุ๊คเปิดเพลงดังๆค่ะ ก็หายกลัวระดับนึงค่ะเพราะแชทกับเพื่อนในโน้ตบุ๊ค ต่อมาค่ะ.. ความกลัวเริ่มเข้ามาค่ะ
..
ไฟดับหมดเลย
ตอนนั้นก็เริ่มกลัวค่ะ ไม่รู้ทำไงดีเพราะบ้านมืดมาก ก็เลยจำใจต้องเล่นโน้ตบุ๊คตรงระเบียงค่ะ เพราะยังสว่างอยู่บ้าง(ถึงจะครึ้มมากก็เถอะค่ะ แต่ก็ยังสว่างนิดๆ ประมาณ4โมงค่ะ) โน้ตบุ๊คก็ไม่ได้แชทกับเพื่อนแล้วค่ะเพราะไวไฟมันปิด(ไฟดับ) ก็ต้องเปิดเพลงดังๆซ้ำๆอีก
..
แล้วสิ่งที่กลัวมากที่สุดก็มาถึงค่ะ..
โน้ตบุ๊คแบตหมดค่ะ ตอนนั้นขวัญเสียมาก ไฟดับอีก จะลงไปข้างล่างก็กลัวค่ะเพราะมืดมาก ขวัญเสียขวัญกระเจิงไปหมดเลยค่ะ ร้องไห้อยู่หน้าระเบียงจนถึงประมาณทุ่มนึงค่ะ (ซึ่งงงมากไฟดับบ้าอะไร2-3ชม.) หลอนหมดเลยค่ะ เห็นท้องฟ้าเป็นผี จินตนาการเป็นผญ. ตอนนั้นงงกับตัวเองที่ร้องไปได้ยังไงวะตั้งหลายชม. ร้องไห้ไปกอดตัวเองไป จนครอบครัวกลับมารีบไปกอดเขาเลยค่ะ บอกว่าไฟดับ หนูกลัวไปหมดแล้ว
..
Ep.2 อยากให้เข้าใจ
คือช่วงวันนั้นผ่านไปก็ยังเป็นโรคกลัวฟ้าร้องอยู่นะคะ แต่ฤดูฝนก็ผ่านพ้นไปแล้วค่ะ โล่งใจ555555 จนประมาณม.4-5ค่ะ ฟ้าร้องอีก
เราก็บอกแม่ขออยู่ด้วย เรากลัว แม่ก็บ่นๆเหมือนไม่เข้าใจน่ะค่ะว่าทำไมยังไม่หาย ซึ่งเขาคิดว่าเราน่าจะหายแล้ว ทำไมยังกลัวอยู่
เราสะอึกในใจ ร้องไห้เลยค่ะ คือยังไม่หาย ที่เห็นเหมือนหายเพราะว่าฤดูฝนมันมาปีละประมาณ3เดือนนี่นา กว่ามันจะมาก็ต้องผ่านไปอีก2ฤดู T^T
แต่แม่ก็รักเรานะคะ55555 ตอนนั้นแม่อาจเครียดๆค่ะ อย่าด่าท่านเลยนะคะ
..
Ep.3 เมื่อความกลัวไม่เคยหายไป
ตอนนั้นฝนตกปรอยๆค่ะ ตาฝากเอากุญแจไปให้แม่ (มีบ้านสองหลังคนละซอยน่ะค่ะ) เราตัวแข็งเลย ฟ้าร้องอีก เราก็เห็นฟ้าแลบ โห ความกลัวแบบextreme แต่ต้องขี่จักรยานไปค่ะ ขี่ไปร้องไห้ไป กลัวมาก T^T
..
Ep.4 เมื่อจมกับความกลัวครั้งสุดท้าย
วันนั้นไปติวแบรนด์ตอนม.6 ต้องไปนอนค้างหอของพ่อค่ะ พ่อกับแม่เลี้ยงไม่อยู่
แล้วช่วงนั้นช่วงหน้าฝน ฝนตกหนักมาก
ต้องนอนแบบข่มตาไม่ลง เปิดเพลงดังๆซ้ำๆ ให้เพลียจนหลับไป แค่ก็ต้องกลายเป็นคนตาแข็งค่ะ กลัวมาก
จมอยู่กับความกลัวช่วงนั้นหลายวันจริงๆ ตอนนั้นต้องสตรองจริงๆค่ะ สุดทายก็มีช่วงที่เพลียและกลัวจนหลับเข้าไปจริงๆ แต่ก็ต้องปลอบตัวเองทั้งคืนนะคะว่าไม่เป็นอะไร ตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกหายขาดกับโรคกลัวฟ้าร้องค่ะ
ปล.1 ไว้ว่างๆอีก จะเล่าประสบการณ์โรค Philophobia (โรคกลัวความรัก) ให้นะคะ ^^
ปล.2ใครมีประสบการณ์โรคกลัวฟ้าร้อง (Astraphobia) ก็มาเล่าให้จขกท.ฟังหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