สวัสดีครับ ผมชื่อ บิ๊ก อายุย่าง 26 ปี พ่อตาย อากงตาย แม่หาเลี้ยง อาศัยอยู่กับแม่ และ อาม่า
[ผม26] พอเรียนจบ ผมก็ออกไปหางานทำ กำลังจะไปสมัครโรงงานแปรรูปสุกรแถวแปดริ้ว เนื่องจากฝึกงานที่นั่นมา แต่แล้วอาม่าก็มาเบรคคค บอกว่าไม่อยากให้ทำงานเกี่ยวกับการคร่าชีวิตสัตว์ใหญ่ ผมรักอาม่ามาก เลยยอมเชื่ออาม่า และกลับมาทำงานที่สหกรณ์โคนมแถวบ้าน พอทำได้ไม่นาน ผมก็ลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้านกับอาม่า และแม่ เพราะที่บ้านตอนนั้นไม่มีใคร
หลังจากกลับมาอยู่บ้าน ผมก็ช่วยแม่ขายของทุกวัน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน นานๆครั้งจะมีเพื่อนชวนไปเที่ยวบ้าง ปีละไม่เกิน1-2 ครั้ง อันที่จริง
ผมก็เป็นคนร่าเริงเหมือนๆเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ระยะหลังๆผมเริ่มชินกับการอยู่คนเดียว และเริ่มมีอาการหงุดหงิดง่าย โมโหทีนึงรุนแรงมาก ยิ่งตอนถูกว่าหรือ ถูกตำหนิ ผมจะรู้สึกน้อยใจมากๆ จนโวยวายออกมาเสียงดัง แล้วหนีขึ้นไปหลบอยู่บนห้องนอน พออารมณ์สงบ ผมก็มานั่งเสียใจว่าทำอะไรลงไป
ระยะนั้นมีกระแสข่าวเกี่ยวกับโรคไบโพล่า ผมตัดสินใจลองไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าผมเป็น "โรคซึมเศร้า"

เพราะใช้ชีวิตอยู่กับอะไรเดิมๆ และมองโลกในแง่ลบมากเกินไป หมอให้ยาปรับสารเคมีในสมอง และยากลุ่ม Alprazolam ผมมารับประทาน
ผมตัดสินใจว่าจะบอกคนที่บ้านดี หรือไม่บอกดี ในใจก็คิดว่า เอาว่ะลองบอกดู เผื่อว่าเวลาพูดคุย หรือตำหนิกัน เค้าจะได้เพลาๆลงบ้าง จากนั่นจึงรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าบ้าน ขณะนั้น มีอาของผม (น้องชายพ่อ) มาเยี่ยมอาม่ากำลังนั่งคุยกันอยู่ ผมเดินเข้าไปบอกทุกคน ว่าหมอบอกมาแบบนี้ แล้วชูซองยาให้ดูเป็นหลักฐาน ทุกคนในบ้านดูเหมือนจะยิ้มๆ และไม่ค่อยเชื่อ อาผมบอกว่าผมคิดไปเอง แล้วหยิบถุงยาผมโยนทิ้งถังขยะ หลังจากนั้น ผมแอบไปหาหมออีกครั้ง แล้วขอยามาใหม่ โดยไม่บอกที่บ้านอีกเลย
[อาม่า84] อาม่าของผม เริ่มมีอาการหลงลืม ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกปี อะไรที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ บางทีก็ลืม แต่เรื่องเงินเรื่องทองใครยืมไปเท่าไหร่ หรือวันสำคัญต่างๆ สาร์ทจีน ตรุษจีน เชงเม้ง จำได้หมด คอยเตือนลูกหลานให้ไหว้ตลอด อาม่าผมเป็นคนสมถะ กินผักบ้าง กินเจบ้าง อาม่ายังเหลือฟัน2ซี่ อาม่าเคยเป็นช่างเย็บผ้ามาก่อนสมัยสาวๆก่อนที่จะแต่งงาน ดวงตาของอาม่าสอยเข็มเย็บผ้าได้จนอายุ 80 ปัจจุบันอาม่าอายุ 84 ไม่ค่อยเย็บผ้าแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นปกติ
