ถ้าความฝันอันสูงสุดของคุณ ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ คุณยังจะเดินหน้าต่อหรือหยุด

ตอนนี้เราอยู่ในภาวะที่กดดันมาก จะกลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เรามีความฝันอันยิ่งใหญ่ค่ะ นั่นคือการได้ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ทำธุรกิจ และ/หรือ ทำงาน อย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ไม่ใช่แค่ไปเที่ยว 1-3 เดือนแล้วกลับนะคะ) ความฝันนี้มาจากช่วงที่เราเรียนอยู่ต่างประเทศ 5 ปี พอต้องกลับไทย มันใจสลาย แล้วก็คิดมาตลอดว่า จะต้องกลับไปใหม่ให้ได้ พอถึงเวลานี้ทำสำเร็จแล้ว สามารถกลับไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีเงินเก็บเยอะพอสมควร

ปัญหาคือพ่อแม่ไม่เห็นด้วย ยื้อยุดฉุดรั้งตลอด เพราะอยากให้เราดูแลกิจการที่บ้าน ที่ทำให้เราเจ็บปวดที่สุดคือ แม่ร้องไห้และบอกว่าอย่าไปเลยลูก เสนอเงินให้ 1 ก้อน เพื่อให้เราอยู่ เราเหนื่อยมากเพราะพูดกับแม่หลายรอบแล้วว่า มันไม่ใช่เรื่องเงิน เราอยากทำตามความฝันของเรา ถ้ามีโอกาสแล้วเราทิ้งมันไป เราจะต้องเสียใจจนวันตาย แฟนบอกว่า เราควรทิ้งความฝันซะ แล้วอยู่เพื่อให้พ่อแม่มีความสุข

ตลอดเวลา 7-8 เดือนที่ผ่านมานี้ เรารู้สึกสับสน และทุกข์มาก เลยอยากถามเพื่อนว่า ถ้าเพื่อนๆ อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จะยอมทิ้งความฝันเพื่อให้แม่สบายใจ หรือจะเดินหน้าต่อ ไปต่างประเทศ เพราะมันคือความฝันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

ขอบคุณมากค่ะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ชีวิตเราเป็นของเราครับ พูดตรงๆคือสักวันพ่อแม่เราก็ต้องจากเราไป เลือกตัวเองก่อนพ่อแม่ครับ
ความคิดเห็นที่ 15
พ่อแม่ บางคนคิดว่าการรักลูกคือ การผูกติดลูกไว้กับตัวตลอดเวลา ลงทุนให้ลูกเรียนหนังสือจนจบ เพื่อให้ลูกกลับมาเลี้ยงตอนแก่ เมื่อลูกไม่อยู่ด้วยก็จะถูกตราหน้าว่าอกตัญญู ใช้ความเศร้าโศกเสียใจเพื่อฉุดรั้งลูกไว้ แล้วลูกก็จะหาทางออกไม่ได้ อย่าง จขกท เป็นต้น สรุปนะ ถ้าเป็นเรา เราจะให้ลูกไปทำตามความฝัน ลูกไปอยู่ตรงไหนเราจะบินไปเยี่ยม แม้ว่าการห่างจากลูกมันจะทำให้เหงา แต่! ความสุขของลูกสำคัญกว่า พ่อแม่ของคุณ อาจจะมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้นไหม ที่ไม่อยากให้คุณไป ลองหันหน้าคุยกันอีกรอบ ด้วยความรู้สึกที่แท้จริง ขอให้ จขกท.โชคดีในการตัดสินใจนะคะ              ปล.ที่เราพูดอย่างนี้ได้เพราะเราเป็นแม่คน ซึ่งเราก็อยากให้ลูกของเรามีความสุขในการใช้ชีวิตเช่นกัน
ความคิดเห็นที่ 19
ทุกคนในทีนี้ให้คำปรึกษา จขกท ได้
แต่มันไม่ได้ถูกต้องตามสถานการณ์จริงของ จขกท 100%

เราคิดว่า จขกท ควรพิจารณาบริบทและอะไรหลายๆอย่างจากครอบครัวของตัวเอง เช่น
- สุขภาพของพ่อแม่ (ผู้ใหญ่บางคนสุขภาพไม่ดี คิดว่าตัวเองอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เลยอยากใช้เวลากับลูก)
- จขกท มีพี่น้องไหมที่คอยช่วยให้ท่านคลายเหงาหรือช่วยดูแล (บางคนยอมให้ลูกไป บอกไม่เป็นไร แต่ซึมไปเลยก็มี)
- ประเทศที่จะไปไกลมากไหม > สามารถกลับมาได้กี่ครั้งต่อปี

และมีอีกหลายๆอย่างที่ต้องนำมาพิจารณา
ถ้าพิจารณาแล้ว มองว่ายังไม่ถึงเวลา ก็อาจจะอยู่ไทยไปก่อน และใช้เวลาพิสูจน์ให้พ่อแม่มั่นใจ
(เราไม่ได้มองว่า พ่อแม่คิดจะสกัดกั้นอนาคต จขกท เลยนะ
เพราะ จขกท เองก็บอกว่า ท่านก็เสนอทุนให้ แลดูพร้อมที่จะสนับสนุน แค่ท่านไม่อยากให้ไปไกล อาจจะห่วง เหงา กังวล อะไรสักอย่างแหละค่ะ
เพื่อนเราหลายคนเลยที่มาเรียนไกลบ้าน พ่อแม่ก็ยอมเพราะอยากให้ลูกเก่ง
แต่เวลาจะทำงานพ่อแม่ก็อยากให้กลับไปอยู่ใกล้ๆเพราะเหงาหรือห่วงก็มี )

ถ้าพิจารณาแล้วว่ามันไม่ได้กระทบปัญหาอะไรมาก
ก็ลองคุยกับท่านดู ว่าจะกลับกี่ครั้งต่อปีที่จะทำให้ท่านสบายใจ
จะโทร จะสไกป์ จะเฟสไทม์กันตอนไหน อาทิตย์ละกี่วัน อะไรยังไงก็ว่าไป

ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน
นิสัย ความรู้สึก แนวคิด การใช้ชีวิตของพ่อแม่ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ลองพิจารณาและหาแนวทางที่จะโอเคกันทุกฝ่ายดูนะคะ สู้ๆ ^^

ปล. เราเองคิดว่า ถ้าสมมุติเรามีลูก เราคงให้ลูกใช้ชีวิตตามที่ใจเขาต้องการ
แต่เราก็ไม่มั่นใจหรอกว่า ถ้ามีลูกเอง เลี้ยงเอง ดูแลเองขึ้นมาจริงๆ
สถานการณ์และอะไรหลายๆอย่างในวันข้างหน้าจะทำให้เราอยากให้ลูกอยู่ใกล้ๆเราหรือเปล่า
ความคิดเห็นที่ 4
ดิฉันก็มีลูกนะคะ แต่ไม่เห็นด้วยกับพ่อแม่ของคุณเลย

พ่อแม่อยู่อีกไม่นานก็ตายทำไมถึงเห็นแกตัวจะให้ลูกทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อพวกเค้า

ต่างคนต่างความคิด แต่ความคิดแบบพ่อแม่คุณดิฉันไม่สามารถเข้าใจได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่