คุณวิษณุ  เครืองาม  ครับ

คนชื่อยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นั้น
ไม่เคยเลยครับ  ที่จะตอบโต้ติติงใครแรง ๆ    ใครโดนคนชื่อยิ่งลักษณ์ซัดแรง ๆ นี่

รดน้ำมันต์ได้เลยครับ

ปรากฎการณ์อย่างนี้  มีนัยยะนะครับ
บ่งบอกว่า  คนที่โดนคนชื่อยิ่งลักษณ์ตอบโต้  เป็นบุคคลที่ "เหลือรับ" จริง ๆ

จะว่าชั่ว ว่าเลว ก็เกินไป    
คงจัดได้อยู่ในขั้นแค่ว่า   มีพฤติกรรมเกินควรจนเหลืออดเท่านั้นแหละครับ

โดยปกติแล้ว   คนชื่อยิ่งลักษณ์นั้น  
เมื่อมีประเด็นใด ๆ ขึ้นมา  เธอก็จะชี้แจง อธิบายด้วยเหตุผล ด้วยความนอบน้อม สุภาพ

ไม่เคยเลยที่จะเหน็บแนม เสียดสี หรือใช้คำพูดให้ผู้ใดเสียหาย  
และแทบไม่มีให้เห็นที่เธอจะตอบโต้ใครแรง ๆ  น้อยมากที่ตั้งคำถามย้อนกลับถึงใคร ๆ



ฉะนั้น  ใครโดนเข้าไปนี่
เป็นเรื่องน่าอายมากครับ  เพราะเป็นนัยยะบอกว่า   คน ๆ นั้น     "เหลือรับ" จริง ๆ




คุณวิษณุ ครับ

ปลายปี 2558  คุณวิษณุเคยตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเรื่องยึดทรัพย์ไว้ละเอียดยิบ
ด้วยการบอกว่า  

"...หากผู้ถูกกล่าวหา “ไม่พอใจ” สามารถอุทธรณ์คำสั่งปกครองนี้ได้  นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิที่จะนำไปฟ้องต่อศาลปกครอง
  โดย “ผู้ถูกกล่าวหา” กลายเป็น “โจทก์” รัฐหรือหน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งจะกลายเป็น “จำเลย”..."

"...โดยผลของการตัดสินคดีของศาลปกครองก็ออกมาได้หลายแนวทาง อาทิ ผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิดไม่ต้องชดใช้
  ผู้ถูกกล่าวหาผิด แต่ชดใช้ความเสียหายน้อยกว่าเดิม หรืออาจไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย เลยไปถึงการเพิกถอนคำสั่งโดยศาลปกครอง..."

“…ข้อสำคัญของวิธีที่ 2 นี้ มิได้หย่อนทางนิติธรรม และไม่ได้ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียความยุติธรรมแต่ประการใด
  ทั้งยังใช้กับการดำเนินคดีต่างๆมามาก ไม่ต่างกับวิธีการที่ 1  ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
  เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ และไปศาลได้ ทั้งยังสามารถนำพยานทั้งหมดไปสู่ศาลได้”

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.thansettakij.com/2015/11/19/18510

_{***มล.(หมายเหตุสุดหล่อ)  
      วิธีที่ 1  นายวิษณุหมายถึง การฟ้องทางแพ่ง  
      วิธีที่ 2  หมายถึงการใช้คำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ทางละเมิด ตามด้วย ม.44 ให้กรมบังคับคดีมีอำนาจยึดทรัพย์ได้เลย}




นั่นหมายความว่า   เมื่อกระทรางพาณิชย์  กระทรวงการคลัง  คิดความเสียหายออกมาแล้ว
ก็จะส่งเรื่องสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาชดใช้  

ขณะเดียวกัน  ผู้ถูกสั่งให้ชดใช้   ก็มีสิทธิ์ที่จะร้องต่อศาลปกครองเพื่อทุเลาคำสั่ง  เพื่อยกเลิกคำสั่ง ได้

ซึ่งโดยปกติ  เมื่อมีการร้องค้านต่อศาล  ทุกฝ่ายต้องรอคำสั่งศาลซะก่อน
ไม่ดำเนินการใด ๆ ในระหว่างที่ศาลปกครองกำลังพิจารณา

ยกตัวอย่างเช่นคดีหนีทหาร นายร้อยเก๊  ของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ที่ถูกกลาโหมสั่งปลดออกจากราชการฐานทุจริต ประพฤติชั่ว
ที่ ส.ส. เพื่อไทยยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ  ให้พิจารณาคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ของนายอภิสิทธิ์

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ดอง เอ๊ย ได้ชะลอเรื่องไว้ก่อน  ไม่ยอมวินิจฉัย
ด้วยการบอกว่า  มีการร้องค้านคำสั่งปลดออกอยู่ในชั้นศาล  เพื่อความเป็นธรรม  จึงรอผลทางคดีก่อน

และพอรัฐบาลเพื่อไทยยุบสภา    ศาล รธน. ก็จำหน่ายเรื่องออกจากสารบบทันที
ด้วยการบอกว่า  ไม่มีสภาแล้ว  ไม่มี ส.ส. แล้ว  ไม่จำเป็นต้องรับเรื่องไว้วินิจฉัย



แต่วันนี้   คุณวิษณุ  กลับบอกว่า   กรมบังคับคดีลุยยึดทรัพย์ได้เลย




แม้ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองขอทุเลาการบังคับคดี  และศาลปกครองอยู่ในระหว่างพิจารณา
คุณวิษณุกลับให้เหตุผลไปอีกอย่างว่า

"...ศาลยังไม่ได้มีคำสั่ง ระหว่างนี้จึงสามารถดำเนินการยึดหรืออายัดได้
  อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการยึดหรืออายัดทรัพย์ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ปรากฏว่าต่อมาศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
  ทรัพย์สินที่ยึดไปแล้วไม่จำเป็นต้องคืน เพียงแต่ยึดเพิ่มเติมไม่ได้"


เรียกว่า  ฉวยโอกาส  ครับ    

เหมือนเจตนาให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเดือดร้อน
เพราะหากลุยยึดเลยตอนนี้   แน่ ๆ ครับ  บ้าน  เงินฝากในธนาคาร  รถยนต์  ทุกอย่าง  ไม่เหลือสักอย่างครับ

เพราะไม่ว่านายกฯยิ่งลักษณ์   ไม่ว่านายบุญทรง กับพวก   โดนหลักพันล้านหมื่นล้านทั้งนั้น

การบอกว่า  ศาลยังไม่มีคำสั่งคุ้มครอง  ก็ยึดได้เลย    หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองตามมา  ก็ไม่ต้องคืน  

ก็คือการยึดหมดเรียบร้อยนั่นแหละครับ  





เอาไงแน่ครับ

วันนั้นบอก  ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ร้องค้านต่อศาลปกครองได้ เป็นไปตามหลักนิติธรรม
แต่วันนี้บอก  ลุยยึดได้เลย  ไม่ต้องรอศาล  หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองค่อยหยุดยึด

เป็นธรรมหรือครับ ?     หลักนิติธรรมหายไปไหนแล้วล่ะครับ ?





น่าอาย  และดูเหมือนมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนนะครับ

เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  ได้ชื่อว่าเป็นนักกฎหมาย   ต้องดำรงคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมครับ  
ไม่ใช่อาศัยข้อกฎหมายเป็นเครื่องมือ




เรื่องเดียวกัน  แต่พูดคนละแบบ  กระทำคนละอย่าง
วันนั้นพูดอย่าง  วันนี้ทำอย่าง

ไม่ใช่วิสัยของวิญญูชนครับ