อธิบายว่าพระภิกษุเหล่านี้เป็นสมณในลัทธิเดิมมาก่อนเช่นชฏิลดาบสซึ่งมีธรรมเนียมทั่วไปทุกลัทธิต้องกลับไปหาอาจารย์ของตนในวันเพ็ญเดือนนี้จึงทำตามธรรมเนียมเดิมในปีแรกที่เป็นภิกษุสงฆ์
การมาหาอาจารย์เจ้าลัทธินักบวชในอินเดียไม่ได้เป็นการนัดกันแต่เป็นการทำตามกันมาเป็นธรรมเนียมทั่วไปถ้าทำได้เหมือนกลับบ้านวันสงกรานต์ กรณีวันมาฆ ภิกษุรุ่นแรกในปีแรกพุทธกาลก็แปรลัทธิมาเป็นสาวกของพระพุทธ ในปีแรกก่อนวันมาฆ พระพุทธเจ้ายังไม่ได้กำหนดสิกขาบทมากนัก ภิกษุก็ปฏิบัติอย่างนักบวชลัทธิอื่นตามที่นิยมกัน
เรื่องข้อเท็จจริงในพระไตรปิฎกคือแต่เดิมภิกษุกล่มใหญ่คือพวกดาบสเดิมอยู่รวมกันเป็นพันที่หันมานับถือพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นวรรณะกษัตริย์เป็นอาจารย์ในปีแรกของพุทธกาล
ในปีแรกแรกของพุทธกาลภิกษุยังปฏิบัติตนเหมือนกับสมณชฏิลดาบสในลัทธิเดิม เมื่อมาชุมกันพระพุทธเจ้าจึงให้โอวาทเป็นเหมือนนโยบายใหม่
นโยบายใหม่ก็คือเลิกทำตามแบบเก่าแล้วเริ่มกำหนดสิกขาบทของศาสนาใหม่ขึ้นมา
หลายอย่างเป็นสิกขาบทคล้ายกันเช่นการหยุดเดินทางในฤดูฝน เป็นการเข้าพรรษาของภิกษุ
เรื่องแบบการกลับมาหาอาจารย์ในวันมาฆ ทุกวันนี้พวกนักบวชในอินเดียก็ยังทำกัน
พระพุทธเจ้าออกบวชเป็นชฎิลดาบสก็คิดจะกลับไปหาชฎิลดาบสอาจารย์ของตัวเอง
สบงจีวรสังฆาฏิ ก็คือผ้าย้อมฝาดจากไม้ผ้า บังสุกุลเก็บจากผ้าเก่าผ้าห่อศพในป่าช้า ซึ่งพวกชฏิลดาบสใช้ผ้าแบบนี้มาก่อน ก็ถือปฏิบัติเหมือนกันมาก่อน
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันพวกนักบวชหลายลัทธิในอินเดียก็ใช้ผ้าเหลืองย้อมฝาดเหมือนกัน
การขออาหารบิณฑบาตรก็เป็นการปฏิบัติเหมือนกันในนักบวชลัทธิอื่น
สมัยหลังจากพวกกษัตริย์กับพวกชนชั้นสูงนับถือพุทธมีการถวายที่จำนวนมากเป็นวัด กล่าวในพระไตรปิฎกว่าบางสมัยมีภิกษุอยู่วัดเป็นพันกับพระพุทธเจ้า และมีภิกษุเดินทางมาเป็นหมู่คณะ
สาเหตุที่ธรรมคำสอนของศาสนามีหลักการเหตุผลเพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีการศึกษาดีเหนือกว่าชฏิลดาบสลัทธิอื่น
เพราะภิกษุพวกนั้นทั้งพันแปรลัทธิจากชฏิลดาบสและอยู่กันเป็นคณะใหญ่ตั้งแต่เป็นชฎิลดาบสสามพี่น้อง คือพวกอุรุเวลดาบส คยากัสปดาบส นทีกัสปดาบส แต่ละดาบสมีบริวารดาบสเป็นร้อย รวมกันก็เป็นพัน
สาเหตุที่ศาสนาพุทธแพร่หลายได้รับการนับถือเพราะพระพุทธเจ้าเปืนวรรณะกษัตริย์จึงได้รับการยอมรับจากกษัตริย์ทุกแคว้นว่าเหนือกว่าเจ้าลัทธิที่เป็นพรามห์
