(เครดิตภาพ : Nation Tv22)
เวลานี้....คำถามเกี่ยวกับแวดวงผ้าเหลือง เห็นจะมีเรื่องร้อนเร่า ๆกับกรณี
“ปฎิบัติการตามหาโปกัมมี่” นี่ละมังที่แทบจะทุกหน้าแรกหนังสือพิมพ์...และแทบจะทุกชั่วโมงข่าว จะปรากฏแต่เรื่องราวการ ปฎิบัติค้นหา
“สิ่งลี้ลับ” ในวัดพระธรรมกาย
วันนี้ต้องบอกจริง ๆ ว่า หมอนี่.... ไม่ธรรมดา ต้องยอมเลยว่า
“สิ่งลี้ลับยังต้องเรียกป๋า”
เพราะแต่ละวันที่เคยบอกปาว ๆ ต่อสาธารณะว่า อาตมาชราภาพ...แถมขาบวมจนต้องยกชี้เด่สามสิบองศา จะให้อาตมาเถิดเทิงหลบหนีไปโน่นนี่ได้ที่ไหน!!
ทั้งพระเถรเณรโยม ต่างรีบออกขานรับ ตั้งโต๊ะ...ยืนสแตนด์คว้าไมค์.. พูดเป็นเสียงเดียว
“หลวงพ่อไม่หนี..หลวงพ่อจะอยู่ตรงนี้..ไม่หนีไปไหน”
แต่วันนี้คงชัดว่า เพราะหลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่าวงล้อม 18 อรหันต์ที่ตะโกนสร้างเรื่องดร่าม่าว่า "ตำรวจชกพระๆ!" เข้าไปได้ พอเปิดเข้าห้องปลอดเชื้อ...เลิกผ้าห่ม จะนิมนต์ "หลวงพ่อ" ก็ตาเหลือกเพราะหลักฐานชัดว่า มันปลอดทั้งเชื้อ..ปลอดทั้งคน!!
อ้าวเฮ้ย!!.....THAMMY …WHERE ARE YOU?
ก็ไหนยูบอกไม่หนี....จะอยู่ที่นี่ไง
นี่....เห็นหรือยังว่า พลังอภิญญา...วิชชาที่กล้าแกร่ง ที่ฝึกปรือมาหลายสิบปี วันนี้ ใช้ได้จริง ๆ
ตำรวจ..ถามไถ่ พระในวัด .....ทุกรูปส่ายหน้าเลิกลั่ก บอกอ้อมแอ้ม....อาตมาไม่เห็นหลวงพ่อมา 9 เดือนแล้วโยม!
DSI หันไปถามเจ้าหน้าที่ในวัด ก็บอกว่า .....ไม่ทราบเหมือนกันว่า หลวงพ่ออยู่ตรงไหน เพราะก็ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเหมือนกัน!
เอาละหวา....ตกลงที่มันวัดวาอะไรฟะ คนใหญ่โตคับฟ้าอยูในวัด... จะกิน ...อยู่.....หลับนอน หรือถ่ายสิ่งปฎิกูล กลับไม่มีใครรู้ใครเห็นสักคน.... นี่มันคนหรือเทวดากันละหว่า
วัดที่ไหน ๆ ต้องมีหัววัดหรือสมภาร.... ซึ่งต้องมีหน้าที่รับรู้ปกครองทั้งตามกฎหมายและพระวินัย.... ว่ามีใครมาอาศัยวัดวา ทำมาหารับประทาน ...แถมยิ่งเป็นโจรถูกหมายจับมาแอบซ่อนในวัด ทั้งที่แสนยานุภาพกองกำลังมีครบสารพัน ทั้งกล้องวงจรปิด...ทั้งคนในวัด และพระเณรอีกบาน จะร่วมกันบอกว่า ไม่รู้จริง..... นี่ต้องบันทึกในกินเนสต์บุกส์ได้ละมังว่า
“มุสาวาทกรรมหมู่ใหญ่ที่สุดในพุทธศาสนา” กันแล้วหรือ?
หลวงพ่อไม่ได้มุสา...อาตมาไม่ได้หนี แต่ที่พวกคุณ ๆ มองไม่เห็นนั่นน่ะ.....
มันเพราะบุญญายังไม่ถึง....จึงมองด้วยตาเนื้อไม่เห็น!
แหมพูดแบบนี้จะให้ต้องถวายอีกสักกี่สิบ M ถึงจะมีบุญญาได้เห็น ขาอุ่นๆ สีคล้ำๆ ละขอรับ!
