.
.
.
ทุกครั้งที่เราอออกเดินทาง........เรามักจะไปมือเปล่า
.
.
.
แต่กลับมาพร้อมประสบการณ์เต็มกำมือเสมอ
.
.
.
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ ในการไปเที่ยวภาคเหนือ
ด้วยพาหนะที่ค่อนข้าง ขัดใจแม่ไปซะหน่อย นั่นก็คือ....มอเตอร์ไซต์บ้านๆค่ะ 555+
รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกเลยค่ะที่ลองทำ อาจจะสับสนไปบ้างต้องขอโทษเพื่อนๆไว้ก่อนเลย (>/\<)

ทริปนี้เราใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 7 วัน ค่ะ โดยแผนการเดินทางของเราคือ เราจะออกจากกรุงเทพ
ขึ้นเหนือทางเส้น สุพรรณ , กำแพงเพชร , ลำปาง แล้วเข้า เชียงใหม่
โดยจุดหมายสำคัญที่อยากไป คือ "ดอยอ่างขาง" ค่ะ
จากนั้นจะขับกลับลงมาทางเส้น เชียงราย , แพร่ , พิจิตร , พิษณุโลก , สระบุรี แล้วค่อยเข้ากรุงเทพค่ะ
วางแพลนแล้วก็ไม่รอช้าค่ะ ออกเดินทางกันเลย Go...Go....Go....

ก่อนออกเดินทางต้องเช็ครถก่อน เตรียมความพร้อมก่อนค่ะ เอ้อระเหยกันมากกกกก กว่าบรรจุของขึ้นรถ เช็ครถ เตรียมน้ำมันสำรอง
ก็ปาเข้าไปประมาณ 10 โมงค่ะ 555555

พร้อมแล้วค่ะ แอบมีพริตตี้ประจำรถด้วย 55555
**รถที่เราใช้ทริปนี้คือ........ น้อง Honda wave 125 อายุประมาณ 10 ขวบค่ะ

**ส่วนสัมภาระ ด้วยความที่เราเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์แบบมีผู้ซ้อน เราจึงไม่สามารถแบกกระเป๋าเป้ หรือมัดกระเป๋าไว้ที่นั่งด้านหลังได้
เราจึงเลือกใช้กระเป๋าไปรณีย์ค่ะ รุ่นแบบมีฝาปิด แล้วนำมาดัดแปลงเย็บซิปคู่โดยรอบ
เพื่อคล้องกุญแจกันคนเปิดเวลาเรา จอดเเวะเที่ยวตามที่ต่างๆค่ะ work มากๆค่ะ ใช้คนละฝั่งกับคุณแฟนพอดีเลย
เริ่มออกเดินทางกันเถอะ.........
จุดหมายแรกที่เราจะไปก็คือ หมู่บ้านควาย ที่สุพรรณบุรีค่ะ
ใช้เส้นทางจากบางนา วิ่งถนนสรรพาวุธไปออกพระราม4 แล้วเลี้ยวเข้าสาธรเพื่อข้ามสะพานตากสิน
แล้ววิ่งเส้นราชพฤกษ์ ยาวไปออก อยุธยา → สุพรรณบุรี

ขับแวะ ขับแวะมาชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสุพรรณล่ะค่ะ เริ่มรู้สึกเจ็บก้นนิดๆค่ะ 5555+ ในใจเริ่มคิดว่า "ถ้าถึงเชียงใหม่ ช่วงล่างชั้นต้องไร้ความรู้สึกไปเลยแน่ๆ"
ขับต่อมาอีกสักพัก เราก็ถึงจุดหมายแรกของเรา “หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย” เย้!!!!!!!
จากถนนใหญ่ เส้น 340 เลี้ยวขวาข้ามสะพาน แล้วตรงไปเล็กน้อย จะเจอหมู่บ้านควาย ตั้งอยู่ซ้ายมือค่ะ
เราถึงที่นี่ตอน บ่ายโมงครึ่งค่ะ
ซื้อบัตรด้านหน้าเพื่อเข้าชม น้องควาย คนละ 50 บาทค่ะ
ด้านในหมู่บ้านควาย จะแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ
คือโซนจัดแสดงน้องควาย,โรงเพาะเลี้ยงและสวนเกษตร
กับโซนที่เป็น เรือนห้องพักและห้องสัมนาจัดเลี้ยง


