เตรียมรับมือกับ ยุคขิงทองครองเมือง

วันก่อนอ่านข่าวปัญหาสังคมผู้สูงวัยของเกาหลีใต้หลายร้อยคนที่ออกมายืนขายบริการริมถนน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ที่ต้องออกมายืนหาลูกค้าตามท้องถนนเพื่อขายบริการทางเพศหาเงินมาเลี้ยงปากท้องและจ่ายค่ายารักษาโรคเพื่อดูแลตัวเอง เพราะปัญหาความยากจนและขาดลูกหลานคอยดูแลยามแก่ชรา



จะว่าไปปัญหาสังคมผู้สูงอายุไม่ได้มีแค่เฉพาะเกาหลีใต้ที่กำลังเผชิญอยู่เท่านั้น  ญี่ปุ่นเองก็เผชิญปัญหาสังคมผู้สูงอายุมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอยู่เช่นกันโดยมีการคาดประมาณเอาไว้ว่า ภายในปีพ.ศ. 2563 (อีกเพียง 3 ปีเท่านั้นจากนี้)ประเทศญี่ปุ่นจะมีประชากรสูงวัยถึง 29% สาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เป็นเพราะมีอัตราเด็กเกิดใหม่ที่ต่ำติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่ประชาชนของประเทศมีอายุที่ยืนยาว



สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว แต่เราก็ต้องเตรียมการรับมืออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยสถิติเมื่อปี 2557 พบว่ามีผู้สูงอายุกว่า 9.9 ล้านคนจากประชากร 65 ล้านคนหรือคิดเป็น 15% ของประชากรทั้งหมดซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าในปี พศ.2564 จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านคน


สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมในการรับมือกับการเป็นผู้สูงวัยในอนาคตคงไม่พ้นเรื่องของ "อาหาร" และ "การออกกำลังกาย"ที่เมื่ออายุมากขึ้น ก็ต้องเลือกกินมากขึ้น ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อหลีกเลี่ยง โรคภัยไข้เจ็บ และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่จะตามมาแบบคาดเดาไม่ได้  


นอกจากนี้การเตรียมการของภาครัฐเพื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยก็ควรเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆโดยภาครัฐเองก็ต้องเป็นตัวหลักสำคัญในการผลักดันตั้งแต่ด้านนโยบายเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ การสนับสนุนเบี้ยยังชีพ การยืดระยะเวลาเกษียณอายุ การลดค่าบริการรถโดยสารสาธารณะแก่ผู้สูงอายุ  การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถมีชีวิตที่กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยความสะดวก

  

สิ่งสำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือ ต้องมาเริ่มดูแลตนเองกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อในอนาคตจะเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพที่แข็งแรง มีอายุยืนยาว และอยู่กับลูกหลานไปนานๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่