แต่เอาเถอะ...มาถึงตอนนี้ จะอยู่หรือหายตัวได้...ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เพราะนักวิชายุทธ์ ฝ่ายบู้และบุ๋น ต่างวิเคราะห์ตามศาสตร์ปกครองเมือง ก็เห็นสอดคล้องแล้วว่า....แสร้งปิดตาสักข้าง...หรือแง้มสังกะสีไว้พอให้ สมีแอบมุดออกไป น่าจะช่วยให้อะไรๆ มันง่าย และดีกว่าจับหิ้วปีกเข้าโรงพยาบาล
เพราะถ้าหนีออกไปได้.... กลไกทั้งหลายในการที่รัฐฯ จะเข้าควบคุมและรื้อถอนในสิ่งที่มันเคยฝังรากลึก เป็นข้าศึกต่อศาสนาพุทธ ทั้งคนทั้งพระ จะถือว่าทำได้ง่ายกว่าแยะ
และทีสำคัญ ถ้าหนีไปได้.... สุดท้ายจะกลายเป็นแค่
“อลัชชีหนีคดี” ที่แผ่นดินไทยไม่ต้องการเพิ่มอีก 1 คน
สินทรัพย์ที่มานับหลายล้านล้านบาท...เงินทองเข้าออกทั้งหลาย ...รายได้ที่เคยเข้ามา ยอดเงินกฐินในแต่ละปี กองบุญสารพันโน่นนี่ ฯลฯ เงินเหล่านี้ จะต้องมีกระบวนการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อตรวจสอบเพื่อให้รู้ว่ามันไปอยู่ไหน...วัดหรือกระเป๋าใคร?
สิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญและต้องถือโอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่จะแก้ไข พ.ร.บ สงฆ์ว่าด้วย เงิน ๆ ทอง ๆของ พระ,วัด จะต้องเร่งทำด่วนเพื่อการจัดการที่สะดวก
วัด,บรรดาพระสังฆาธิการ, ภิกษุที่บวชเกิน 3 พรรษา จะต้องแจงทรัพย์สินต้องจัดทำบัญชีรายรับจ่าย,ทรัพย์สิน เสนอต่อหน่วยงานรับผิดชอบไว้คอยตรวจสอบ ฯลฯ
มหาเถรสมาคมภายใต้กลไกใหม่ จะต้องสามารถมีบารมีและอำนาจโดยชอบธรรม ในการเข้าควบคุมสั่งการและทำให้วัดแห่งนี้หรือวัดไหน ๆ ที่เฉไฉออกนอกลู่พระวินัย ต้องกลับมาเป็นวัดในบวรพุทธศาสนาที่เป็นไปในแนวทางเถรวาทที่ถูกต้อง
และที่สำคัญ ต้องมีการตรวจทาน วัตรปฎิบัติของภิกษุ ให้ถูกต้องโปร่งใส..สอดคล้องตามพระธรรมวินนัย .และต้องเป็นสาธารณะสถานที่คนทุกกลุ่มทุกชน สามารถเข้าออกได้แบบวัดวาทั่วไป
นี่ต่างหากเป็นงานสำคัญและเรื่องที่สาธุชน..และรัฐบาลต้องมองเห็นประโยชน์ในการเข้าดำเนินการครั้งนี้
เพราะหลุดหนีไปได้..... วันนึงทุกคนก็จะเริ่มเข้าใจว่า ทุกสรรพสิ่งมันไม่เที่ยง...อนิจจังในสังขารมีอยู่จริง...ชื่อเสียงเกียรติยศ หมดป่นปี้ เพราะถูกพะชื่อว่า
“หนีคดี”
อภิญญา...บารมี เรื่องเหล่านี้จะต้องเป็น
"สันทิฏฐิโก" ไม่ต้องเอามาใช้อวดโอ้อุตริกันหลอกลวงใครอีกต่อไป
ส่วนถ้ายังอยาก.....จะคิดจะตั้งเป็นลัทธิอะไรในต่างแดน ..จะเชิญกี่ร้อยกี่พันมนุษย์ทั่วโลกไปเข้าสังกัด .ถ้าไม่มาวุ่นวายกับเมืองไทยหรือขัดกับกฎหมาย จะจัดถวายกันกีร้อย M หรือไปรอคิวซื้อตั๋วไปทัวร์สวรรค์กัน .....ก็เชิญเอาตามที่สดชื่นเลยขอรับ!