บริเวณโดยรอบด้านใน ร่มรื่น เงียบสงบมากค่ะ
บ้านพัก เป็นหลังเล็กๆ อยู๋ในโซนด้านในสุด (สารภาพว่า แว๊บแรกที่เห็น คิดว่า กุฏิพระค่ะ นึกว่าด้านในเป็นที่ปฏิบัติธรรม 555+)
อีกโซน จะเป็น คอกเลี้ยงน้องควายค่ะ
น้องควายที่นี่ มีทั้งสีปกติ และสีเผือก ทุกตัวดูแล้วถูกเลี้ยงอย่างดีค่ะ สะอาด ไม่เครียด บางตัวเราสามารถขี่หลังถ่ายรูปด้วยได้เลย

ตัวนี้น้องมีเขางุ้มลงเหมือนหูน้องหมาค่ะ น่ารักไปอีกแบบ ^^

น้องคู่นี้มีอาการปากแหว่ง เพดานโหว่ค่ะ แต่ก็ยังซนและกินเก่งสุดๆ
ในวันหยุด ที่นี่มีโชว์การแสดงของน้องๆด้วยนะคะ
ดูแล้วจะบอกเลยค่ะว่าที่เคยได้ยินกันมาว่า "โง่เหมือนควาย" นั้น ไม่จริงสักนิดค่ะ น้องๆฉลาดและน่ารักมาก
V
V
จากหมู่บ้านควายไทย เราต้องเดินทางต่อค่ะ จริงๆตั้งใจไว้ว่าจะแวะทานข้าวที่ตลาดสามชุก
แต่ไม่ได้แวะค่ะ เพราะดูจากเวลาแล้ว เกรงว่าจะถึงที่พักดึก เพราะหนทางยังอีกยาวไกลนัก
แต่ระหว่างทางเราก็ได้เจอร้านก๋วยเตี๋ยว ริมทาง ร้านนึงค่ะ ชื่อว่า “ก๋วยเตี๋ยวเรือเหล่าเต๊ง”
สะดุดตาถึงขนาดวนรถกลับมากินเพราะเหล่าไอ้มดแดงทั้งหลายนี่แหละค่ะ 555+

ที่นี่เก๋ตรงที่ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่มีพิพิธภัณฑ์ ของเก่ารวมอยู่ด้วยค่ะ

ด้านหน้าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวไสตล์ย้อนยุค

ด้านหลังจะเป็น จุดแสดง ของเก่า ของโบราณต่างๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์เก่า
ซึ่งถ้าใครสนใจชิ้นไหนทางร้านก็ยินดีขายค่ะ
และรอบๆบริเวณร้านก็จะมี หุ่นปั้น ฮีโร่ และ ตัวการ์ตูนต่างๆ ให้เราได้ถ่ายรูปกัน เพลินเลย หุหุ ^^

ด้านบนชั้น2 มีพิพิธภัณ์ เกี่ยวกับ รูปภาพของในหลวงรัชกาลที่9 ,เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ,แสตมป์,เหรียญและธนบัตร เก่าๆหายาก ให้ได้ชมกันด้วยค่ะ


ท้องอิ่มแล้ว เดินชมทั่วแล้ว เราก็ต้องเดินทางต่อค่ะ

จากจุดนี้ ไม่แวะอะไรแล้วค่ะเพราะคืนนี้เราต้องไปพักกันที่ กำแพงเพชร ค่ะ
ซึ่งยังอีกไกลมากกกกก ต้องยิงยาวเลย ชัยนาท อุทัย นครสวรรค์
จะมีก็แค่แวะเติมน้ำมัน และพักช่วงล่างของทั้งคนและรถ เป็นระยะๆ ไม่งั้นกลับไปคงได้นั่งวิลแชร์ค่ะ 5555+

จนในที่สุด เราก็เข้าสู่เมือง กำแพงเพชร แล้วค่ะะะะะะ!!