อาม่ามีเพื่อนคู่ใจเป็นสุนัขพันธุ์ชิวาวา ชื่อว่า หุ่นยนต์ หุ่นยนต์อยู่กับครอบครัวเรามา10กว่าปี พี่น้องท้องเดียวกันน่าจะตายหมดแล้ว อาม่ารักหุ่นยนต์มาก ไปไหนก็อุ้มไปด้วยตลอด

ตอนหุ่นยนต์ยังไม่ป่วย (แม่อุ้ม)
[ชิวาวา13]หุ่นยนต์ในวัย 13 ปี เดินไม่ได้แล้ว ได้แต่นอนเฉยๆลุกยืนก็ไม่ไหว แต่ยังหวงที่อยู่ คนไม่คุ้นเคยเข้าใกล้มันจะเห่าขู่เสียงดัง เหมือนหมายังหนุ่ม วันนึงหุ่นยนต์มีอาการคล้ายจะเป็นหวัด เหมือนมีน้ำมูกไหลออกมา และมันก็ชอบแลบลิ้นออกมาเลียปาก อาม่าคิดว่ามันหิวน้ำ เลยเอาน้ำให้มันกินทั้งวัน บางครั้งพึ่งให้มันกินน้ำไปแปปเดียว อาม่าก็พูดขึ้นมาว่า "เออะ หยิบถ้วยน้ำมาให้หุ่นยนต์กินหน่อย มะกี้ว่าจะให้มันกินแล้วลืม" ทั้งทีเราก็นั่งมองตอนอาม่าป้อนน้ำมันอยู่ตั้งนาน พอเราไปบอกว่าอาม่าให้แล้ว อาม่าก็จะเถียงเสียงแข็งมากว่ายังไม่ได้ให้ พอเราพยายามจะลำดับเหตุการณ์ให้อาม่าฟัง ต้องจบด้วยการเสียงดังใส่อาม่า แล้วทะเลาะกันทุกที
ตอนกลางคืน หุ่นยนต์เริ่มเห่าเรียกบ่อยขึ้น แล้วแลบลิ้นออกมาเหมือนจะหอบ ผมสงสัยว่ามันจะแน่นจมูกมาก จึงพาไปหาสัตวแพทย์ คุณหมอฟังเสียงเต้นของหัวใจหุ่นยนต์ พักนึงก็สรุปให้ฟังว่า อาการของหุ่นยนต์ชัดเจนมาก เพราะถ้าหัวใจเต้นแบบนี้ ในสุนัขวัยนี้ "หุ่นยนต์...ลิ้นหัวใจรั้วแน่นอนครับ" ผมก็ทำใจไว้บ้างแล้ว เพราะด้วยอายุของหุ่นยนต์ที่มากแล้ว แต่ก็ตกใจเหมือนกันเพราะคิดว่าเป็นแค่โรคหวัดธรรมดา หมอบอกต่อไปว่า ที่หุ่นยนต์อาการคล้ายหอบ แล้วแน่นจมูก เป็นเพราะ เมื่อลิ้นหัวใจรั้ว ทำให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่เต็มที่ เลือดที่เหลือจึงไหลย้อนกลับไปที่ปอด แล้วเปลี่ยนกลับเป็นน้ำ ทำให้มีภาวะน้ำท่วมปอด ที่แน่นจมูกเพราะน้ำที่ปอดไหลมาที่จมูก ถ้าปล่อยไว้ หุ่นยนต์อาจช็อคตายเพราะหายใจไม่ได้ ผมฟังแล้วอ๋อ...หลายอย่างเลย
ที่มันแลบลิ้นเลียปากทั้งวัน เพราะมันเลียน้ำที่ไหลออกมาจากจมูกนี่เอง ไม่ได้หิวน้ำอย่างที่อาม่าเข้าใจ ผมจึงถามหมอต่อไปว่า ในภาวะแบบนี้ถ้ามันกินน้ำมากๆ มันจะเป็นอะไรไหม หมอตอบว่า ถ้ามากเกินไปก็อันตรายได้เหมือนกัน เพราะเหมือนเราเพิ่มน้ำไปที่ระบบของมัน ทั้งที่มันก็มีน้ำเกินในอวัยวะอยู่แล้ว..


