[CR][SR] กิ จ ก ร ร ม ท้ า ค น ไ ก ล ม า ยื น ใ ก ล้ เ ข า

สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้ก็เดือนกุมภาพันธ์แล้ว แม้จะผ่านช่วงวันหยุดเทศกาลมาซักพัก แต่อากาศบ้านเราก็ยังคงเย็นสบาย เหมาะที่จะรับลมหนาวบนยอดดอยอยู่นะคะ ถ้าหากพูดถึงภูเขาแล้ว ทุกคนคิดถึงที่ไหนกันบ้างเอ่ย?... วันนี้แอดเลยมีทริปดีๆที่คนรักธรรมชาติต้องถูกใจมาฝากกันค่ะ

ซึ่งแพร่รีวิวขอรับคำท้าจาก ททท.สำนักงานแพร่ (แพร่-น่าน)
เพื่อไปพิชิตอุทยานแห่งชาติ 4 แห่งในจังหวัดน่าน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุทยานแห่งชาติศรีน่านหรือดอยเสมอดาว และอุทยานแห่งชาติขุนสถาน โดยทริปนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน และเป้าหมายก็คือ แอดจะไปตามล่า ค้นหาน้องสุขใจซึ่งตั้งอยู่ที่อุทยานทั้ง 4 เพื่อร่วมสนุกกับกิจกรรม “ท้าคนไกล มายืนใกล้เขา”
รายละเอียดของกติกาการร่วมสนุกนี้คือ ให้ถ่ายรูปเก๋ไก๋ของคุณให้เห็น "เขา" คู่กับป้ายเช็คอินนี้แล้วเลือก 1 วิธีค่ะ 1. แฮชแทค (#) #ท้าคนไกลมายืนใกล้เขา หรือ #ท้าเที่ยวข้ามภาคแพร่น่าน 2. กดถูกใจเพจ Tat phrae พร้อมโพสรูปและ tag Tatphrae 3. ส่งรูปใน inbox เพจ Tat phrae
อย่าลืมใส่แคปชั่นเก๋ๆ เท่ห์ๆ และแจ้งชื่อ ที่อยู่ ระบุว่าท่านมาไกลจากจังหวัดไหน แล้วรอรับของที่ระลึกเสื้อยืดท้าเที่ยวข้ามภาคได้เลยค่ะ
"เพียงคุณรับคำท้า..และเดินทางมาไกลข้ามภาคให้ถึงน่าน และสำหรับคนน่านหรือคนในภาคเหนือ สามารถร่วมสนุกได้เช่นกันนะคะ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมเล็กน้อย คือต้องเกี่ยวก้อยชวนเพื่อนภาคอื่นมาเที่ยวด้วย แล้วถ่ายภาพทั้งคุณและเพื่อนส่งตามกติกา ก็มีสิทธิ์รับไปเลยเช่นกัน เสื้อยืดท้าเที่ยวข้ามภาคเก๋ๆ ไว้ใส่เป็นทีมเดียวกัน ค่ะ"
กิจกรรมร่วมสนุกนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้
ทางททท. ขอสงวนสิทธิ์ปิดรับรูปถ่ายในเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 31 มีนาคม 2560 หรือจนกว่าของที่ระลึกจำนวน 300 ชิ้นจะหมดค่ะ
*สอบถามข้อมูล 054-521127 (ททท.สำนักงานแพร่, FB : Tat phrae)
ส่วนทริปนี้จะสนุก ผจญภัยยังไงบ้าง ต้องคลิกภาพถัดไปเลยค่ะ Let’s go!~
แอดเริ่มเดินทางตั้งแต่เช้ามืดจากแพร่มุ่งสู่น่านไปยังจุดหมายแรกคือ อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกินค่ะ โดยแอดเดินทางจากตัวเมืองน่านไปตาม
ทางหลวงหมายเลข 1080 (น่าน-ทุ่งช้าง) พอถึงที่ว่าการอำเภอท่าวังผา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1148 (น่าน-ท่าวังผา) จนถึงหมู่บ้านสะเกิน ม.1 ต.ยอด อ.สองแคว จ.น่านแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปอีกจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน รวมระยะทางจากตัวเมืองน่านประมาณ 120 กม.ค่ะ
ส่วนท่านใดที่อยู่ไกล ต่างภาคต่างจังหวัดไม่สะดวกขับรถมาเอง ก็สามารถขึ้นเครื่องมาลงที่สนามบินน่านได้ค่ะ
โดยที่นี่มีของ 2 สายการบินคือ นกแอร์ กับ แอร์เอเชียร์ค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีบริการรถเช่า รถแท็กซี่ด้วยนะคะ เรียกได้ว่าสะดวกสบายจริงๆ
ระหว่างทางบนทางหลวง 1148 ได้ชื่อว่าเป็นถนนสายโรแมนติก หรือหลายๆคนเรียกว่า ถนนลอยฟ้า  เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะถนนจะเรียบๆ
แต่เส้นทางคดโค้งพอสมควร ทิวทัศน์สองฝั่งถนนสวยงามมาก เป็นภาพม่อนข้าวโพดสีเขียวปนเหลืองสลับซับซ้อนกัน ตัดกับท้องฟ้าสดใส เป็นภาพที่ใครๆเห็นต้องหลงใหลแน่นอนค่ะ
พอถึงอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน แอดก็ไปหาเจ้าหน้าที่บอกว่ามาตามรอยหาน้องสุขใจ
ซึ่งน้องสุขใจที่ถ้ำสะเกินนั้นจะอยู่ด้านติดกับป้ายชื่ออุทยานบริเวณลานกางเต้นท์เลยค่ะ
ถ้ำสะเกิน เป็นเทือกเขาปลายเทือกเขาหลวงพระบางสูงสลับซับซ้อนวางตัวในแนวเหนือใต้ มียอดเขาสูงที่สุดคือ ยอดดอยจี๋ ลักษณะพันธุ์พืชของอุทยานแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ป่าดงดิบเขา ป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกินก็มีที่น่าสนใจหลายที่เลยค่ะ เช่น ถ้ำหลวงสะเกิน ถ้ำทอง น้ำตกห้วยหาด หรือน้ำตกบ้านยอด น้ำตกผาธาร น้ำตกผาลาด รวมถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีทั้งหมด 9 ฐาน ดังนี้ 1.ฐานห้วยน้ำงิม 2.ฐานเจียวกู่หลาน 3.ฐานช่องลมมหัศจรรย์ 4.ฐานจันทร์ผา 5.ฐานต้นพระเจ้าห้าพระองค์ 6.ฐานตาน้ำ-บ่อปลากั้ง 7.ฐานถ้ำทอง 8.ฐานกล้วยป่า และ 9.ฐานดินโป่ง เป็นต้น
ที่อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกินก็มีจุดชมวิวและสถานที่กางเต็นท์นอนได้ หากนำเต็นท์มาเองมีค่าเช่าสถานที่ 30 บาท หรือจะเช่าเต็นท์ของอุทยานก็ได้ หลังใหญ่นอนได้ 3 คน ราคา 300 บาท หลังเล็กนอนได้ 2 คน ราคา 200 บาท

นอกจากนี้ก็ยังมีบ้านพักพร้อมอุปกรณ์เครื่องนอน 2 หลัง หลังใหญ่พักได้ 7 คน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 1,500 บาท และหลังเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคา 500 บาทค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน ต.ยอด อ.สองแคว จ.น่าน 55160 โทร.089-0459831 FB : อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน
สำนักงานบริหารพื้นที่ที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) 140 ต.ป่าแมต อ.เมือง จ.แพร่ 54000
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช 61 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร.0-2579-7223, 0-2561-2919, 0-2562-0760
จากนั้นแอดก็เดินทางกันต่อ ระหว่างทางเราแวะทานมื้อเที่ยงกันแถว อ.สองแคว เสร็จแล้วจึงมุ่งหน้าไปยัง อ.ปัวค่ะ เดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ก็มาถึงตัวอ.ปัว เราแวะไปไหว้พระที่วัดต้นแหลง อยู่ที่ม. 2 ต.ไทยวัฒนา อ.ปัว
ได้ยินมาว่าเป็นวัดโบราณเก่าแก่ของชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนาในรุ่นแรกๆ มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย ถือว่าเป็นศิลปกรรมยุคแรกๆในสกุลไทลื้อ
ตัววิหารที่เป็นตัวอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเป็นทรงตะลุ่ม ลาดต่ำ ลดหลั่นกันลงมาทีละชั้นถึง 3 ชั้น  หลังคามุงด้วยไม้ บริเวณกึ่งกลางพระวิหารมีประตูทางเข้าซี่งเป็นประตูไม้เปิด-ปิดได้โดยเจาะรูผนังแกนหมุนเพื่อรับบานประตูขนาดใหญ่ ผนังเจาะช่องหน้าต่างเล็กๆ
เพื่อป้องกันอากาศหนาวเย็น ประตูทางเข้าตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก
ภายในวิหารยังคงกลิ่นอายความเป็นไทลื้อได้เป็นอย่างดี พระประธานสร้างขึ้นตามแบบศิลปะไทลื้อ ประทับอยู่ในมุมเงาสลัวทำให้ให้องค์พระประธานดูโดดเด่นและเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น แอดได้ยินมาว่าระหว่างทางขึ้นไปดอยภูคามีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงถือโอกาสนี้เที่ยวก่อนขึ้นดอยเลยแล้วกัน