วิวที่สะพานข้ามแม่น้ำ ในจังหวัดกำแพงเพชรค่ะ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน+กับอีก60โลถึงจะถึงที่พัก
ยั้งงงงจะมีอารมณ์แวะถ่ายรูปกัน555+
แต่มันสวยจริงๆค่ะ ต้องยอมเลยยยย
**พอฟ้ามืด โลกเริ่มเปลี่ยนค่ะ การขับรถยนต์เที่ยวต่างจังหวัดในตอนกลางคืนกับขับมอไซต์นี่มันคนละเรื่องกันเลยค่ะ
เราต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะความมืด บวกกับ รถใหญ่ระดับพวก 10 ล้อ และรถพ่วงจะมีมากขึ้น และขับกันเร็วขึ้น รวมถึงน้องแมลงทั้งหลายที่พากันออกเริงร่า บินชนแว่น ชนหน้า กันสนุกสนาน อีกอย่างคือ อากาศค่ะ ที่ เย็นขึ้นแบบฉับพลัน คนขี้หนาวต้องเตรียมพร้อมนะคะ
V
V
V
เวลา 19.30 น. ในที่สุด เราก็ถึงที่พักคืนแรกค่ะ ดีใจจนแทบกระโดดตีลังกาใส่เกลียว
คืนนี้ เราพักกันที่ “ไม้ใหญ่ รีสอร์ต” ค่ะ
เราเลือกพักบ้านดิน ราคา 590บาท/1คืน รวมอาหารเช้า2ท่านค่ะ


หน้าตาบ้านพักค่ะ น่ารักดีค่ะ ด้านในก็สะอาดสะอ้านดี คุ้มค่ากับราคาค่ะ
เช็คอินเรียบร้อย เอาของเข้าเก็บที่ห้องพักค่ะ
แล้วเราก็เจอปัญหาแรก!!! กระเป๋าไปรษณีย์เรา สีกับล้อและโช๊ค จนขาดเป็นรูค่ะ!!
ต้องหาวิธีแก้ด่วนเลยค่ะ ไม่งั้นไม่ถึงเชียงใหม่ ขับไป ร่วงไป แน่ๆค่ะ T T
ระหว่างออกไปหาข้าวเย็นกิน ผ่านร้านขายของใช้ในบ้าน คุณแฟนเดินเลือกของที่จะเอาไปซ่อมกระเป๋า
สักพัก ได้กลับมา 2 อย่างค่ะ ถาดพลาสติก กับ เชือกยืดๆรัดของ

วิธีแก้ปัญหาก็คือ เราเอาถาดพลาสติก ดามด้านผนังหลังกระเป๋าบริเวณที่ติดกับโช๊คไว้ค่ะ
เชือกยืดๆ สำหรับรัดของก็เอาเกี่ยวกับช่องใกล้ๆที่วางขา เกี่ยวฝั่งนึงพาดใต้เบาะไปอีกฝั่งนึง เพื่อกันไม่ให้กระเป๋าเข้าไปโดนล้อหรือโช๊ค
ส่วนตัวกระเป๋าที่ขาด ก็นั่งเย็บกันไปค่ะ