ดังนั้นศาสนาพุทธแต่เดิมก็เกี่ยวข้องกับการเมืองของพวกกษัตริย์ในยุคนั้น
ศาสนาพุทธเปืนศาสนาที่ตั้งโดยศาสดาที่มาจากวรรณะกษัตริย์ การปกครองภิกษุจำนวนมากขึ้นจึงมีการกำหนดสิกขาบทเหมือนกฏหมาย มีอาบัติหนักเบา ในพระไตรปิฎกสมัยพุทธกาลมีการตั้งคณะสงฆ์กรรมการสอบสวนภิกษุอธักรณ์กระทำผิดเหมือนระบบการสอบสวนทางกฎหมายกระบวนการยุติธรรม
สรุปคือศาสนาเป็นสิ่งที่จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่โปรดสังเกตว่าทุกชาติทุกยุคสมัย ผู้ปกครองจะต้องใช้ศาสนาพระเจ้าหรือความเชื่อในลัทธิเช่นคอมมิวนิสต์เป็นพื้นฐานความชอบธรรมกับกฏหมายบังคับในการปกครอง หากไม่ปฏิบัติจะมีการบังคับลงโทษ
ศาสนาทุกศาสนาต้องได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองสนับสนุน ศาสนาจึงตั้งอยู่ได้ หากไม่ได้รับการยอมรับ ก็จะถูกปราบเช่นพระเยซูถูกจับตรึงกางเขนเพราะไปขัดกับนโยบายผู้ปกครอง ที่ไม่เชื่อศรัทธา
หรือการเปลี่ยนศาสนาของผู้ปกครองทำให้เกิดผลกับประชาชนต้องเปลี่ยนด้วย เช่นในอาณาจักรดินแดนแหลมมลายู อินโด
ส่วนเรื่องเดินเจ็ดก้าวอธิบายว่ามีคนแต่งเพิ่มไม่มีในพระไตรปิฎกเลย
credit facebook ว่าที่พันตรีกัณฑสิทธิ์
สาเหตุที่พระสงฆ์มาประชุมกันในวันมาฆะบูชา
การมาหาอาจารย์เจ้าลัทธินักบวชในอินเดียไม่ได้เป็นการนัดกันแต่เป็นการทำตามกันมาเป็นธรรมเนียมทั่วไปถ้าทำได้เหมือนกลับบ้านวันสงกรานต์ กรณีวันมาฆ ภิกษุรุ่นแรกในปีแรกพุทธกาลก็แปรลัทธิมาเป็นสาวกของพระพุทธ ในปีแรกก่อนวันมาฆ พระพุทธเจ้ายังไม่ได้กำหนดสิกขาบทมากนัก ภิกษุก็ปฏิบัติอย่างนักบวชลัทธิอื่นตามที่นิยมกัน
เรื่องข้อเท็จจริงในพระไตรปิฎกคือแต่เดิมภิกษุกล่มใหญ่คือพวกดาบสเดิมอยู่รวมกันเป็นพันที่หันมานับถือพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นวรรณะกษัตริย์เป็นอาจารย์ในปีแรกของพุทธกาล
ในปีแรกแรกของพุทธกาลภิกษุยังปฏิบัติตนเหมือนกับสมณชฏิลดาบสในลัทธิเดิม เมื่อมาชุมกันพระพุทธเจ้าจึงให้โอวาทเป็นเหมือนนโยบายใหม่
นโยบายใหม่ก็คือเลิกทำตามแบบเก่าแล้วเริ่มกำหนดสิกขาบทของศาสนาใหม่ขึ้นมา
หลายอย่างเป็นสิกขาบทคล้ายกันเช่นการหยุดเดินทางในฤดูฝน เป็นการเข้าพรรษาของภิกษุ
เรื่องแบบการกลับมาหาอาจารย์ในวันมาฆ ทุกวันนี้พวกนักบวชในอินเดียก็ยังทำกัน