"มาเล่นกันเถอะๆ" กับ ปฎิบัติการซ่อนหานะจ๊ะ
เวลานี้....คำถามเกี่ยวกับแวดวงผ้าเหลือง เห็นจะมีเรื่องร้อนเร่า ๆกับกรณี “ปฎิบัติการตามหาโปกัมมี่” นี่ละมังที่แทบจะทุกหน้าแรกหนังสือพิมพ์...และแทบจะทุกชั่วโมงข่าว จะปรากฏแต่เรื่องราวการ ปฎิบัติค้นหา “สิ่งลี้ลับ” ในวัดพระธรรมกาย
วันนี้ต้องบอกจริง ๆ ว่า หมอนี่.... ไม่ธรรมดา ต้องยอมเลยว่า “สิ่งลี้ลับยังต้องเรียกป๋า”
เพราะแต่ละวันที่เคยบอกปาว ๆ ต่อสาธารณะว่า อาตมาชราภาพ...แถมขาบวมจนต้องยกชี้เด่สามสิบองศา จะให้อาตมาเถิดเทิงหลบหนีไปโน่นนี่ได้ที่ไหน!!
ทั้งพระเถรเณรโยม ต่างรีบออกขานรับ ตั้งโต๊ะ...ยืนสแตนด์คว้าไมค์.. พูดเป็นเสียงเดียว “หลวงพ่อไม่หนี..หลวงพ่อจะอยู่ตรงนี้..ไม่หนีไปไหน”
แต่วันนี้คงชัดว่า เพราะหลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่าวงล้อม 18 อรหันต์ที่ตะโกนสร้างเรื่องดร่าม่าว่า "ตำรวจชกพระๆ!" เข้าไปได้ พอเปิดเข้าห้องปลอดเชื้อ...เลิกผ้าห่ม จะนิมนต์ "หลวงพ่อ" ก็ตาเหลือกเพราะหลักฐานชัดว่า มันปลอดทั้งเชื้อ..ปลอดทั้งคน!!
อ้าวเฮ้ย!!.....THAMMY …WHERE ARE YOU?
ก็ไหนยูบอกไม่หนี....จะอยู่ที่นี่ไง
นี่....เห็นหรือยังว่า พลังอภิญญา...วิชชาที่กล้าแกร่ง ที่ฝึกปรือมาหลายสิบปี วันนี้ ใช้ได้จริง ๆ
ตำรวจ..ถามไถ่ พระในวัด .....ทุกรูปส่ายหน้าเลิกลั่ก บอกอ้อมแอ้ม....อาตมาไม่เห็นหลวงพ่อมา 9 เดือนแล้วโยม!
DSI หันไปถามเจ้าหน้าที่ในวัด ก็บอกว่า .....ไม่ทราบเหมือนกันว่า หลวงพ่ออยู่ตรงไหน เพราะก็ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเหมือนกัน!
เอาละหวา....ตกลงที่มันวัดวาอะไรฟะ คนใหญ่โตคับฟ้าอยูในวัด... จะกิน ...อยู่.....หลับนอน หรือถ่ายสิ่งปฎิกูล กลับไม่มีใครรู้ใครเห็นสักคน.... นี่มันคนหรือเทวดากันละหว่า
วัดที่ไหน ๆ ต้องมีหัววัดหรือสมภาร.... ซึ่งต้องมีหน้าที่รับรู้ปกครองทั้งตามกฎหมายและพระวินัย.... ว่ามีใครมาอาศัยวัดวา ทำมาหารับประทาน ...แถมยิ่งเป็นโจรถูกหมายจับมาแอบซ่อนในวัด ทั้งที่แสนยานุภาพกองกำลังมีครบสารพัน ทั้งกล้องวงจรปิด...ทั้งคนในวัด และพระเณรอีกบาน จะร่วมกันบอกว่า ไม่รู้จริง..... นี่ต้องบันทึกในกินเนสต์บุกส์ได้ละมังว่า “มุสาวาทกรรมหมู่ใหญ่ที่สุดในพุทธศาสนา” กันแล้วหรือ?
หลวงพ่อไม่ได้มุสา...อาตมาไม่ได้หนี แต่ที่พวกคุณ ๆ มองไม่เห็นนั่นน่ะ..... มันเพราะบุญญายังไม่ถึง....จึงมองด้วยตาเนื้อไม่เห็น!
แหมพูดแบบนี้จะให้ต้องถวายอีกสักกี่สิบ M ถึงจะมีบุญญาได้เห็น ขาอุ่นๆ สีคล้ำๆ ละขอรับ!
