สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เลยสำหรับสินสอด เพราะผมเข้าใจว่า มันคือ ประเพณี ที่สืบทอด และ การให้สินสอด ก็จะมาคู่กับการจัดงานหมั้นหรืองานแต่ง หลายคนที่เขารวยๆเขาก็ไม่ได้บอกว่า ให้ไปกี่ล้าน และ หลายคนที่ฝ่ายชายไม่ได้มีเงินเยอะ พ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาก็ไม่ได้เรียกร้องเงินมากเหมือนการลงทุน แค่ให้มีพอเป็นพิธี ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงไป พ่อแม่ฝ่ายหญิงยังให้เงินก้นถุงกลับมามากกว่าหลายเท่าก็มีเยอะแยะ
ถ้าแค่เงินพอให้สินสอดแบบพอเป็นพิธียังไม่มี ก็แล้วแต่คนละครับไม่อยากวิจารณ์
สำหรับความรักไม่ใช่มีแค่ สามี ภรรยา ความรักที่ลูกควรมีต่อพ่อแม่มันก็ต้องมี ใครบอกได้เต็มปากว่า ไม่รัก พ่อแม่บ้าง ? การใช้คำบางคำมันก็แสดงให้เห็นถึงความคิดคน ระดับการศึกษา และ มาตรฐานสังคม สภาพแวดล้อมคนเรามันต่างกัน ก็สื่อสารได้จาก การใช้วาจานี่แหล่ะส่วนนึง ว่า เป็นคนประเภทไหน
สินสอดไม่ใช่ค่าตัว แต่มันก็แสดงถึงความพร้อมในการสร้างครอบครัว และ ความรักที่มีต่อฝ่ายหญิงด้วย และ ไม่ได้หมายความว่า แต่งงานแล้ว ถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงลำบาก เกิดขัดสนเงินทอง ฝ่ายชายจะบอกฝ่ายหญิงว่า เฮ้ย เราไม่เกี่ยว ปล่อยพ่อแม่คุณอดตายไปเหอะ อย่างงั้นเหรอ ? คือสินสอดน่ะ มันแค่เบื้องต้น ถ้ายังไงพ่อแม่เขาก็ตัดกันไม่ขาด รักลูกเขา ถ้าพ่อแม่เขาลำบาก ก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่ดี เพียงแต่ ตามความเหมาะสม และความสามารถเรา รวมถึง เขามีลูกกี่คน ก็ควรช่วยๆกัน
ไม่ได้บอกว่า ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงคนนึงแล้วต้องไปเหมาครอบครัวเขามารับผิดชอบหมดทุกอย่าง ซึ่งมันไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็ต้องไม่ตัดเขาออกไปจากชีวิตเลยนะ ยกเว้น พ่อแม่เขา ติดการพนัน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อันนี้ ผู้ชายก็ต้องรู้จักคิดว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ
สรุป สินสอดเรื่องเล็ก ไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับชีวิตคู่เลย ยกเว้นไปเจอ คนขายลูกกิน ซึ่ง คงมีน้อยกว่าคนทั่วไป
ถ้าแค่เงินพอให้สินสอดแบบพอเป็นพิธียังไม่มี ก็แล้วแต่คนละครับไม่อยากวิจารณ์
สำหรับความรักไม่ใช่มีแค่ สามี ภรรยา ความรักที่ลูกควรมีต่อพ่อแม่มันก็ต้องมี ใครบอกได้เต็มปากว่า ไม่รัก พ่อแม่บ้าง ? การใช้คำบางคำมันก็แสดงให้เห็นถึงความคิดคน ระดับการศึกษา และ มาตรฐานสังคม สภาพแวดล้อมคนเรามันต่างกัน ก็สื่อสารได้จาก การใช้วาจานี่แหล่ะส่วนนึง ว่า เป็นคนประเภทไหน
สินสอดไม่ใช่ค่าตัว แต่มันก็แสดงถึงความพร้อมในการสร้างครอบครัว และ ความรักที่มีต่อฝ่ายหญิงด้วย และ ไม่ได้หมายความว่า แต่งงานแล้ว ถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงลำบาก เกิดขัดสนเงินทอง ฝ่ายชายจะบอกฝ่ายหญิงว่า เฮ้ย เราไม่เกี่ยว ปล่อยพ่อแม่คุณอดตายไปเหอะ อย่างงั้นเหรอ ? คือสินสอดน่ะ มันแค่เบื้องต้น ถ้ายังไงพ่อแม่เขาก็ตัดกันไม่ขาด รักลูกเขา ถ้าพ่อแม่เขาลำบาก ก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่ดี เพียงแต่ ตามความเหมาะสม และความสามารถเรา รวมถึง เขามีลูกกี่คน ก็ควรช่วยๆกัน
ไม่ได้บอกว่า ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงคนนึงแล้วต้องไปเหมาครอบครัวเขามารับผิดชอบหมดทุกอย่าง ซึ่งมันไม่ใช่แบบนั้น แต่ก็ต้องไม่ตัดเขาออกไปจากชีวิตเลยนะ ยกเว้น พ่อแม่เขา ติดการพนัน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อันนี้ ผู้ชายก็ต้องรู้จักคิดว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ
สรุป สินสอดเรื่องเล็ก ไม่ใช่ประเด็นใหญ่สำหรับชีวิตคู่เลย ยกเว้นไปเจอ คนขายลูกกิน ซึ่ง คงมีน้อยกว่าคนทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2
มันเป็นกุศโลบายของคนโบราณที่ต้องการให้ฝ่ายชาย (สมัยก่อนผู้หญิงไม่ได้ทำงาน) พิสูจน์ในขั้นต้นว่ามีความสามารถในการหาเลี้ยงครอบครัวในระดับหนึ่ง เพราะกว่าจะทำมาหากินเก็บเงินเก็บทองมาขอสาวนั้นก็ต้องอาศัยความอุตสาหะ อดทน เมื่อแต่งงานไแล้วพ่อแม่เจ้าสาวก็พอจะเบาใจได้ว่าฝ่ายชายรักจริง ตั้งใจจริง
ในปัจจุบันหนุ่มสาวขาดความยับยั้งชั่งใจ มีครอบครัวกันง่ายๆ หลายคู่ก็ไปมีปัญหาครอบครัวมากมายเพราะเงินไม่พอใช้เนื่องจากฝ่ายชายไม่มีความพร้อมที่จะเป็นหลักของครอบครัว ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย
เป็นเพียงขนบธรรมเนียมโบราณซึ่งมีที่มาที่ไป มิใช่กฏหมายที่เราต้องทำตามอย่างเคร่งครัดครับ
ในปัจจุบันหนุ่มสาวขาดความยับยั้งชั่งใจ มีครอบครัวกันง่ายๆ หลายคู่ก็ไปมีปัญหาครอบครัวมากมายเพราะเงินไม่พอใช้เนื่องจากฝ่ายชายไม่มีความพร้อมที่จะเป็นหลักของครอบครัว ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมามากมาย
เป็นเพียงขนบธรรมเนียมโบราณซึ่งมีที่มาที่ไป มิใช่กฏหมายที่เราต้องทำตามอย่างเคร่งครัดครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ควรเลิกไปได้แล้ว ค่าน้ำนมนี่ไร้สาระที่สุด แม่ควรจะรักลูกแบบไม่มีเงื่อนไข
ไม่ใช่มาเรียกร้องค่าน้ำนมทั้งๆที่คือของเหลวที่ไหลออกมาอยู่แล้ว และลูกไม่ได้ขอมาเกิด
แต่ถ้าใครอยากจะจ่าย ก็ไม่ผิด แต่ควรจ่ายเองไม่ใช่ไปขอจากคนรักมาจ่าย
สำคัญที่สุดการแต่งงานมันเกี่ยวกับความรักอย่างไร้เงื่อนไข เพราะความรักคือการให้ และการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ถ้าเริ่มแรกก็กดดัน บังคับ เรียกร้อง มีผลประโยชน์เรื่องเงิน มันก็ไม่ได้เรียกว่ารักแบบไร้เงื่อนไข
ยกเว้นจะบอกผู้ชายตั้งแต่เดทแรกเลยว่าค่าน้ำนมแม่ชั้นเท่านั้นเท่านี้ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะตกหลุมรักแล้วอยากแต่งงานด้วย
จะยุติธรรมกว่าบอกตอนที่รักไปแล้วถึงรู้ว่าต้องหาเงินแสนเงินล้าน
ไม่ใช่มาเรียกร้องค่าน้ำนมทั้งๆที่คือของเหลวที่ไหลออกมาอยู่แล้ว และลูกไม่ได้ขอมาเกิด
แต่ถ้าใครอยากจะจ่าย ก็ไม่ผิด แต่ควรจ่ายเองไม่ใช่ไปขอจากคนรักมาจ่าย
สำคัญที่สุดการแต่งงานมันเกี่ยวกับความรักอย่างไร้เงื่อนไข เพราะความรักคือการให้ และการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ถ้าเริ่มแรกก็กดดัน บังคับ เรียกร้อง มีผลประโยชน์เรื่องเงิน มันก็ไม่ได้เรียกว่ารักแบบไร้เงื่อนไข
ยกเว้นจะบอกผู้ชายตั้งแต่เดทแรกเลยว่าค่าน้ำนมแม่ชั้นเท่านั้นเท่านี้ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะตกหลุมรักแล้วอยากแต่งงานด้วย
จะยุติธรรมกว่าบอกตอนที่รักไปแล้วถึงรู้ว่าต้องหาเงินแสนเงินล้าน
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดว่าสินสอดทองหมั้น เป็นค่าน้ำนมให้พ่อแม่เจ้าสาว ยังควรมีอยู่ไหมครับ ?