ว่ากันด้วยเรื่องของนักขาย ที่หลับหูหลับตาขายเพื่อเอายอด และเรียกแทนตัวเองว่า "หมอ" เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

กระทู้สนทนา
เรามีโอกาสได้มาประสบพบเจอกับกลุ่มนักขายของผลิตภัณฑ์น้ำสมุนไพรยี่ห้อนึงจากในเฟซบุ๊กค่ะ ที่ขวดเขียว ๆ โฆษณาสรรพคุณไว้ล้านแปด ดูลักษณะแล้วน่าจะเป็นธุรกิจประเภทขายตรง เพราะเห็นมีการพูดถึงอัพไลน์ ดาวน์ไลน์ เดิมทีก็ไม่ได้สนใจอะไร แค่แอบขำ ๆ ตอนที่เห็นว่าพวกเค้าเรียกแทนตัวเอง และเรียกเพื่อน ๆ ในทีมกันว่า "หมอ" ทุกคน ถ้าเราไม่รู้จักใครในนั้นเลยก็อาจจะหลงคิดว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นหมอจริง ๆ แต่พอดีว่า 1 ในนั้นเป็นเพื่อนแถวบ้านที่เรารู้จักดี และนางไม่ใช่หมอแน่ ๆ จึงแอบขำปนสงสัยเล็ก ๆ ว่าสมัยนี้แค่เป็นทีมขายน้ำสมุนไพรก็ได้เป็นหมอแล้วเหรอ มองให้ขำก็ขำนะคะ แต่จริง ๆ เราว่ามันไม่ขำนะ มันเหมือนเป็นการหลอกสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเองด้วยวิธีง่าย ๆ แต่มันเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค คนไม่รู้ก็คงจะคิดว่าเป็นหมอจริง ๆ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรแน่ ๆ แหละ คนแก่ ชาวบ้าน ตาสีตาสานี่เชื่อสนิทใจกันเลยทีเดียว

ทีนี้มันเริ่มไม่ขำมากขึ้นตรงที่ไอเจ้าน้ำสมุนไพรนี่มันชักจะมีสรรพคุณเว่อวังขึ้นทุกที เริ่มจากเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ลูกชายของเพื่อนเรารถล้ม นอนโรงพยาบาลอยู่ 3 วันก็ยังไม่ฟื้น 1 ในทีมนักขายท่านนึงที่เป็นเพื่อนแถวบ้านเรา ขอแทนชื่อว่า A ก็ได้ทักแชทเพื่อนเราไปว่าเค้าสามารถช่วยได้ ถ้าซื้อน้ำสมุนไพรนี้ไป รับรองว่ากินแล้วฟื้น ยินดีให้คำปรึกษา ตึ่งโป๊ะ แบบนี้ก็ได้เหรอ

ตามมาติด ๆ ด้วยอีก 1 เหตุการณ์คือช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยายเราเข้าโรงพยาบาลเพราะไส้ติ่งอักเสบ หมอให้เตรียมผ่าตัดด่วน เราก็อัพเดทอาการลงเฟซบุ๊กเป็นระยะ เพราะญาติพี่น้องทุกคนต้องการทราบข่าว ปรากฎว่า A มาเสนอขายน้ำสมุนไพรในโพสต์ที่ทุกคนกำลังคอมเม้นท์กันด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่าให้ยายกินน้ำสมุนไพรของนางสิ รับรองว่าหายแน่นอน ไม่ต้องหมดเงินรักษาเป็นแสน ๆ ตึ่งโป๊ะเป็นครั้งที่ 2 แบบนี้ก็ได้เหรอ

ตึ่งโป๊ะครั้งที่ 3 อันนี้ไม่เกี่ยวกะเรา เราแค่บังเอิญไปเห็นที่นางโพสต์ขายของของนาง ว่ากันด้วยเรื่องของคนหูหนวก เอาน้ำสมุนไพรของนางมาหยอดหู 3 ครั้ง รับรองหาย แบบนี้ก็ได้เหรอ

