“ญี่ปุ่น" ประเทศที่ไม่เคยเป็นแค่ "ครั้งแรก” และ “ครั้งสุดท้าย" ของนักเดินทางเกือบทุกคนที่ได้ไปเยือน
สำหรับฉันก็เช่นกัน
และครั้งนี้อีก "ครั้งหนึ่งที่ Nikko”
ญี่ปุ่นรอบที่ 3 แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเยือนภูมิภาค Kanto
ก้าวแรกเมื่อฉันออกจากสนามบิน สู่สถานี Keisei Skyliner
ตั๋วรถไฟในมือที่จ้องมองอย่างละเอียด ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้แน่ใจว่ารอถูกชานชลา เสียงประกาศ สำเนียงภาษาที่คุ้นหู
ความรู้สึกที่คุ้นเคยเหมือน "บ้านหลังที่สอง" ก็เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เวลาไม่ถึงชั่วโมง ฉันก็มาถึงปลายทางของคืนนี้ Ueno

อุณหภูมิ 5 องศา บรรยากาศหน้าหนาวที่ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ
แต่ย่าน Ueno ยังคงเต็มไปด้วยแสงไฟจากตึกร้านค้าแหล่งบันเทิงต่างๆมากมาย
แต่คืนนี้ฉันคงต้องเก็บแรงไว้ เพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไปเจอกลุ่มน้องๆที่ล่วงหน้ามาก่อน จะได้ไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้
...สำหรับคืนนี้ お休みなさい
¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤
เช้าวันใหม่ อากาศหนาวยะเยือกจนอยากจะนอนซุกอยู่แต่ในผ้าห่มอุ่นๆ แต่จุดหมายหลักของทริปนี้รอพวกเราอยู่
ปะ...ออกเดินทางกัน
สำหรับฉัน การเดินทางโดยรถไฟในประเทศญี่ปุ่นคือความตื่นเต้น
ตลอดเส้นทาง จะมีสิ่งใหม่ๆมากมายให้พบเห็น เรียนรู้ และสัมผัส
"ในทุกๆการเดินทาง เราจะพบความสวยงามเสมอ"
วิวตลอดเส้นทาง ทำให้เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง สถานี Tobu-Nikko
ก้าวแรกเมื่ออกจากสถานี สิ่งที่ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักไม่ใช่ความหนาวที่มาประทะใบหน้า
แต่เป็นสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง
"Nikko" เมืองเล็กๆที่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงใหญ่ ก้อนเมฆสีขาว ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใส
ฉันตกหลุมรักที่นี่ตั้งแต่แรกเห็นเข้าอีกจนได้สินะ <3
หลังจากชื่นชมวิวด้านหน้าสถานีได้ซักพัก พวกเราก็รีบเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม
เพื่อให้ทันเวลารถบัสไปต่อยังจุดหมายแรกของวันนี้ “Yumoto-Onsen”
“Yumoto-Onsen” เป็นจุดท่องเที่ยวที่อยู่สูงสุดของ Nikko นั่งรถบัสไปสุดสาย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
โดยส่วนใหญ่คนที่จะขึ้นไปถึงที่นี่คือพักค้างคืนโรงแรมออนเซน แต่จุดหมายของพวกเราต่างออกไป
นั่นก็คือพวกเราจะไปตามหา “หิมะ” นั่นเอง
จริงๆแล้ว Nikko เป็นเมืองที่อากาศเย็นเกือบทั้งปีคล้ายๆที่ฮอกไกโดและมีหิมะตกในช่วงหน้าหนาวอยู่แล้ว
แต่ด้วยความที่พวกเราเดินทางไปกันช่วงต้นเดือนมกราคม อากาศยังไม่หนาวเต็มที่ ในเมืองจึงยังไม่มีหิมะตก
...มาลุ้นกันค่ะ ว่าพวกเราจะได้เจอหิมะกันรึเปล่า Let’s go!!

ป้ายรถสำหรับไปที่ Yumoto-Onsen คือป้าย 2A นะคะ
ขนาดรถบัสไม่ใหญ่มากและที่นั่งค่อนข้างแคบ สะพายกระเป๋ากล้องและแบกขาตั้งกล้องนี่ยังลำบากพอสมควรเลย
ทางขึ้นเขาคดเคี้ยว วิวสองข้างทางตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสด
ทำให้เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เรามากันเกือบถึงจุดหมายแล้ว
แต่ถึงตอนนี้ วิวด้านนอกก็ทำให้ฉันอยากจะกระโดดลงจากรถ ไปถ่ายรูปซะตอนนี้เลย
ไม่กี่อึดใจ รถบัสก็พาพวกเรามาถึงจุดหมาย และก้าวแรกเมื่อลงจากรถ...

