การไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชกุฏจันทบุรี
ปีนี้เป็นปีที่สี่ที่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชกุฏจันทบุรี ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
สิ่งแรกคือ ดอกดาวเรือง ที่ไม่ให้นำขึ้นไปถวายบนรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา
สิ่งนี้อาจจะทำให้กระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกดาวเรืองก็ได้ทำให้ยอดการใช้ดอกดาวเรืองลดลง
สิ่งที่เกษตรกรลงทุนไปแล้ว อาจจะสูญเปล่าได้ เกษตรกรต้องปรับตัว
สิ่งที่สองที่เห็น คือเรื่องของเงิน
สามปีก่อนหน้า ด่านของกรมป่าไม้ ที่ดูแลอุทานแห่งชาติ เขาคิชกุฏไมได้เก็บค่าเข้า แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เก็บค่าเข้า
เก็บค่าเข้าที่หน้าด่าน (หลังจากขึ้นรถหรือเดินทางขึ้นเขา) ทำให้เกิดความล่าช้าหน้าด่านขึ้น
คำถามที่น่าจะตามมา คือ ในเมื่อกรมป่าไม้เก็บเงินค่าเข้าอุทานแห่งชาตินี้แล้วไซร้ เงินที่เก็บเอาไปทำอะไร
เงินไม่เข้าใครออกใคร ในเมื่อเก็บแล้ว ปีหน้าต้องมีอะไรที่พัฒนาขึ้นด้วย ประชาชนอย่างเห็นการพัฒนา
สิ่งที่สามคือ คิวรถที่ขึ้นเข้า
ตั้งแต่ปีที่แล้ว (2559) จากเดิมคิวรถที่ขึ้นเขานั้น ขึ้นที่วัดพลวงเท่านั้น เริ่มแตกเป็นคิววัดกระทิงและคิวที่ว่าการอำเภอคิชกุฏ โดยคิวของวัดกระทิงและที่ว่าการอำเภอ จ่าย100 บาทไม่ต้องลงต่อรถ ปีนี้ทำให้คิววัดพลวงเก็บ100 บาทแล้วขึ้นถึงที่เลย แยกคิวทำให้เกิดอาการของประชาชนตกค้างบนยอดเขาและข้างล่างเกิดขึ้น
เกิดความสับสนของประชาชน แต่ทว่าให้เป็นคิวเดียวที่อำเภอ ก็ทำให้วัดไม่มีประชาชนเข้าไปกราบไหว้ ไม่ก่อให้เกิดการทำบุญในวัด นั้นเอง งานนี้ต้องดูกันต่อไปว่า จะเป็นเช่นไรในปีหน้า
สิ่งที่สี่ คือ ไม่มีของรับประทานบนเขาคิชกุฏ งานนี้จัดเตรียมไปเองตั้งแต่ข้างล่าง
แต่อย่างไรเสีย ราคาอาหารไม่มีหน่วยงานที่ควบคุมราคา ว่าจะเป็น 40 บาท หรือ 50 บาท
ราคาน้ำเกลือแร่ ขวดละ 10 บาทกลายเป็น 20 บาท ยาดมจากราคา 12 บาทเป็น 20 บาท (อ้าวเป็นแบบนี้เลย)
แพงไปไหม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรให้เป็นมาตรฐานหน่อย
ยิ่งราคาหวยรัฐบาล (ลอตเตอรี่) ราคา 80 บาทตามมาตรฐานของรัฐบาล ขายกันที่ราคา 90-100 บาทต่อใบ
เปิดทางให้ขายมากกว่าราคาที่กำหนดได้
เรื่องสุดท้าย คือ
การอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ มีเต้นท์ ปฐมพยาบาล แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่
บริเวณทางไปผ้าแดง ซึ่งบริเวณทางเดินหน้าที่ลานพระบาทบนเขาไป ผ้าแดงนั้น เป็นทางเดินที่ยังไม่ค่อยสะดวกสบาย เดินไปอาจจะลื่นได้ เพราะเป็นทางเดินดูธรรมชาติ ยังไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร
เมื่อประชาชนเดินไปได้ ก็ต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ควรประจำจุด ด้วยก็ดี
ทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่พบเจอะเจอมาในปี 2560 ในการนมัสการรอยพระพทุธบาทบนเขาคิชกุฏ จันทบุรี