ตึ่งโป๊ะที่ 4 รอบนี้โดนจัดหนัก เริ่มต้นจากการที่เราแคปไลน์ที่คุยกับสามีมาโพสต์ลงเฟซ ในนั้นก็ไม่มีไรหรอก หลัก ๆ ก็แค่บอกว่าเม็นมา คือเราแต่งงานมาปีกว่าแล้ว แต่ยังไม่มีลูกเพราะยังไม่พร้อม ก็เลยยังไม่ปล่อยให้มี แต่ตอนนี้จะปล่อยละ ก็เลยจะเริ่มนับวันตกไข่จากวันที่เม็นมาวันแรก แค่นั้น แต่มันไม่แค่นั้น เพราะมันเป็นสาเหตุให้ A ทักแชทมา ว่าน้ำสมุนไพรของนางกินแล้วท้องนะ เรานี่หืมมมม มันมาอีกแล้วววว เอาวะ วันนี้ข้าว่าง คุยกะมันซักหน่อยละกัน ก็ตามภาพเลยค่ะ


จากบทสนทนาทั้งหมด อ่านรู้เรื่องกันมั้ยคะ สรุปให้อีกทีค่ะ ว่าเริ่มต้นเปิดมาคือน้ำสมุนไพรนี่กินแล้วท้อง แต่กลับยกตัวอย่างลูกค้าที่กินแล้วมดลูกเข้าอู่ เราก็ย้ำแล้วว่าเรายังไม่ท้อง จะกินให้มดลูกเข้าอู่เพื่อ ? ถามย้ำอีกครั้งว่ากินให้มดลูกเข้าอู่นี่ต้องกินก่อนท้องหรือหลังคลอด ก็ยังจะตอบว่ากินก่อนท้อง เฮ่ออออ นี่ขนาดนางเองก็มีลูกแล้วนะ ทำไมถึงไม่รู้เรื่องพวกนี้

พอมาถึงตรงนี้ ไอความขำก็ยังมีอยู่ คือขำไอตรงที่ทำไมนางถึงช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย แต่พอมาคิด ๆ ดู ที่ผ่าน ๆ มานี่นางได้ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรกับใครไปบ้างแล้วเนี่ย ใช้ถูกใช้ผิดกันมั่งรึเปล่า ขวดนึงก็หลายตังค์ 1000+ เลยทีเดียว แล้วบริษัทไม่มีการอบรมให้ความรู้กับทีมขายเลยเหรอ ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์นะ แต่ควรจะต้องรู้ปัญหาของคนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าด้วย ต้องหัดคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และศึกษาหาข้อมูลให้มาก ๆ จะได้เข้าให้ตรงจุด รู้วิธีพูด ไม่ใช่เริ่มต้นเปิดมาอย่างนึง คุยไปอีกอย่างนึงแบบนี้ และอีกเรื่องที่พลาดมาก ๆ คือเรื่องของกาลเทศะ จะสักแต่ว่าขายของไม่ได้นะ ต้องดูสถานการณ์ด้วย ไม่ใช่ว่าคนกำลังจะเข้าผ่าตัด แต่จะมาให้ซื้อน้ำสมุนไพรไปกิน จะได้ไม่ต้องผ่าตัดงี้

ดู ๆ แล้วอาจจะมองว่าเป็นที่ตัวบุคคลใช่มั้ยคะ คงเป็นที่ A เองแล้วแหละที่ดูเพี้ยน ๆ ไม่เกี่ยวกับบริษัทหรอก แต่อย่าลืมนะว่าเค้าคือทีมขายของบริษัท ชื่อจะดีจะเสียบุคคลเหล่านี้ก็มีผลนะคะ ต่อให้ผลิตภัณฑ์ของคุณจะดีเลิศแค่ไหน แต่ถ้าทีมขายเป็นแบบนี้ก็ลดความน่าเชื่อถือไปแทบหมดแล้วอ่ะค่ะ

และที่สำคัญ อย่าเรียกแทนตัวเองกันว่า "หมอ" เลยนะคะ ไม่ควรเลย

ปล. เราเล่าให้ยายเราฟังเรื่องนี้ ยายเราบอกว่าเราก็บ้า รู้ว่ามันบ้ายังไปคุยกะมันอี๊กกก ดังนั้นอย่าด่าเรานะ ยายเราด่าให้แล้ว อมยิ้ม02

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่