อันนี้ภาพหุ่นยนต์ปัจจุบันครับ
*****************************************มาต่อนะครับ******************************************
[ชิวาวา13 อาม่า84 ผม26] หลังจากที่พาหุ่นยนต์ไปหาหมอกลับมา หมอให้ยามาป้อนหุ่นยนต์หลายอย่างเลยครับ

พอกลับมาถึงบ้านผมอุ้มหุ่นยนต์มาส่งให้อาม่า อาม่ารีบถามอาการ ว่าหุ่นยนต์เป็นอะไร ผมก็ลังเลว่าถ้าบอกความจริงอาม่าไป อาม่าจะคิดมากเพราะสงสารหุ่นยนต์มั้ย เพราะปกติแล้ว อาม่าเป็นคนที่ชอบคิดมาก มากๆๆๆๆ กลางดึกผมเคยลงมาเดินดูอาม่า บางทีก็ยังไม่หลับ ผมถามว่าทำไมยังไม่นอน อาม่าบอกว่า "นอนคิดอยู่ว่าขนมเมื่อตอนกลางวันหายไปไหนห่อนึง"

(คิดในใจ:ก็อาม่าเอามาให้ผมกิน)
#ย้อนกลับมาที่ว่าจะบอกอาม่าดีมั้ย คิดดูอีกทีก็คิดว่าควรจะบอกอาม่า เผื่อให้อาม่าได้ทำใจไว้บ้าง เพราะหมอบอกว่าด้วยวัยของหุ่นยนต์แล้ว โรคนี้ทำได้เพียง รักษาไปตามอาการ พอกินยารักษาอวัยวะส่วนนึง อีกส่วนก็จะเริ่มเสื่อมลง ให้ทำใจไว้ได้แล้ว แต่พอเล่าอาการของหุ่นยนต์ให้อาม่าฟัง อาม่ากลับบอกว่าหุ่นยนต์มันแก่มาก แค่พาไปหาหมอก็ดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้มันตายไปเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ผิดคาดตรงที่อาม่ากลับกลายมาเป็นคนปลอบผมแทน
สถานการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนตกเย็นหลังจากที่ผมป้อนยาให้หุ่นยนต์บนตักอาม่า และอาม่าก็ป้อนน้ำตาม หุ่นยนต์กินน้ำเยอะมาก สักพักอาม่าก็พูดขึ้นมาว่า "กินน้ำเยอะๆจะได้หายหวัด หายคอแห้ง" ผมเลยหันไปบอกอาม่าว่า หุ่นยนต์ไม่ได้เป็นหวัดนะอาม่า หุ่นยนต์เป็นน้ำท่วมปอด กินน้ำเยอะไม่ดีพอแล้ว อาม่าก็บอกว่าอ่าวหรอ? ผมก็คิดอยู่แล้วว่าเดี๋ยวอาม่าก็ต้องลืม แต่ก็ปล่อยไปก่อนดีกว่า
ผ่านไป 10 นาที อาม่าพูดว่า "หุ่นยนต์มันเลียปากอีกแล้ว มันหิวน้ำ เมื่อกี้กินยาเสร็จก็ลืมให้มันกินน้ำ" ผมรีบลุกไปอธิบายให้อาม่าฟัง แล้วลำดับเหตุการณ์อีกครั้ง อาม่าก็เถียงว่า "ไม่นะ ยังไม่ได้ให้กิน" ผมเลยพูดออกไปเสียงดังอีกว่า "ให้แล้ว อาม่าเชื่อบ้างสิ อาม่าลืม แต่บิ๊กไม่ได้ลืมนะ อาม่าคิดว่าบิ๊กจะโกหกหรอ?" อาม่าก็เงียบ แล้วตอบว่า " ไม่ " สักพักผมก็เดินออกไปหน้าบ้านพร้อมกับความรู้สึกผิดมากที่เสียงดังใส่อาม่า พออารมณ์เย็นลง ผมก็เดินกลับเข้ามาแอบมองอาม่า เห็นอาม่าแอบเอาขวดน้ำดื่มของอาม่า เทน้ำใส่ฝา