[CR] รีวิวอาหารที่ Ho Chi Minh และร้านอาหารในที่มืด Noir Dining in the dark

วันศุกร์หลังเลิกงาน จขกท รีบบึ่งไปดอนเมือง ขึ้นเครื่องบินมาถึงโฮจิมินห์ราวๆ สามทุ่ม ในใจตอนแรกกะว่าไปกิน Chuck’s Burger แต่ปรากฎว่ารถติดมากไปไม่ทันร้านปิดก่อน ก็เลยได้แซนวิชข้างทางมารองท้อง หน้าตาแบบนี้
ราคา 20,000 ดอง ~ 32 บาทค่ะ


จากนั้นเดินทางกลับโรงแรม จขกท พักที่ Silverland Sakyo Hotel and Spa ซึ่งไม่ไกลจาก City Hall มากค่ะ ถนนเส้นนี้สงบนี้ ตื่นเช้ามาจัดหนักที่บุฟเฟต์โรงแรม ไลน์บุฟเฟต์ปกติ มีสลัดบาร์ อาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่นพวกซูชินิดหน่อย แล้วก็อาหารเวียดนาม แต่ที่แปลกสุดคงเป็น Crocodile Tempura รสชาติเหมือนไก่ แต่มีความแน่นของเนื้อกว่า อร่อยดีเหมือนกัน


เราซื้อทัวร์ครึ่งวันไปเที่ยวอุโมงค์กู๋จี ซื้อจากโรงแรมไปเลยคนละ 590,000 ดอง ประมาณ 920 บาท ได้ทัวร์ของบริษัท Ginkgo Tour ไกด์บริการดี ความรู้เยอะ พูดจนลิงสองตัวหลับ ทัวร์นี้เค้าจะพาไปแวะที่โรงงานขายงานฝีมือแบบนี้ก่อน


จากนั้นถึงพาไปเที่ยวอุโมงค์ต่อซึ่งห่างจากจุดนี้ราวๆ 20 นาที
หมายเหตุ ทัวร์อุโมงค์กู๋จีสนุกดี ถ้ามีเวลาแนะนำว่าควรไปช่วงเช้าค่ะ บ่ายน่าจะร้อนมาก

กลับจากทัวร์มาถึงในเมืองราวๆ บ่ายสอง มื้อนี้ไม่พลาด พุ่งตรงไปที่ร้าน Chuck’s Burger เลย
วันนี้เราสั่ง Double Cheese Burger หน้าตาแบบนี้ ราคา 140,000 ดอง ~ 220 บาท + French Fries เพิ่มอีก 20,000 ดอง ~ 32 บาท


ถ้าสั่งแค่ Standard Cheese Burger จะอยู่ที่ราคา 90,000 ดอง ~ 141 บาท ส่วนน้ำอัดลมรีฟิลฟรีค่ะ


Burger ที่นี่อร่อยมาก จนต้องกลับไปกินซ้ำ ที่นี่มีซอสให้เลือก 3 แบบ จะมีมัสตาร์ด ซอสมะเขือ แล้วก็ซอสที่ทางร้านทำเอง

ไม่ไกลจากร้านนี้นัก จะมีร้านเบียร์ชื่อ Pasteur Street มีเบียร์หลากหลายแบบ


แนะนำว่าไปกินก่อนบ่ายสองจะมี Set Lunch ราคา 125,000 ดอง ~ 196 บาท ได้ทั้งเบียร์บวกแซนวิชหรือเบอเกอร์ไปเลยจ้า


ขออภัยรูปไม่ชัด แฮ่ๆ

อาหารยอดนิยมของที่นี่คือ Corn Beef Sandwich และ Chocolate Beer ซึ่งรสชาติก็โอเคนะ แต่ Sandwich ที่ Banh Mi อร่อยกว่ามากค่ะ
ส่วนเบียร์เอง จขกท ไม่ได้ดื่มเอง แฟนดื่มบอกว่า รสชาติแปลกๆ ไม่ค่อยโอเคเท่าไร


พูดถึง Banh Mi ก็ต้องมี Sandwich อร่อยๆ มาให้ชมกัน หน้าตาเป็นแบบนี้นะค้า


ขนมปังออกแนวกรอบนอกนุ่มใน ไส้ ซอสทุกอย่างมันเข้ากันดีจริงๆ อันที่จริงแล้ว ถ้าพูดถึงตัวขนมปังที่เวียดนามนี้ อร่อยแทบทุกที่เลยค่ะ ไม่แน่ใจเป็นเพราะว่าได้อิทธิพลมาจากฝรั่งเศสรึป่าวค่ะ

มาเวียดนาม ก็ต้องมาลองอาหารเวียดนาม แต่จะกินอะไรดีหล่ะ ที่ไม่ใช่เฝอออออ ตอนนั้น จขกท อยู่แถวๆ Independence Palace เปิดแอพ tripadvisor แล้วก็ได้ร้านที่อยู่ไม่ไกลมากนัก นั่นก็คือ Bep Me In เดินตาม Google Maps ไปเรื่อยๆ พอเจอซอยนี้ ป้ายนี้ ก็เดินเข้าไปได้เลยค่ะ