ที่แรกที่แอดแวะไปก็คือ วัดภูเก็ตค่ะ อยู่ที่ต.วรนคร อ.ปัว เห็นชื่อแล้วแอดก็แปลกใจว่าทำไมชื่อวัดเหมือนอยู่จ.ภูเก็ต มากกว่าที่จะอยู่ในจ.น่าน แต่ความจริงแล้วชื่อนี้ตั้งตามชื่อหมู่บ้านว่าหมู่บ้านเก็ตค่ะ แต่ด้วยวัดตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งทางเหนือเรียกว่า "ดอย" หรือ "ภู" จึงตั้งชื่อวัดนี้ว่า "วัดภูเก็ต" นั่นเอง
เนื่องจากวัดภูเก็ตอยู่บนภูหรือดอย จึงเป็นวัดที่มีภูมิทัศน์และวิวที่สวยงามมากค่ะ จุดเด่นของวัด คือ มีระเบียงชมวิวด้านหลังวัดติดกับทุ่งนาที่กว้างไกล พร้อมด้วยฉากหลังเป็นภูเขาของวนอุทยานดอยภูคาด้วย
และมีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรม ฝาผนังสามมิติ
เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแสนปัว หรือ หลวงพ่อพุทธเมตตา" ที่ศักดิ์สิทธิ์ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกค่ะ
ในยามเช้าวัดภูเก็ตเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง ด้านล่างวัดมีแม่น้ำไหลผ่านเป็นลำธารให้ฝูงปลาและสัตว์น้ำอยู่อาศัย ทางวัดได้จัดให้เป็นเขตอภัยทาน นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารจากลานข้างบน ผ่านท่อไหลลงไปให้กับฝูงปลาได้ และสามารถมองเห็นฝูงปลาที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ร้านกาแฟบ้านไทลื้อค่ะ อยู่ที่ ต.ศิลาแลง อ.ปัว
เป็นร้านกาแฟของร้านลำดวนผ้าทอ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหล ลายโบราณชื่อดังของอ.ปัว
เนื่องจากอ.ปัวถือว่าเป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออยู่มากที่สุด มีประเพณีและวัฒนธรรมเป็นของตนเองโดยเฉพาะ เรื่องการแต่งกายแบบพื้นบ้าน ได้แก่ ผ้าทอไทลื้อ ถือเป็นเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอำเภอนี้ค่ะ
ตอนแรกแอดก็คิดว่าคงเหมือนร้านกาแฟทั่วๆไป แต่ผิดคาดเลยค่ะ พอไปถึงแอดก็ต้องประหลาดใจเพราะ ร้านติดกับริมนาข้าว ตกแต่งด้วยบรรยากาศแบบไทลื้อพื้นบ้านดั้งเดิม เมื่อซื้อเครื่องดื่มซักแก้วก็มีที่ให้ไปนั่งเล่น นอนเล่น รับลมเย็นๆ มองดูวิวนาข้าวและขุนเขาที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมถ่ายรูปเช็คอินเก๋ๆ กับกระท่อมปลายนาที่ไม่เหมือนใครได้เลย
มุมนั่งดื่มกาแฟเป็นกระท่อมมุงด้วยหลังคาจาก ตั้งอยู่ริมนาข้าวเห็นวิวภูเขา สามารถเลือกนั่งพักผ่อนตามใจชอบ อยากนั่งตรงไหน ก็จัดไปได้เลยมีหลายหลังให้เลือก ระหว่างกระท่อมก็มีทางเดินที่ทำจากไม้ เป็นท่อนไม้ใหญ่ๆบ้าง เป็นไม้ไผ่หลายท่อนวางติดกันบ้าง เวลาเดินก็ต้องระวังกันหน่อยนะคะ
ตรงกลางร้านปลูกดอกไม้สีสันสวยงาม ตัดกับสีเขียวของทุ่งนาและภูเขาได้เป็นอย่างดี มีมุมที่แต่งด้วยผ้าทอแบบไทลื้อก็สวยไปอีกแบบ ส่วนราคาเครื่องดื่มและขนมก็อยู่ที่ 30-40 บาท ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ ใครที่ชอบความเป็นธรรมชาติ ทุ่งนา สายลม แสงแดด แอดแนะนำให้มาสัมผัสบรรยากาศสบายๆที่นี่เลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

พอเติมพลังช่วงสายๆกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อ เราก็มุ่งหน้าขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคาทันที ด้วยระยะทางประมาณ 25 กม. ใช้เส้นทางตามทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ทางค่อนข้างคดเคี้ยวและลาดชัน จึงต้องระวังในการขับขี่มากพอสมควรเลยค่ะ
ชื่อสินค้า:   กิจกรรมท้าคนไกลมายืนใกล้เขา อุทยานแห่งชาติจังหวัดน่าน จากททท.แพร่-น่าน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่