แล้วเอาไปจ่อที่ปากหุ่นยนต์ พอน้ำโดนปากหุ่นยนต์ มันก็เลียเพราะปากมันเปียก อาม่าเข้าใจว่าหุ่นยนต์มันหิวน้ำจริงๆ ก็บ่นพรึมพรำออกมาว่า "เห็นมั้ยมันหิวน้ำจริงๆ กินใหญ่เลย" จากนั้นผมสังเกตเห็นสีหน้าอาม่าแล้วรู้ว่าอาม่าโกรธ เสียใจ ที่เราเสียงดังใส่เมื่อกี้ พอสิ้นเสียงความคิดในหัว อาม่าก็วางหุ่นยนต์ลงบนโซฟา แล้วเดินเข้าห้องนอนไป ด้วยความที่อยู่กับอาม่ามานาน ผมรู้ทันทีเลยว่าอาม่าต้องเข้าไปร้องไห้ แล้วนอนคิดมากอีกแน่ๆ ตอนน้นผมเริ่มเครียด สับสนมาก เดินมานั่งบนโซฟาข้างหุ่นยนต์ แล้วน้ำตามันก็ไหล มือผมสั่นไปหมด ผมไม่รู้จะไประบายอารมณ์ใส่อะไร ผมหันไปมองหุ่นยนต์ แล้วตะหวาดใส่มันเสียงดังมากว่า "ไอหมาบ้า เพราะ**ตัวเดียว ทำให้คนเค้าทะเลาะกัน ตายๆไปเลยไป" มันเป็นประโยคที่ผมกระดากปากตัวเองมาก แต่ความรู้สึกมันเหมือนอยากที่จะประชดอะไรแรงๆ ให้มันรู้สึกแย่ ทำร้ายตัวเองเข้าไปอีก พอตะหวาดใส่มันเสร็จ หุ่นยนต์มันครางออกมา เหมือนเมื่อก่อนที่มันวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังตอนที่อยากให้เราอุ้ม จากนั้นมันก็พยายามดันขาตัวเองลุกยืน ผมตกใจมาก มันยืนมองหน้าผมได้ประมาณ4-5วินาที แล้วมันก็ล้มพับลงไปนอนคอตกแบบเดิม ผมไม่รู้มันจะสื่ออะไร แต่ผมรู้สึกแย่ และหดหู่มากๆ ในใจยังถามตัวเองว่าผมทำอะไรลงไป คืนนั้นเป็นคืนที่แย่มากๆ ผมนอนไม่หลับเลย
หลังจากคืนนั้น พอตื่นเช้ามา อาม่าก็มาคุยกับผมแบบเดิม ผมไม่รู้ว่าอาม่าจำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า ส่วนหุ่นยนต์ ก็ยังนอนคอตก และเป็นหมาที่เห่าเก่งอยู่เหมือนเดิม แค่ขาไม่มีแรงยืน และเดิน อาการอื่นๆ ก็ดีขึ้นเพราะมียาบรรเทา
ทุกอย่างดูเหมือนคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนมันแค่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหัวของผม แต่ผมรู้ดี...ว่ามันเกิดขึ้นจริง
หุ่นยนต์วันนี้ครับ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ
**********************************ภาพตอนพาหุ่นยนต์ขับรถเที่ยวครับ*******************************

********************************ขอจบด้วยภาพหุ่นยนต์เมื่อ10กว่าปีก่อนครับ**********************************



***เพิ่งสมัครสมาชิก***
***เพิ่งโพสครั้งแรก***
***หมอบอกโรคซึมเศร้าให้หาที่ระบาย อย่าเก็บเอาไว้***
***ขอบคุณที่รับฟังผมนะครับ

***
***ไม่รู้ว่าผิดกฎอะไรมั้ย***
ชิวาวา 13 อาม่า 84 และ ผม 26
