ตลาดหุ้น…หรือบ่อนถูกกฎหมาย?
วันอังคาร 14 กุมภาพันธ์ 2017 7:34 pm
โดย : ฉาย บุนนาค
ในหลักทฤษฎี การลงทุนในตลาดทุน (ตลาดหุ้น) คือโอกาสในการเป็นเจ้าของกิจการร่วมกับสาธารณชน ภายใต้การกำกับดูแลของกรรมการและผู้บริหารที่เรามีสิทธิ์เลือกเพื่อนโยบายที่ดีสำหรับบริษัทนั้นๆ
หากแต่หลักทฤษฎีและการปฏิบัติของมนุษย์สวนทางกันในหลายครั้ง นักลงทุนส่วนใหญ่คิดและใช้ตลาดทุนเยี่ยงบ่อนการพนัน…
คุณสมบัติของการพนันคือความเสี่ยงสูง รวยเร็ว จนเร็ว แรงจูงใจขับเคลื่อนคือความโลภ ตื่นเต้น และเจ็บใจมากเวลาได้เสีย
รู้สึกว่าสิ่งที่ได้มาและเสียไปเกิดจากโชคลาภ กำไรคือจากส่วนต่าง (capital gain) เงินปันผลคือของแถม คิดว่าเราต่อสู้อยู่กับเจ้ามือเสมอ
หุ้นไม่มีเจ้ามือ มีเพียงอุปสงค์และอุปทานที่ต่อสู้กันและหากไม่มีค่าคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลาดหุ้นคือ zero sum game.
หากท่านมองตลาดหุ้นเช่นนี้ ท่านก็มิต่างกับนักพนันเสี่ยงโชคคนหนึ่งที่คิดว่าตนเองรู้และฉลาดพอที่จะเล่นหุ้น
การพนันไม่เคยทำให้ใ ผมจึงขอสนับสนุนให้นักลงทุนสมัครเล่นที่อยากมีความสงบสุขทางความคิดหันมาซื้อกองทุนที่ดี น่าเชื่อถือ เพื่อบริหารเงินสดให้ดีกว่าไปเสี่ยงโชคเองกับคนชื่อ "เค้า"
หลายท่านคงมองต่อว่า "ทำไมต้องเอาเงินเราไปให้คนอื่นบริหาร?" "ให้กองทุนบริหารจะได้สักกี่%ต่อปี?" "จะไปเชื่อได้ไงผู้จัดการกองทุน?"
คำตอบที่ผมมีให้คือ ผู้จัดการกองทุนก็คือคน มีทั้งดีและเลว เก่งและไม่เก่ง เราสามารถเลือกได้จากประวัติและผลงานย้อนหลังของบริษัทจัดการกองทุนรวมต่างๆ อย่างน้อยบริษัทเหล่านี้ก็มีระบบวิเคราะห์ตรวจสอบดีกว่านักลงทุนโดยเฉลี่ย…
จริงอยู่ที่กองทุนมักให้ผลตอบแทนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของตลาดทุนไทย แต่นั้นคือท่านประหยัดเวลาไปมากมายในการศึกษาและไม่ต้องไปล้มลุกคลุกคลานเองในตลาดหุ้น…
เวลาและความมั่นคงคือปัจจัยสำคัญของความสุขที่ยั่งยืน …
สำหรับผมแนวคิดนี้มาจากประสบการณ์จริงในวันที่ลูกคนแรกผมเกิด (ช่วงHamburger Crisis) ปี 2552 ผมมัวแต่แก้ปัญหาหนี้สินมาร์จิ้นที่พะรุงพะรังจนไม่มีสมาธิในวันคลอด เหมือนคนไร้สติที่เต้นไปตามสิ่งสมมุติต่างๆ
กระทั่งผมได้เห็นหน้าลูก ความคิดจึงเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ ความรู้สึกพิเศษที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำ ทำให้ผมเลือกตั้งชื่อลูกทันทีว่า "พอเพียง"
ชื่อนี้ไม่ใช่เพื่อลูกผม แต่เพื่อเตือนใจตัวผม ยามความโลภเข้าครอบงำ ยามขาดสติ ให้รำลึกถึงความมั่นคงและความสุขของเค้า…
คอลัมน์ : พอเพียงอย่างพอใจ / หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 18 ฉบับ 3236 ระหว่าง 16-18 ก.พ.2560
http://www.springnews.co.th/th/2017/02/24611/