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในการมนัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชกุฏ
ปีนี้เป็นปีที่สี่ที่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชกุฏจันทบุรี ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
สิ่งแรกคือ ดอกดาวเรือง ที่ไม่ให้นำขึ้นไปถวายบนรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา
สิ่งนี้อาจจะทำให้กระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกดาวเรืองก็ได้ทำให้ยอดการใช้ดอกดาวเรืองลดลง
สิ่งที่เกษตรกรลงทุนไปแล้ว อาจจะสูญเปล่าได้ เกษตรกรต้องปรับตัว
สิ่งที่สองที่เห็น คือเรื่องของเงิน
สามปีก่อนหน้า ด่านของกรมป่าไม้ ที่ดูแลอุทานแห่งชาติ เขาคิชกุฏไมได้เก็บค่าเข้า แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เก็บค่าเข้า
เก็บค่าเข้าที่หน้าด่าน (หลังจากขึ้นรถหรือเดินทางขึ้นเขา) ทำให้เกิดความล่าช้าหน้าด่านขึ้น
คำถามที่น่าจะตามมา คือ ในเมื่อกรมป่าไม้เก็บเงินค่าเข้าอุทานแห่งชาตินี้แล้วไซร้ เงินที่เก็บเอาไปทำอะไร
เงินไม่เข้าใครออกใคร ในเมื่อเก็บแล้ว ปีหน้าต้องมีอะไรที่พัฒนาขึ้นด้วย ประชาชนอย่างเห็นการพัฒนา
สิ่งที่สามคือ คิวรถที่ขึ้นเข้า
ตั้งแต่ปีที่แล้ว (2559) จากเดิมคิวรถที่ขึ้นเขานั้น ขึ้นที่วัดพลวงเท่านั้น เริ่มแตกเป็นคิววัดกระทิงและคิวที่ว่าการอำเภอคิชกุฏ โดยคิวของวัดกระทิงและที่ว่าการอำเภอ จ่าย100 บาทไม่ต้องลงต่อรถ ปีนี้ทำให้คิววัดพลวงเก็บ100 บาทแล้วขึ้นถึงที่เลย แยกคิวทำให้เกิดอาการของประชาชนตกค้างบนยอดเขาและข้างล่างเกิดขึ้น
เกิดความสับสนของประชาชน แต่ทว่าให้เป็นคิวเดียวที่อำเภอ ก็ทำให้วัดไม่มีประชาชนเข้าไปกราบไหว้ ไม่ก่อให้เกิดการทำบุญในวัด นั้นเอง งานนี้ต้องดูกันต่อไปว่า จะเป็นเช่นไรในปีหน้า
สิ่งที่สี่ คือ ไม่มีของรับประทานบนเขาคิชกุฏ งานนี้จัดเตรียมไปเองตั้งแต่ข้างล่าง
แต่อย่างไรเสีย ราคาอาหารไม่มีหน่วยงานที่ควบคุมราคา ว่าจะเป็น 40 บาท หรือ 50 บาท
ราคาน้ำเกลือแร่ ขวดละ 10 บาทกลายเป็น 20 บาท ยาดมจากราคา 12 บาทเป็น 20 บาท (อ้าวเป็นแบบนี้เลย)
แพงไปไหม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรให้เป็นมาตรฐานหน่อย
ยิ่งราคาหวยรัฐบาล (ลอตเตอรี่) ราคา 80 บาทตามมาตรฐานของรัฐบาล ขายกันที่ราคา 90-100 บาทต่อใบ
เปิดทางให้ขายมากกว่าราคาที่กำหนดได้
เรื่องสุดท้าย คือ
การอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ มีเต้นท์ ปฐมพยาบาล แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่
บริเวณทางไปผ้าแดง ซึ่งบริเวณทางเดินหน้าที่ลานพระบาทบนเขาไป ผ้าแดงนั้น เป็นทางเดินที่ยังไม่ค่อยสะดวกสบาย เดินไปอาจจะลื่นได้ เพราะเป็นทางเดินดูธรรมชาติ ยังไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร
เมื่อประชาชนเดินไปได้ ก็ต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ควรประจำจุด ด้วยก็ดี
ทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่พบเจอะเจอมาในปี 2560 ในการนมัสการรอยพระพทุธบาทบนเขาคิชกุฏ จันทบุรี