[ผม26] พอเรียนจบ ผมก็ออกไปหางานทำ กำลังจะไปสมัครโรงงานแปรรูปสุกรแถวแปดริ้ว เนื่องจากฝึกงานที่นั่นมา แต่แล้วอาม่าก็มาเบรคคค บอกว่าไม่อยากให้ทำงานเกี่ยวกับการคร่าชีวิตสัตว์ใหญ่ ผมรักอาม่ามาก เลยยอมเชื่ออาม่า และกลับมาทำงานที่สหกรณ์โคนมแถวบ้าน พอทำได้ไม่นาน ผมก็ลาออกแล้วกลับมาอยู่บ้านกับอาม่า และแม่ เพราะที่บ้านตอนนั้นไม่มีใคร
หลังจากกลับมาอยู่บ้าน ผมก็ช่วยแม่ขายของทุกวัน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน นานๆครั้งจะมีเพื่อนชวนไปเที่ยวบ้าง ปีละไม่เกิน1-2 ครั้ง อันที่จริง
ผมก็เป็นคนร่าเริงเหมือนๆเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ระยะหลังๆผมเริ่มชินกับการอยู่คนเดียว และเริ่มมีอาการหงุดหงิดง่าย โมโหทีนึงรุนแรงมาก ยิ่งตอนถูกว่าหรือ ถูกตำหนิ ผมจะรู้สึกน้อยใจมากๆ จนโวยวายออกมาเสียงดัง แล้วหนีขึ้นไปหลบอยู่บนห้องนอน พออารมณ์สงบ ผมก็มานั่งเสียใจว่าทำอะไรลงไป
ระยะนั้นมีกระแสข่าวเกี่ยวกับโรคไบโพล่า ผมตัดสินใจลองไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าผมเป็น "โรคซึมเศร้า"
เพราะใช้ชีวิตอยู่กับอะไรเดิมๆ และมองโลกในแง่ลบมากเกินไป หมอให้ยาปรับสารเคมีในสมอง และยากลุ่ม Alprazolam ผมมารับประทาน
ผมตัดสินใจว่าจะบอกคนที่บ้านดี หรือไม่บอกดี ในใจก็คิดว่า เอาว่ะลองบอกดู เผื่อว่าเวลาพูดคุย หรือตำหนิกัน เค้าจะได้เพลาๆลงบ้าง จากนั่นจึงรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าบ้าน ขณะนั้น มีอาของผม (น้องชายพ่อ) มาเยี่ยมอาม่ากำลังนั่งคุยกันอยู่ ผมเดินเข้าไปบอกทุกคน ว่าหมอบอกมาแบบนี้ แล้วชูซองยาให้ดูเป็นหลักฐาน ทุกคนในบ้านดูเหมือนจะยิ้มๆ และไม่ค่อยเชื่อ อาผมบอกว่าผมคิดไปเอง แล้วหยิบถุงยาผมโยนทิ้งถังขยะ หลังจากนั้น ผมแอบไปหาหมออีกครั้ง แล้วขอยามาใหม่ โดยไม่บอกที่บ้านอีกเลย
[อาม่า84] อาม่าของผม เริ่มมีอาการหลงลืม ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกปี อะไรที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ บางทีก็ลืม แต่เรื่องเงินเรื่องทองใครยืมไปเท่าไหร่ หรือวันสำคัญต่างๆ สาร์ทจีน ตรุษจีน เชงเม้ง จำได้หมด คอยเตือนลูกหลานให้ไหว้ตลอด อาม่าผมเป็นคนสมถะ กินผักบ้าง กินเจบ้าง อาม่ายังเหลือฟัน2ซี่ อาม่าเคยเป็นช่างเย็บผ้ามาก่อนสมัยสาวๆก่อนที่จะแต่งงาน ดวงตาของอาม่าสอยเข็มเย็บผ้าได้จนอายุ 80 ปัจจุบันอาม่าอายุ 84 ไม่ค่อยเย็บผ้าแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นปกติ