พระพุทธเจ้าออกบวชเป็นชฎิลดาบสก็คิดจะกลับไปหาชฎิลดาบสอาจารย์ของตัวเอง
สบงจีวรสังฆาฏิ ก็คือผ้าย้อมฝาดจากไม้ผ้า บังสุกุลเก็บจากผ้าเก่าผ้าห่อศพในป่าช้า ซึ่งพวกชฏิลดาบสใช้ผ้าแบบนี้มาก่อน ก็ถือปฏิบัติเหมือนกันมาก่อน
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันพวกนักบวชหลายลัทธิในอินเดียก็ใช้ผ้าเหลืองย้อมฝาดเหมือนกัน
การขออาหารบิณฑบาตรก็เป็นการปฏิบัติเหมือนกันในนักบวชลัทธิอื่น
สมัยหลังจากพวกกษัตริย์กับพวกชนชั้นสูงนับถือพุทธมีการถวายที่จำนวนมากเป็นวัด กล่าวในพระไตรปิฎกว่าบางสมัยมีภิกษุอยู่วัดเป็นพันกับพระพุทธเจ้า และมีภิกษุเดินทางมาเป็นหมู่คณะ
สาเหตุที่ธรรมคำสอนของศาสนามีหลักการเหตุผลเพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีการศึกษาดีเหนือกว่าชฏิลดาบสลัทธิอื่น
เพราะภิกษุพวกนั้นทั้งพันแปรลัทธิจากชฏิลดาบสและอยู่กันเป็นคณะใหญ่ตั้งแต่เป็นชฎิลดาบสสามพี่น้อง คือพวกอุรุเวลดาบส คยากัสปดาบส นทีกัสปดาบส แต่ละดาบสมีบริวารดาบสเป็นร้อย รวมกันก็เป็นพัน
สาเหตุที่ศาสนาพุทธแพร่หลายได้รับการนับถือเพราะพระพุทธเจ้าเปืนวรรณะกษัตริย์จึงได้รับการยอมรับจากกษัตริย์ทุกแคว้นว่าเหนือกว่าเจ้าลัทธิที่เป็นพรามห์
ดังนั้นศาสนาพุทธแต่เดิมก็เกี่ยวข้องกับการเมืองของพวกกษัตริย์ในยุคนั้น
ศาสนาพุทธเปืนศาสนาที่ตั้งโดยศาสดาที่มาจากวรรณะกษัตริย์ การปกครองภิกษุจำนวนมากขึ้นจึงมีการกำหนดสิกขาบทเหมือนกฏหมาย มีอาบัติหนักเบา ในพระไตรปิฎกสมัยพุทธกาลมีการตั้งคณะสงฆ์กรรมการสอบสวนภิกษุอธักรณ์กระทำผิดเหมือนระบบการสอบสวนทางกฎหมายกระบวนการยุติธรรม
สรุปคือศาสนาเป็นสิ่งที่จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่โปรดสังเกตว่าทุกชาติทุกยุคสมัย ผู้ปกครองจะต้องใช้ศาสนาพระเจ้าหรือความเชื่อในลัทธิเช่นคอมมิวนิสต์เป็นพื้นฐานความชอบธรรมกับกฏหมายบังคับในการปกครอง หากไม่ปฏิบัติจะมีการบังคับลงโทษ
ศาสนาทุกศาสนาต้องได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองสนับสนุน ศาสนาจึงตั้งอยู่ได้ หากไม่ได้รับการยอมรับ ก็จะถูกปราบเช่นพระเยซูถูกจับตรึงกางเขนเพราะไปขัดกับนโยบายผู้ปกครอง ที่ไม่เชื่อศรัทธา
หรือการเปลี่ยนศาสนาของผู้ปกครองทำให้เกิดผลกับประชาชนต้องเปลี่ยนด้วย เช่นในอาณาจักรดินแดนแหลมมลายู อินโด
ส่วนเรื่องเดินเจ็ดก้าวอธิบายว่ามีคนแต่งเพิ่มไม่มีในพระไตรปิฎกเลย
credit facebook ว่าที่พันตรีกัณฑสิทธิ์