แต่เอาเถอะ...มาถึงตอนนี้ จะอยู่หรือหายตัวได้...ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เพราะนักวิชายุทธ์ ฝ่ายบู้และบุ๋น ต่างวิเคราะห์ตามศาสตร์ปกครองเมือง ก็เห็นสอดคล้องแล้วว่า....แสร้งปิดตาสักข้าง...หรือแง้มสังกะสีไว้พอให้ สมีแอบมุดออกไป น่าจะช่วยให้อะไรๆ มันง่าย และดีกว่าจับหิ้วปีกเข้าโรงพยาบาล
เพราะถ้าหนีออกไปได้.... กลไกทั้งหลายในการที่รัฐฯ จะเข้าควบคุมและรื้อถอนในสิ่งที่มันเคยฝังรากลึก เป็นข้าศึกต่อศาสนาพุทธ ทั้งคนทั้งพระ จะถือว่าทำได้ง่ายกว่าแยะ
และทีสำคัญ ถ้าหนีไปได้.... สุดท้ายจะกลายเป็นแค่ “อลัชชีหนีคดี” ที่แผ่นดินไทยไม่ต้องการเพิ่มอีก 1 คน
สินทรัพย์ที่มานับหลายล้านล้านบาท...เงินทองเข้าออกทั้งหลาย ...รายได้ที่เคยเข้ามา ยอดเงินกฐินในแต่ละปี กองบุญสารพันโน่นนี่ ฯลฯ เงินเหล่านี้ จะต้องมีกระบวนการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อตรวจสอบเพื่อให้รู้ว่ามันไปอยู่ไหน...วัดหรือกระเป๋าใคร?
สิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญและต้องถือโอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่จะแก้ไข พ.ร.บ สงฆ์ว่าด้วย เงิน ๆ ทอง ๆของ พระ,วัด จะต้องเร่งทำด่วนเพื่อการจัดการที่สะดวก
วัด,บรรดาพระสังฆาธิการ, ภิกษุที่บวชเกิน 3 พรรษา จะต้องแจงทรัพย์สินต้องจัดทำบัญชีรายรับจ่าย,ทรัพย์สิน เสนอต่อหน่วยงานรับผิดชอบไว้คอยตรวจสอบ ฯลฯ
มหาเถรสมาคมภายใต้กลไกใหม่ จะต้องสามารถมีบารมีและอำนาจโดยชอบธรรม ในการเข้าควบคุมสั่งการและทำให้วัดแห่งนี้หรือวัดไหน ๆ ที่เฉไฉออกนอกลู่พระวินัย ต้องกลับมาเป็นวัดในบวรพุทธศาสนาที่เป็นไปในแนวทางเถรวาทที่ถูกต้อง
และที่สำคัญ ต้องมีการตรวจทาน วัตรปฎิบัติของภิกษุ ให้ถูกต้องโปร่งใส..สอดคล้องตามพระธรรมวินนัย .และต้องเป็นสาธารณะสถานที่คนทุกกลุ่มทุกชน สามารถเข้าออกได้แบบวัดวาทั่วไป
นี่ต่างหากเป็นงานสำคัญและเรื่องที่สาธุชน..และรัฐบาลต้องมองเห็นประโยชน์ในการเข้าดำเนินการครั้งนี้
เพราะหลุดหนีไปได้..... วันนึงทุกคนก็จะเริ่มเข้าใจว่า ทุกสรรพสิ่งมันไม่เที่ยง...อนิจจังในสังขารมีอยู่จริง...ชื่อเสียงเกียรติยศ หมดป่นปี้ เพราะถูกพะชื่อว่า “หนีคดี”
อภิญญา...บารมี เรื่องเหล่านี้จะต้องเป็น "สันทิฏฐิโก" ไม่ต้องเอามาใช้อวดโอ้อุตริกันหลอกลวงใครอีกต่อไป
ส่วนถ้ายังอยาก.....จะคิดจะตั้งเป็นลัทธิอะไรในต่างแดน ..จะเชิญกี่ร้อยกี่พันมนุษย์ทั่วโลกไปเข้าสังกัด .ถ้าไม่มาวุ่นวายกับเมืองไทยหรือขัดกับกฎหมาย จะจัดถวายกันกีร้อย M หรือไปรอคิวซื้อตั๋วไปทัวร์สวรรค์กัน .....ก็เชิญเอาตามที่สดชื่นเลยขอรับ!