อาม่ามีเพื่อนคู่ใจเป็นสุนัขพันธุ์ชิวาวา ชื่อว่า หุ่นยนต์ หุ่นยนต์อยู่กับครอบครัวเรามา10กว่าปี พี่น้องท้องเดียวกันน่าจะตายหมดแล้ว อาม่ารักหุ่นยนต์มาก ไปไหนก็อุ้มไปด้วยตลอด
[ชิวาวา13]หุ่นยนต์ในวัย 13 ปี เดินไม่ได้แล้ว ได้แต่นอนเฉยๆลุกยืนก็ไม่ไหว แต่ยังหวงที่อยู่ คนไม่คุ้นเคยเข้าใกล้มันจะเห่าขู่เสียงดัง เหมือนหมายังหนุ่ม วันนึงหุ่นยนต์มีอาการคล้ายจะเป็นหวัด เหมือนมีน้ำมูกไหลออกมา และมันก็ชอบแลบลิ้นออกมาเลียปาก อาม่าคิดว่ามันหิวน้ำ เลยเอาน้ำให้มันกินทั้งวัน บางครั้งพึ่งให้มันกินน้ำไปแปปเดียว อาม่าก็พูดขึ้นมาว่า "เออะ หยิบถ้วยน้ำมาให้หุ่นยนต์กินหน่อย มะกี้ว่าจะให้มันกินแล้วลืม" ทั้งทีเราก็นั่งมองตอนอาม่าป้อนน้ำมันอยู่ตั้งนาน พอเราไปบอกว่าอาม่าให้แล้ว อาม่าก็จะเถียงเสียงแข็งมากว่ายังไม่ได้ให้ พอเราพยายามจะลำดับเหตุการณ์ให้อาม่าฟัง ต้องจบด้วยการเสียงดังใส่อาม่า แล้วทะเลาะกันทุกที
ตอนกลางคืน หุ่นยนต์เริ่มเห่าเรียกบ่อยขึ้น แล้วแลบลิ้นออกมาเหมือนจะหอบ ผมสงสัยว่ามันจะแน่นจมูกมาก จึงพาไปหาสัตวแพทย์ คุณหมอฟังเสียงเต้นของหัวใจหุ่นยนต์ พักนึงก็สรุปให้ฟังว่า อาการของหุ่นยนต์ชัดเจนมาก เพราะถ้าหัวใจเต้นแบบนี้ ในสุนัขวัยนี้ "หุ่นยนต์...ลิ้นหัวใจรั้วแน่นอนครับ" ผมก็ทำใจไว้บ้างแล้ว เพราะด้วยอายุของหุ่นยนต์ที่มากแล้ว แต่ก็ตกใจเหมือนกันเพราะคิดว่าเป็นแค่โรคหวัดธรรมดา หมอบอกต่อไปว่า ที่หุ่นยนต์อาการคล้ายหอบ แล้วแน่นจมูก เป็นเพราะ เมื่อลิ้นหัวใจรั้ว ทำให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่เต็มที่ เลือดที่เหลือจึงไหลย้อนกลับไปที่ปอด แล้วเปลี่ยนกลับเป็นน้ำ ทำให้มีภาวะน้ำท่วมปอด ที่แน่นจมูกเพราะน้ำที่ปอดไหลมาที่จมูก ถ้าปล่อยไว้ หุ่นยนต์อาจช็อคตายเพราะหายใจไม่ได้ ผมฟังแล้วอ๋อ...หลายอย่างเลย
ที่มันแลบลิ้นเลียปากทั้งวัน เพราะมันเลียน้ำที่ไหลออกมาจากจมูกนี่เอง ไม่ได้หิวน้ำอย่างที่อาม่าเข้าใจ ผมจึงถามหมอต่อไปว่า ในภาวะแบบนี้ถ้ามันกินน้ำมากๆ มันจะเป็นอะไรไหม หมอตอบว่า ถ้ามากเกินไปก็อันตรายได้เหมือนกัน เพราะเหมือนเราเพิ่มน้ำไปที่ระบบของมัน ทั้งที่มันก็มีน้ำเกินในอวัยวะอยู่แล้ว..