เรียบร้อยค่ะ มีช่องว่างระหว่างกันและกันแล้ว ^^ เฮ้อออออโล่งใจจจจจจจ
หมดวันแรกไปแบบทุลักทุเลมากกกก แต่ก็สนุกมาก
รวมวันแรก ขับไป 406 กม. ค่าน้ำมันประมาณ 300 บาท
พรุ่งนี้ เราต้องมุ่งหน้าขึ้นเชียงใหม่ ขับยาวๆ เลยค่ะ
[CR] { R-E-V-I-E-W } กรุงเทพ-เชียงใหม่........"ด้วยมอเตอร์ไซต์คันเดียว"
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ ในการไปเที่ยวภาคเหนือ
ด้วยพาหนะที่ค่อนข้าง ขัดใจแม่ไปซะหน่อย นั่นก็คือ....มอเตอร์ไซต์บ้านๆค่ะ 555+
รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกเลยค่ะที่ลองทำ อาจจะสับสนไปบ้างต้องขอโทษเพื่อนๆไว้ก่อนเลย (>/\<)
ทริปนี้เราใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 7 วัน ค่ะ โดยแผนการเดินทางของเราคือ เราจะออกจากกรุงเทพ
ขึ้นเหนือทางเส้น สุพรรณ , กำแพงเพชร , ลำปาง แล้วเข้า เชียงใหม่
โดยจุดหมายสำคัญที่อยากไป คือ "ดอยอ่างขาง" ค่ะ
จากนั้นจะขับกลับลงมาทางเส้น เชียงราย , แพร่ , พิจิตร , พิษณุโลก , สระบุรี แล้วค่อยเข้ากรุงเทพค่ะ
วางแพลนแล้วก็ไม่รอช้าค่ะ ออกเดินทางกันเลย Go...Go....Go....
ก็ปาเข้าไปประมาณ 10 โมงค่ะ 555555
พร้อมแล้วค่ะ แอบมีพริตตี้ประจำรถด้วย 55555
**รถที่เราใช้ทริปนี้คือ........ น้อง Honda wave 125 อายุประมาณ 10 ขวบค่ะ
**ส่วนสัมภาระ ด้วยความที่เราเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์แบบมีผู้ซ้อน เราจึงไม่สามารถแบกกระเป๋าเป้ หรือมัดกระเป๋าไว้ที่นั่งด้านหลังได้
เราจึงเลือกใช้กระเป๋าไปรณีย์ค่ะ รุ่นแบบมีฝาปิด แล้วนำมาดัดแปลงเย็บซิปคู่โดยรอบ
เพื่อคล้องกุญแจกันคนเปิดเวลาเรา จอดเเวะเที่ยวตามที่ต่างๆค่ะ work มากๆค่ะ ใช้คนละฝั่งกับคุณแฟนพอดีเลย
เริ่มออกเดินทางกันเถอะ.........
จุดหมายแรกที่เราจะไปก็คือ หมู่บ้านควาย ที่สุพรรณบุรีค่ะ
ใช้เส้นทางจากบางนา วิ่งถนนสรรพาวุธไปออกพระราม4 แล้วเลี้ยวเข้าสาธรเพื่อข้ามสะพานตากสิน
แล้ววิ่งเส้นราชพฤกษ์ ยาวไปออก อยุธยา → สุพรรณบุรี
ขับแวะ ขับแวะมาชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสุพรรณล่ะค่ะ เริ่มรู้สึกเจ็บก้นนิดๆค่ะ 5555+ ในใจเริ่มคิดว่า "ถ้าถึงเชียงใหม่ ช่วงล่างชั้นต้องไร้ความรู้สึกไปเลยแน่ๆ"
ขับต่อมาอีกสักพัก เราก็ถึงจุดหมายแรกของเรา “หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย” เย้!!!!!!!
จากถนนใหญ่ เส้น 340 เลี้ยวขวาข้ามสะพาน แล้วตรงไปเล็กน้อย จะเจอหมู่บ้านควาย ตั้งอยู่ซ้ายมือค่ะ
เราถึงที่นี่ตอน บ่ายโมงครึ่งค่ะ