ตลาดหุ้นไทย ก็เหมือนบ่อนพนัน หันไปเล่นกองทุนดีกว่า จริงไหมพี่น้องงง
วันอังคาร 14 กุมภาพันธ์ 2017 7:34 pm
โดย : ฉาย บุนนาค
ในหลักทฤษฎี การลงทุนในตลาดทุน (ตลาดหุ้น) คือโอกาสในการเป็นเจ้าของกิจการร่วมกับสาธารณชน ภายใต้การกำกับดูแลของกรรมการและผู้บริหารที่เรามีสิทธิ์เลือกเพื่อนโยบายที่ดีสำหรับบริษัทนั้นๆ
หากแต่หลักทฤษฎีและการปฏิบัติของมนุษย์สวนทางกันในหลายครั้ง นักลงทุนส่วนใหญ่คิดและใช้ตลาดทุนเยี่ยงบ่อนการพนัน…
คุณสมบัติของการพนันคือความเสี่ยงสูง รวยเร็ว จนเร็ว แรงจูงใจขับเคลื่อนคือความโลภ ตื่นเต้น และเจ็บใจมากเวลาได้เสีย
รู้สึกว่าสิ่งที่ได้มาและเสียไปเกิดจากโชคลาภ กำไรคือจากส่วนต่าง (capital gain) เงินปันผลคือของแถม คิดว่าเราต่อสู้อยู่กับเจ้ามือเสมอ
หุ้นไม่มีเจ้ามือ มีเพียงอุปสงค์และอุปทานที่ต่อสู้กันและหากไม่มีค่าคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตลาดหุ้นคือ zero sum game.
หากท่านมองตลาดหุ้นเช่นนี้ ท่านก็มิต่างกับนักพนันเสี่ยงโชคคนหนึ่งที่คิดว่าตนเองรู้และฉลาดพอที่จะเล่นหุ้น
การพนันไม่เคยทำให้ใ ผมจึงขอสนับสนุนให้นักลงทุนสมัครเล่นที่อยากมีความสงบสุขทางความคิดหันมาซื้อกองทุนที่ดี น่าเชื่อถือ เพื่อบริหารเงินสดให้ดีกว่าไปเสี่ยงโชคเองกับคนชื่อ "เค้า"
หลายท่านคงมองต่อว่า "ทำไมต้องเอาเงินเราไปให้คนอื่นบริหาร?" "ให้กองทุนบริหารจะได้สักกี่%ต่อปี?" "จะไปเชื่อได้ไงผู้จัดการกองทุน?"
คำตอบที่ผมมีให้คือ ผู้จัดการกองทุนก็คือคน มีทั้งดีและเลว เก่งและไม่เก่ง เราสามารถเลือกได้จากประวัติและผลงานย้อนหลังของบริษัทจัดการกองทุนรวมต่างๆ อย่างน้อยบริษัทเหล่านี้ก็มีระบบวิเคราะห์ตรวจสอบดีกว่านักลงทุนโดยเฉลี่ย…
จริงอยู่ที่กองทุนมักให้ผลตอบแทนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของตลาดทุนไทย แต่นั้นคือท่านประหยัดเวลาไปมากมายในการศึกษาและไม่ต้องไปล้มลุกคลุกคลานเองในตลาดหุ้น…
เวลาและความมั่นคงคือปัจจัยสำคัญของความสุขที่ยั่งยืน …
สำหรับผมแนวคิดนี้มาจากประสบการณ์จริงในวันที่ลูกคนแรกผมเกิด (ช่วงHamburger Crisis) ปี 2552 ผมมัวแต่แก้ปัญหาหนี้สินมาร์จิ้นที่พะรุงพะรังจนไม่มีสมาธิในวันคลอด เหมือนคนไร้สติที่เต้นไปตามสิ่งสมมุติต่างๆ
กระทั่งผมได้เห็นหน้าลูก ความคิดจึงเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ ความรู้สึกพิเศษที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำ ทำให้ผมเลือกตั้งชื่อลูกทันทีว่า "พอเพียง"
ชื่อนี้ไม่ใช่เพื่อลูกผม แต่เพื่อเตือนใจตัวผม ยามความโลภเข้าครอบงำ ยามขาดสติ ให้รำลึกถึงความมั่นคงและความสุขของเค้า…
คอลัมน์ : พอเพียงอย่างพอใจ / หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 18 ฉบับ 3236 ระหว่าง 16-18 ก.พ.2560
http://www.springnews.co.th/th/2017/02/24611/