*****************************************มาต่อนะครับ******************************************
[ชิวาวา13 อาม่า84 ผม26] หลังจากที่พาหุ่นยนต์ไปหาหมอกลับมา หมอให้ยามาป้อนหุ่นยนต์หลายอย่างเลยครับ
#ย้อนกลับมาที่ว่าจะบอกอาม่าดีมั้ย คิดดูอีกทีก็คิดว่าควรจะบอกอาม่า เผื่อให้อาม่าได้ทำใจไว้บ้าง เพราะหมอบอกว่าด้วยวัยของหุ่นยนต์แล้ว โรคนี้ทำได้เพียง รักษาไปตามอาการ พอกินยารักษาอวัยวะส่วนนึง อีกส่วนก็จะเริ่มเสื่อมลง ให้ทำใจไว้ได้แล้ว แต่พอเล่าอาการของหุ่นยนต์ให้อาม่าฟัง อาม่ากลับบอกว่าหุ่นยนต์มันแก่มาก แค่พาไปหาหมอก็ดีแล้ว ดีกว่าปล่อยให้มันตายไปเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ผิดคาดตรงที่อาม่ากลับกลายมาเป็นคนปลอบผมแทน
สถานการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนตกเย็นหลังจากที่ผมป้อนยาให้หุ่นยนต์บนตักอาม่า และอาม่าก็ป้อนน้ำตาม หุ่นยนต์กินน้ำเยอะมาก สักพักอาม่าก็พูดขึ้นมาว่า "กินน้ำเยอะๆจะได้หายหวัด หายคอแห้ง" ผมเลยหันไปบอกอาม่าว่า หุ่นยนต์ไม่ได้เป็นหวัดนะอาม่า หุ่นยนต์เป็นน้ำท่วมปอด กินน้ำเยอะไม่ดีพอแล้ว อาม่าก็บอกว่าอ่าวหรอ? ผมก็คิดอยู่แล้วว่าเดี๋ยวอาม่าก็ต้องลืม แต่ก็ปล่อยไปก่อนดีกว่า
ผ่านไป 10 นาที อาม่าพูดว่า "หุ่นยนต์มันเลียปากอีกแล้ว มันหิวน้ำ เมื่อกี้กินยาเสร็จก็ลืมให้มันกินน้ำ" ผมรีบลุกไปอธิบายให้อาม่าฟัง แล้วลำดับเหตุการณ์อีกครั้ง อาม่าก็เถียงว่า "ไม่นะ ยังไม่ได้ให้กิน" ผมเลยพูดออกไปเสียงดังอีกว่า "ให้แล้ว อาม่าเชื่อบ้างสิ อาม่าลืม แต่บิ๊กไม่ได้ลืมนะ อาม่าคิดว่าบิ๊กจะโกหกหรอ?" อาม่าก็เงียบ แล้วตอบว่า " ไม่ " สักพักผมก็เดินออกไปหน้าบ้านพร้อมกับความรู้สึกผิดมากที่เสียงดังใส่อาม่า พออารมณ์เย็นลง ผมก็เดินกลับเข้ามาแอบมองอาม่า เห็นอาม่าแอบเอาขวดน้ำดื่มของอาม่า เทน้ำใส่ฝา แล้วเอาไปจ่อที่ปากหุ่นยนต์ พอน้ำโดนปากหุ่นยนต์ มันก็เลียเพราะปากมันเปียก อาม่าเข้าใจว่าหุ่นยนต์มันหิวน้ำจริงๆ ก็บ่นพรึมพรำออกมาว่า "เห็นมั้ยมันหิวน้ำจริงๆ กินใหญ่เลย" จากนั้นผมสังเกตเห็นสีหน้าอาม่าแล้วรู้ว่าอาม่าโกรธ เสียใจ ที่เราเสียงดังใส่เมื่อกี้ พอสิ้นเสียงความคิดในหัว อาม่าก็วางหุ่นยนต์ลงบนโซฟา แล้วเดินเข้าห้องนอนไป ด้วยความที่อยู่กับอาม่ามานาน ผมรู้ทันทีเลยว่าอาม่าต้องเข้าไปร้องไห้ แล้วนอนคิดมากอีกแน่ๆ ตอนน้นผมเริ่มเครียด สับสนมาก เดินมานั่งบนโซฟาข้างหุ่นยนต์ แล้วน้ำตามันก็ไหล มือผมสั่นไปหมด ผมไม่รู้จะไประบายอารมณ์ใส่อะไร ผมหันไปมองหุ่นยนต์ แล้วตะหวาดใส่มันเสียงดังมากว่า "ไอหมาบ้า เพราะ**ตัวเดียว ทำให้คนเค้าทะเลาะกัน ตายๆไปเลยไป" มันเป็นประโยคที่ผมกระดากปากตัวเองมาก แต่ความรู้สึกมันเหมือนอยากที่จะประชดอะไรแรงๆ ให้มันรู้สึกแย่ ทำร้ายตัวเองเข้าไปอีก พอตะหวาดใส่มันเสร็จ หุ่นยนต์มันครางออกมา เหมือนเมื่อก่อนที่มันวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลังตอนที่อยากให้เราอุ้ม จากนั้นมันก็พยายามดันขาตัวเองลุกยืน ผมตกใจมาก มันยืนมองหน้าผมได้ประมาณ4-5วินาที แล้วมันก็ล้มพับลงไปนอนคอตกแบบเดิม ผมไม่รู้มันจะสื่ออะไร แต่ผมรู้สึกแย่ และหดหู่มากๆ ในใจยังถามตัวเองว่าผมทำอะไรลงไป คืนนั้นเป็นคืนที่แย่มากๆ ผมนอนไม่หลับเลย
หลังจากคืนนั้น พอตื่นเช้ามา อาม่าก็มาคุยกับผมแบบเดิม ผมไม่รู้ว่าอาม่าจำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า ส่วนหุ่นยนต์ ก็ยังนอนคอตก และเป็นหมาที่เห่าเก่งอยู่เหมือนเดิม แค่ขาไม่มีแรงยืน และเดิน อาการอื่นๆ ก็ดีขึ้นเพราะมียาบรรเทา
ทุกอย่างดูเหมือนคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เหมือนมันแค่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในหัวของผม แต่ผมรู้ดี...ว่ามันเกิดขึ้นจริง
หุ่นยนต์วันนี้ครับ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ
**********************************ภาพตอนพาหุ่นยนต์ขับรถเที่ยวครับ*******************************
********************************ขอจบด้วยภาพหุ่นยนต์เมื่อ10กว่าปีก่อนครับ**********************************
***เพิ่งสมัครสมาชิก***
***เพิ่งโพสครั้งแรก***
***หมอบอกโรคซึมเศร้าให้หาที่ระบาย อย่าเก็บเอาไว้***
***ขอบคุณที่รับฟังผมนะครับ
***ไม่รู้ว่าผิดกฎอะไรมั้ย***