ในวันหยุด ที่นี่มีโชว์การแสดงของน้องๆด้วยนะคะ
ดูแล้วจะบอกเลยค่ะว่าที่เคยได้ยินกันมาว่า "โง่เหมือนควาย" นั้น ไม่จริงสักนิดค่ะ น้องๆฉลาดและน่ารักมาก
V
V
จากหมู่บ้านควายไทย เราต้องเดินทางต่อค่ะ จริงๆตั้งใจไว้ว่าจะแวะทานข้าวที่ตลาดสามชุก
แต่ไม่ได้แวะค่ะ เพราะดูจากเวลาแล้ว เกรงว่าจะถึงที่พักดึก เพราะหนทางยังอีกยาวไกลนัก
แต่ระหว่างทางเราก็ได้เจอร้านก๋วยเตี๋ยว ริมทาง ร้านนึงค่ะ ชื่อว่า “ก๋วยเตี๋ยวเรือเหล่าเต๊ง”
สะดุดตาถึงขนาดวนรถกลับมากินเพราะเหล่าไอ้มดแดงทั้งหลายนี่แหละค่ะ 555+
ที่นี่เก๋ตรงที่ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่มีพิพิธภัณฑ์ ของเก่ารวมอยู่ด้วยค่ะ
ซึ่งถ้าใครสนใจชิ้นไหนทางร้านก็ยินดีขายค่ะ
และรอบๆบริเวณร้านก็จะมี หุ่นปั้น ฮีโร่ และ ตัวการ์ตูนต่างๆ ให้เราได้ถ่ายรูปกัน เพลินเลย หุหุ ^^
ท้องอิ่มแล้ว เดินชมทั่วแล้ว เราก็ต้องเดินทางต่อค่ะ
ซึ่งยังอีกไกลมากกกกก ต้องยิงยาวเลย ชัยนาท อุทัย นครสวรรค์
จะมีก็แค่แวะเติมน้ำมัน และพักช่วงล่างของทั้งคนและรถ เป็นระยะๆ ไม่งั้นกลับไปคงได้นั่งวิลแชร์ค่ะ 5555+
ยั้งงงงจะมีอารมณ์แวะถ่ายรูปกัน555+
**พอฟ้ามืด โลกเริ่มเปลี่ยนค่ะ การขับรถยนต์เที่ยวต่างจังหวัดในตอนกลางคืนกับขับมอไซต์นี่มันคนละเรื่องกันเลยค่ะ
เราต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะความมืด บวกกับ รถใหญ่ระดับพวก 10 ล้อ และรถพ่วงจะมีมากขึ้น และขับกันเร็วขึ้น รวมถึงน้องแมลงทั้งหลายที่พากันออกเริงร่า บินชนแว่น ชนหน้า กันสนุกสนาน อีกอย่างคือ อากาศค่ะ ที่ เย็นขึ้นแบบฉับพลัน คนขี้หนาวต้องเตรียมพร้อมนะคะ
V
V
V
เช็คอินเรียบร้อย เอาของเข้าเก็บที่ห้องพักค่ะ
แล้วเราก็เจอปัญหาแรก!!! กระเป๋าไปรษณีย์เรา สีกับล้อและโช๊ค จนขาดเป็นรูค่ะ!!
ต้องหาวิธีแก้ด่วนเลยค่ะ ไม่งั้นไม่ถึงเชียงใหม่ ขับไป ร่วงไป แน่ๆค่ะ T T
ระหว่างออกไปหาข้าวเย็นกิน ผ่านร้านขายของใช้ในบ้าน คุณแฟนเดินเลือกของที่จะเอาไปซ่อมกระเป๋า
สักพัก ได้กลับมา 2 อย่างค่ะ ถาดพลาสติก กับ เชือกยืดๆรัดของ
วิธีแก้ปัญหาก็คือ เราเอาถาดพลาสติก ดามด้านผนังหลังกระเป๋าบริเวณที่ติดกับโช๊คไว้ค่ะ
เชือกยืดๆ สำหรับรัดของก็เอาเกี่ยวกับช่องใกล้ๆที่วางขา เกี่ยวฝั่งนึงพาดใต้เบาะไปอีกฝั่งนึง เพื่อกันไม่ให้กระเป๋าเข้าไปโดนล้อหรือโช๊ค
ส่วนตัวกระเป๋าที่ขาด ก็นั่งเย็บกันไปค่ะ
หมดวันแรกไปแบบทุลักทุเลมากกกก แต่ก็สนุกมาก
รวมวันแรก ขับไป 406 กม. ค่าน้ำมันประมาณ 300 บาท
พรุ่งนี้ เราต้องมุ่งหน้าขึ้นเชียงใหม่ ขับยาวๆ เลยค่ะ