อย่าหวั่นไหว กับร้านทำเล็บข้างทาง ที่เชิญชวนอยู่ตลอด เดินแปบเดียวก็ถึงร้าน ตกแต่งได้น่ารัก สดใส มีภาพวาดเด็กที่ผนัง โต๊ะเก้าอี้ไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนกินร้านแถวบ้านตอนเด็กๆ แต่ละโต๊ะมีตะขอไว้เกี่ยวของให้ด้วย น่านั่งดีทีเดียว


เปิดเมนูก็ตกตะลึง ทำไมไม่มีปากหม้อญวณ ก๋วยจั๊บญวณ นี่มันไม่เห็นเหมือนบ้านเราเลยนี่หว่า แต่มาแล้วก็ต้องลองเปิดเมนูข้ามหน้าที่เป็นเหมือนพวกอาหารป่า เช่น งู ปลาไหล ไป แล้วก็สั่งเมนูหมูๆ มาสามเมนู

อันแรกปอเปี๊ยะเวียดนาม ที่ดูคล้ายคลึงบ้านเรา แต่ห่อด้วยแป้งแหนมเนือง ไส้มีเห็ด หมูสับ แล้วก็ผัก น้ำจิ้มหวานเปรี้ยว อร่อยดีค่ะ


ถัดมาข้าวผัดกระเทียมเม็ดร่วน หอมเตะจมูก อร่อยอีกแล้ว กินคู่กับกับข้าวอีกสองอย่างเข้ากันดีค่ะ


ซี่โครงหมูทอด เหนียวไปหน่อย รสชาติพอใช้ได้


ถัดมาเป็นหมูตุ๋นในคาราเมล จานนี้คุณแฟนชอบมาก หมูตู๋นมานุ่มมาก แต่รสชาติไม่ได้หวานอย่างที่คิด ออกจะเค็มๆ ด้วยซ้ำ จานนี้อร่อยดี แต่ตัดคะแนนเพราะว่ามันไปหน่อยค่ะ


เด็ดสุดของมื้อนี้คงต้องยกให้ กาแฟโสดา (Suada) แก้วนี้ คุณแฟนสั่งเบิ้ลสองแก้วเลยทีเดียวค่ะ


ร้านสุดท้ายของทริปนี้ เป็นการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ของ จขกท เลย กับการกินข้าวในที่มืด ย้ำว่ามืดจริงๆ
ออกเดินทางตาม Google Maps เดินผ่าน Saigon Square ไปเรื่อยๆ  จนถึง Charles & Keith หรือ The Blues ตามรูป


อีกฝากของถนนตรงข้ามร้าน The Blues จะเห็นป้ายทางเข้าแบบนี้ ก็เดินเข้าซอย สุดซอยไปเลยค่ะ


แล้วก็จะเห็นร้านสีขาว มีไฟประดับแบบนี้


เมื่อไปถึงร้าน ก็จะมีพนักงานพาเราไปนั่งที่โต๊ะ แล้วก็จะมี welcome drink ให้ โดยให้เราเลือกว่าจะเอาแบบมีแอลกอฮอล์หรือไม่มี


จากนั้นก็จะมีพนักงานอีกคนมาอธิบายว่า ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านอาหารที่เราจะกินในที่มืด โดยเราจะไม่รู้มาก่อนว่าเราจะได้เมนูอะไร โดยเราสามารถเลือกได้สามแบบคือแบบ Western 650,000 ดอง ~ 1020 บาท, Eastern 560,000 ดอง ~ 880 บาท และ Vegetarian 480,000 ดอง ~ 754 บาท ส่วนเมนูน้ำนั้น เราสามารถเห็นและเลือกได้เลย จขกท เลือก Virgin Apple 70,000 ดอง ~ 110 บาท อร่อยมากค่ะ อาหารทั้งหมดยังไม่ร่วม service charge 5% และ government tax 10% นะคะ


ตอนสั่งอาหารนั้น ถ้ามากับเพื่อนหรือคนรู้ใจแนะนำให้สั่งเหมือนกันค่ะ เวลาที่เราทานในห้องมืด เราจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สนุกมากค่ะ
ก่อนรับประทานอาหาร จะมีพนักงานที่หูหนวก และเป็นใบ้ เอาเกมส์มาให้เราเล่น และอธิบายให้เราดูว่าเล่นยังไง ซึ่งเกมส์เหล่านี้ก็จะทำให้เราคุ้นชิน กับการอยู่ข้างใน เช่นเกมส์ปิดตา แล้ววางของให้ถูกช่อง เราจะต้องใช้ทักษะนี้ตอนหยิบและวางจานตอนอยู่ในที่มืดค่ะ และยังมีเกมส์อื่นๆ อีก ไปลองกันดูนะคะ