หิมะสีขาวบริสุทธิ์ หนาเหมือนปุยนุ่นนุ่มๆ ทำให้พวกเราแทบจะอยากนอนเกลือกกลิ้งลงไปบนพื้น
รู้สึกไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่เลือกขึ้นมาถึงที่นี่

ตอนนี้ประมาณ 10 โมงกว่า อากาศติดลบพร้อมลมพัดแรงไม่ขาดสาย ทุกคนที่นี่เหมือนจะยังไม่ลุกจากผ้าห่มอุ่น เลยทำให้รู้สึกเหมือนเมืองร้างในหนังผีดิบที่เคยดูยังไงก็ไม่รู้ รีบเดินออกจากตรงนี้กันดีกว่า ฮ่าๆๆๆ ^^”
จากป้ายรถบัส พวกเราเดินมุ่งหน้าออกมาทางถนนสายหลัก ตลอดข้างทางขาวโพลนไปด้วยหิมะ
วิวทะเลสาบอยู่ตรงหน้า อีกเพียงไม่กี่ก้าว

ทะเลสาบกว้างใหญ่ ผืนน้ำพริ้วไหวตามกระแสลมหนาวที่พัดมาเป็นระรอก
หิมะบนยอดหญ้าและต้นไม้รอบๆเข้ากันอย่างลงตัว

แม้ตอนนี้จะมีแสงแดดมาเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลงแม้แต่น้อย
แต่กลับเริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง
วิวตรงนี้ ทำให้ฉันอยากอยู่ตรงนี้นานๆ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกคงจะเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้
ทุกอย่างรอบทะเลสาบคงเป็นสีทองกระทบผิวน้ำ คงจะสวยไม่น้อยเลย

ตอนนี้ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ และท้องของพวงเราก็เริ่มร้องมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเหมือนกัน
พวกเราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงโรงแรมอีกแห่งหนึ่งที่ด้านในมีห้องอาหาร
ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน มันคือสวรรค์เลยก็ว่าได้ ฮีตเตอร์อุ่นๆ และ....เมนูอาหาร
ไม่รอช้า พวกเราวางสัมภาระ ถอดเสื้อคลุม และสั่งอาหารกันอย่างขาดสติ

เท่าที่ดูเมนู ฉันสะดุดตาอยู่ 2เมนู แน่นอนมันคือ Ikura (ไข่แซลม่อน) นั่นเอง
ในรูปเหมือนจะเป็นซุปด้วย และอีกเมนูคือข้าวหน้าปลาแซลม่อน
ด้วยความหิวโซ จัดมาเลยค่ะ อย่างละ 1
และนี่คือทั้ง 2 ชามที่ฉันสั่งมา

ชามแรก ด้านล่างเป็นข้าวโปะด้วยฟองเต้าหู้สด ไข่ปลาแซลม่อนและราดน้ำซุปอุ่นๆมา หอมหร่อยมากๆจนอยากสั่งชามที่สอง

ชามที่สองตามมาติดๆ เป็นข้าวหน้าปลาแซลม่อนดิบ
ด้วยความหิวและเหนื่อย ชามนี้ก็หมดลงภายในพริบตาอีกเช่นกัน
ที่ Nikko เด่นในเรื่องฟองเต้าหู้สด หรือที่เรียกว่า Yuba เพราะทุกเมนูจะมีฟองเต้าหู้นุ่มๆเสิร์ฟมาข้างๆ
แม้แต่ข้าวหน้าปลาแซลม่อนก็มีด้วยค่ะ
พวกเรานั่งทานกันอย่างเพลิดเพลินจนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า
บ่ายสองแล้ว ในร้านอาหารที่อบอุ่นเหมือนจะมีแรงดึงดูดไม่ให้เราอยากก้าวออกไปต่อ
แต่หิมะด้านนอกที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆทำให้ฉันนึกถึงตอนติดพายุหิมะที่ Yufuin ที่ทำให้รถไฟวิ่งไม่ได้
สุดท้ายพวกเราจึงตัดสินใจเดินฝ่าลมและพายุหิมะกลับไปที่ป้ายรถบัสเพื่อกลับลงมาในเมือง
ตอนแรก แผนของพวกเราในวันนี้จะไปกันต่อที่สะพานแดง Shinkyo Bridge สัญญลักษณ์หนึ่งของ Nikko
แต่หน้าหนาวท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ ประมาณ 5โมงเย็นแสงก็ลับขอบฟ้าแล้ว
พวกเราเลยตัดสินใจยกโปรแกรมนี้ไปไว้พรุ่งนี้แทน
สำหรับวันนี้ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยโฉมหน้า(รองเท้า)ของพวกเราทั้ง 5 คน
แล้วพบกันต่อใน "ครั้งหนึ่งที่ Nikko (Part II) เร็วๆนี้นะคะ

¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤
สำหรับ Part I ต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ตั้งใจทำมากจริงๆ พยายามเลือกรูปที่ดีที่สุดมาให้ทุกคนได้ดูกัน
และหวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับรูปที่เราเลือกมาอีกเช่นเคยนะคะ
แล้วฝากรอติดตาม Part II ด้วยนะคะ เร็วๆนี้แน่นอน
แล้วพบกันค่ะ <3
¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤
[CR] : : : ค รั้ ง ห นึ่ ง ที่ N i k k o : : : (Part I)
สำหรับฉันก็เช่นกัน
และครั้งนี้อีก "ครั้งหนึ่งที่ Nikko”
ญี่ปุ่นรอบที่ 3 แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเยือนภูมิภาค Kanto
ก้าวแรกเมื่อฉันออกจากสนามบิน สู่สถานี Keisei Skyliner
ตั๋วรถไฟในมือที่จ้องมองอย่างละเอียด ดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้แน่ใจว่ารอถูกชานชลา เสียงประกาศ สำเนียงภาษาที่คุ้นหู
ความรู้สึกที่คุ้นเคยเหมือน "บ้านหลังที่สอง" ก็เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เวลาไม่ถึงชั่วโมง ฉันก็มาถึงปลายทางของคืนนี้ Ueno
อุณหภูมิ 5 องศา บรรยากาศหน้าหนาวที่ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ
แต่ย่าน Ueno ยังคงเต็มไปด้วยแสงไฟจากตึกร้านค้าแหล่งบันเทิงต่างๆมากมาย
แต่คืนนี้ฉันคงต้องเก็บแรงไว้ เพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไปเจอกลุ่มน้องๆที่ล่วงหน้ามาก่อน จะได้ไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้
...สำหรับคืนนี้ お休みなさい
¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤
เช้าวันใหม่ อากาศหนาวยะเยือกจนอยากจะนอนซุกอยู่แต่ในผ้าห่มอุ่นๆ แต่จุดหมายหลักของทริปนี้รอพวกเราอยู่
ปะ...ออกเดินทางกัน
สำหรับฉัน การเดินทางโดยรถไฟในประเทศญี่ปุ่นคือความตื่นเต้น
ตลอดเส้นทาง จะมีสิ่งใหม่ๆมากมายให้พบเห็น เรียนรู้ และสัมผัส
"ในทุกๆการเดินทาง เราจะพบความสวยงามเสมอ"
วิวตลอดเส้นทาง ทำให้เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง สถานี Tobu-Nikko
ก้าวแรกเมื่ออกจากสถานี สิ่งที่ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักไม่ใช่ความหนาวที่มาประทะใบหน้า
แต่เป็นสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง
"Nikko" เมืองเล็กๆที่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงใหญ่ ก้อนเมฆสีขาว ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใส
ฉันตกหลุมรักที่นี่ตั้งแต่แรกเห็นเข้าอีกจนได้สินะ <3
หลังจากชื่นชมวิวด้านหน้าสถานีได้ซักพัก พวกเราก็รีบเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม
เพื่อให้ทันเวลารถบัสไปต่อยังจุดหมายแรกของวันนี้ “Yumoto-Onsen”
“Yumoto-Onsen” เป็นจุดท่องเที่ยวที่อยู่สูงสุดของ Nikko นั่งรถบัสไปสุดสาย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
โดยส่วนใหญ่คนที่จะขึ้นไปถึงที่นี่คือพักค้างคืนโรงแรมออนเซน แต่จุดหมายของพวกเราต่างออกไป
นั่นก็คือพวกเราจะไปตามหา “หิมะ” นั่นเอง
จริงๆแล้ว Nikko เป็นเมืองที่อากาศเย็นเกือบทั้งปีคล้ายๆที่ฮอกไกโดและมีหิมะตกในช่วงหน้าหนาวอยู่แล้ว
แต่ด้วยความที่พวกเราเดินทางไปกันช่วงต้นเดือนมกราคม อากาศยังไม่หนาวเต็มที่ ในเมืองจึงยังไม่มีหิมะตก
...มาลุ้นกันค่ะ ว่าพวกเราจะได้เจอหิมะกันรึเปล่า Let’s go!!
ป้ายรถสำหรับไปที่ Yumoto-Onsen คือป้าย 2A นะคะ
ขนาดรถบัสไม่ใหญ่มากและที่นั่งค่อนข้างแคบ สะพายกระเป๋ากล้องและแบกขาตั้งกล้องนี่ยังลำบากพอสมควรเลย
ทางขึ้นเขาคดเคี้ยว วิวสองข้างทางตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสด
ทำให้เวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เรามากันเกือบถึงจุดหมายแล้ว
แต่ถึงตอนนี้ วิวด้านนอกก็ทำให้ฉันอยากจะกระโดดลงจากรถ ไปถ่ายรูปซะตอนนี้เลย
ไม่กี่อึดใจ รถบัสก็พาพวกเรามาถึงจุดหมาย และก้าวแรกเมื่อลงจากรถ...
หิมะสีขาวบริสุทธิ์ หนาเหมือนปุยนุ่นนุ่มๆ ทำให้พวกเราแทบจะอยากนอนเกลือกกลิ้งลงไปบนพื้น
รู้สึกไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่เลือกขึ้นมาถึงที่นี่
ตอนนี้ประมาณ 10 โมงกว่า อากาศติดลบพร้อมลมพัดแรงไม่ขาดสาย ทุกคนที่นี่เหมือนจะยังไม่ลุกจากผ้าห่มอุ่น เลยทำให้รู้สึกเหมือนเมืองร้างในหนังผีดิบที่เคยดูยังไงก็ไม่รู้ รีบเดินออกจากตรงนี้กันดีกว่า ฮ่าๆๆๆ ^^”
จากป้ายรถบัส พวกเราเดินมุ่งหน้าออกมาทางถนนสายหลัก ตลอดข้างทางขาวโพลนไปด้วยหิมะ
วิวทะเลสาบอยู่ตรงหน้า อีกเพียงไม่กี่ก้าว
หิมะบนยอดหญ้าและต้นไม้รอบๆเข้ากันอย่างลงตัว
แต่กลับเริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง
วิวตรงนี้ ทำให้ฉันอยากอยู่ตรงนี้นานๆ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกคงจะเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้
ทุกอย่างรอบทะเลสาบคงเป็นสีทองกระทบผิวน้ำ คงจะสวยไม่น้อยเลย
ตอนนี้ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ และท้องของพวงเราก็เริ่มร้องมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเหมือนกัน
พวกเราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงโรงแรมอีกแห่งหนึ่งที่ด้านในมีห้องอาหาร
ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน มันคือสวรรค์เลยก็ว่าได้ ฮีตเตอร์อุ่นๆ และ....เมนูอาหาร
ไม่รอช้า พวกเราวางสัมภาระ ถอดเสื้อคลุม และสั่งอาหารกันอย่างขาดสติ
เท่าที่ดูเมนู ฉันสะดุดตาอยู่ 2เมนู แน่นอนมันคือ Ikura (ไข่แซลม่อน) นั่นเอง
ในรูปเหมือนจะเป็นซุปด้วย และอีกเมนูคือข้าวหน้าปลาแซลม่อน
ด้วยความหิวโซ จัดมาเลยค่ะ อย่างละ 1
และนี่คือทั้ง 2 ชามที่ฉันสั่งมา
ด้วยความหิวและเหนื่อย ชามนี้ก็หมดลงภายในพริบตาอีกเช่นกัน
ที่ Nikko เด่นในเรื่องฟองเต้าหู้สด หรือที่เรียกว่า Yuba เพราะทุกเมนูจะมีฟองเต้าหู้นุ่มๆเสิร์ฟมาข้างๆ
แม้แต่ข้าวหน้าปลาแซลม่อนก็มีด้วยค่ะ
พวกเรานั่งทานกันอย่างเพลิดเพลินจนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า
บ่ายสองแล้ว ในร้านอาหารที่อบอุ่นเหมือนจะมีแรงดึงดูดไม่ให้เราอยากก้าวออกไปต่อ
แต่หิมะด้านนอกที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆทำให้ฉันนึกถึงตอนติดพายุหิมะที่ Yufuin ที่ทำให้รถไฟวิ่งไม่ได้
สุดท้ายพวกเราจึงตัดสินใจเดินฝ่าลมและพายุหิมะกลับไปที่ป้ายรถบัสเพื่อกลับลงมาในเมือง
ตอนแรก แผนของพวกเราในวันนี้จะไปกันต่อที่สะพานแดง Shinkyo Bridge สัญญลักษณ์หนึ่งของ Nikko
แต่หน้าหนาวท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ ประมาณ 5โมงเย็นแสงก็ลับขอบฟ้าแล้ว
พวกเราเลยตัดสินใจยกโปรแกรมนี้ไปไว้พรุ่งนี้แทน
สำหรับวันนี้ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยโฉมหน้า(รองเท้า)ของพวกเราทั้ง 5 คน
แล้วพบกันต่อใน "ครั้งหนึ่งที่ Nikko (Part II) เร็วๆนี้นะคะ
¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤
สำหรับ Part I ต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
เป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่ตั้งใจทำมากจริงๆ พยายามเลือกรูปที่ดีที่สุดมาให้ทุกคนได้ดูกัน
และหวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับรูปที่เราเลือกมาอีกเช่นเคยนะคะ
แล้วฝากรอติดตาม Part II ด้วยนะคะ เร็วๆนี้แน่นอน
แล้วพบกันค่ะ <3
¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤ ~ ~ ¤