สไตล์การตกแต่งของการออกแนวสมัยใหม่ผสมจีนๆ ประมาณนี้ค่ะ


หลังจากนั้น ก็จะมีพนักงานที่ปกติดีพาเราไปที่อีกห้องนึงค่ะ ห้องนี้นั่นเอง


หน้าห้องจะมีพนักงานอีกคนรอรับเราอยู่ ซึ่งเค้าเป็นคนตาบอดค่ะ พนักงานคนปกติจะอธิบายเราว่า พนักงานอีกคนชื่ออะไร และเค้าจะเป็นพาเราเข้าไปข้างในและบริการเรา หากมีอะไรสามารถเรียกชื่อเค้าได้เลย ซึ่งพนักงานคนพิเศษที่บริการ จขกท ชื่อว่า เหงียะ ค่ะ

เหงียะ แนะนำตัวเอง และให้ จขกท จับไหล่ เป็นเหมือนขบวนรถไฟเข้าไปข้างใน ซึ่งด้านในนั้นมืดมากๆ มองไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงแขกโต๊ะอื่นๆ คุยกัน เหงียะพา จขกทและแฟน เดินเข้ามาและให้หยุด จากนั้นเหงียะไปส่ง จขกทที่โต๊ะก่อน จากนั้นจึงเดินกลับไปรับคุณแฟนมา โดยไม่ชนอะไรเลยค่ะ เก่งมากๆ

จากนั้นเหงียะ อธิบายให้ฟังว่า อาหารจะมีทั้งหมด 3 courses เริ่มต้นจาก starter ตามด้วย main course และของหวานค่ะ

เหงียะ นำช้อนส้อม มีด และน้ำที่สั่งไว้มาให้เราก่อน สายตาเริ่มปรับได้แล้ว แต่ก็ยังมืดมากๆ มองไม่เห็นอะไรเลย จากนั้นสักพัก จึงนำ starter มาเสิรฟ

Starter ของเรามาในถาด ซึ่งเป็นเป็นหลุมๆ 4 หลุม แต่ละหลุมนะมีภาชนะที่แตกต่างกันวางอยู่ โดยการกินนั้น เริ่มกินจากขวามือบน จากนั้นให้กินตามเข็มนาฬิกาค่ะ อาหารที่ จขกท ได้นั้น จะมีทั้งส่วนที่เป็นซุปและสลัด ทำออกมาได้ดีมากๆ มีความสดชื่น เรียกน้ำย่อยได้ดีจริงๆ อร่อยมากค่ะ

ระหว่างทานไป เนื่องจากเราสองคนสั่งเหมือนกัน ก็ได้คุยกัน ถามกันตลอดว่าเธอกินอะไรอ่ะ รสชาติเป็นไง ชั้นว่าต้องเป็นอันนี้แน่ๆ สนุกมากค่ะ ได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน เวลากินก็ได้โฟกัสไปที่รสชาติจริงๆ ค่ะ ผักที่ไม่ชอบกิน ก็กินหมดเพราะไม่เห็นว่ามันเป็นอะไร 555

ต่อมา Main course มี 4 อย่างอยู่ในถาดเดียวกันเหมือนกัน กินตามเข็มนาฬิกาเหมือนกัน แต่ทุกจานจะมีเนื้อสัตว์ประกอบซึ่งต่างชนิดกันทุกจานค่ะ มีจานนึงเป็นเนื้อกับกิมจิ ทำออกมาได้นุ่มมาก อร่อยสุดๆ ค่ะ

และสุดท้าย dessert  เป็นของหวานสามอย่างมาในถาดเดียวกัน เริ่มกินจากซ้ายมือไปขวามือค่ะ ตัวของหวานก็อร่อยดีค่ะ ทำออกมาได้ดี ไม่หวานมากเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นว้าวมากค่ะ

เมื่อทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหงียะก็จะมารับและพาออกไปด้านนอก กลับไปนั่งที่เดิมค่ะ

สักพักจะมีพนักงานเค้ามาเฉลยให้ฟังว่าที่เรากินไปมีอะไรบ้าง ซึ่งก็มีทั้งที่ทายถูกและผิด พนักงานที่นี่ service mind ดีค่ะ ยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ

สรุปแล้ว มื้อนี้ ให้ 10/10 ไปเลยค่ะ รู้สึกอิ่มทั้งกายทั้งใจ อาหารอร่อยมากๆ แถมยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้สนับสนุนให้คนพิการมีงานทำ สมแล้วกับการได้เป็นอันดับ 1 ใน Tripadvisor Ho Chi Minh ค่ะ สุดยอดจริงๆ

ปล. ที่กรุงเทพก็มี Dine in the dark เหมือนกัน ไว้ จขกท ไปลองแล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ
รูปถ่ายด้วย Fuji XA-2, Samsung J7 และ Samsung S6 egde
ชื่อสินค้า:   Ho Chi Minh Food
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่