IFEC ต้องการทีมชาติกอบกู้วิกฤติหาใช่มือสมัครเล่น ขุนพล“ทวิช”ตอบโจทย์ลงตัว สางปัญหาหนี้-ฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 กุมภาพันธ์ 2560 )------- ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IFEC) นาทีนี้นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธาน IFEC ถึงเวลาลงจากตำแหน่งได้แล้ว และควรเปิดทางให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหาร เพราะต้องยอมรับว่าการบริหารงานของนายวิชัยในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีความผิดพลาดและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไร้ซึ่งแผนรองรับการแก้ปัญหาหนี้ตั๋วบีอี ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ไปแล้ว และหนี้หุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนด ซึ่งถือเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่นายวิชัย ต้องหาทางแก้ไข
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/60 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งจัดขึ้นที่กองทัพเรือ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญและถือเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของ IFEC ที่ผู้ถือหุ้นเตรียมออกมาแสดงพลังร่วมกันอีกครั้ง พร้อมกับการส่งสัญญาณไปถึงนายวิชัย เป็นครั้งที่ 2 ว่า ไม่ต้องการบอร์ดชุดใหม่ที่นายวิชัยเสนอ เพื่อท้าชิงกับบอร์ดชุดที่นายทวิช เตชะนาวากุล เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ IFEC เสนอรายชื่อเข้ามา เพื่อเข้ามากอบกู้วิกฤติที่เกิดขึ้นกับ IFEC
บอร์ดชุดที่นายวิชัยประธาน IFEC เสนอมา “อีกครั้ง” ประกอบด้วย 1.นายไกรพิชญ์ โกสีย์เจริญ 2.นายชาติชาย พุคยาภรณ์ 3.พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ 4.นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ 5.พลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ 6.พลเอกณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ (แทนนายธวัชชัย เตชะวัฒนวรรณา) 7.นายสายัณห์ สุพร ซึ่งเป็นการเสนอรายชื่อเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2560 ผู้ถือหุ้นโหวตไม่เอาบอร์ดชุดใหม่ที่นายวิชัยเสนอทั้ง 5 คน
ในการประชุมในครั้งนั้น ทุกคนคาดหวังว่าบอร์ดชุดใหม่ที่ว่ากันว่า “ทีมชาติ” เลยทีเดียว นอกเหนือจากนายทวิช ที่เสนอตัวเป็น “อัศวินขี่ม้าขาว” ยังมาพร้อมกับสุดยอดขุนพล ซึ่งประกอบด้วย 1.พล.อ.สำเภา ชูศรี อดีตผู้บัญชาการทหารบก, 2.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), 3.นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารศรีนคร และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
4.รศ.ประนอม โฆวินวิพัฒน์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5.นายปริญญา วิญญรัตน์ กรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) หรือ SAUCE 6.นายพิชิต สินพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการบริษัท และกรรมอิสระ บริษัท บ้านสินทรัพย์ และ 7.นายทวิช เตชะนาวากุล เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค
เห็นได้ชัดเจนว่านายทวิช มีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC อย่างแท้จริง เพราะในวันที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ซึ่งครั้งนั้นจัดขึ้นที่กองทัพบก เขาประกาศพร้อมที่จะเข้าไปจัดการแก้ปัญหาหนี้ตั๋วบีอี ซึ่งจะครบกำหนดจ่ายคืนในวันที่ 26 มกราคม 2560 จำนวน 200 ล้านบาท ได้ทันที หากบอร์ดที่เขาเสนอได้รับการคัดเลือก
แต่การประชุมในครั้งนั้น ภายใต้การกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของนายวิชัย ไม่ได้มีการเสนอวาระให้มีการพิจารณาบอร์ดชุดใหม่ที่นายทวิช เสนอแข่งกับบอร์ดที่นายวิชัยเสนอ และผลการออกเสียงของผู้ถือหุ้นก็ไม่เอาบอร์ดที่นายวิชัยเสนอ ในที่สุด IFEC ก็ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี 200 ล้านบาท ตามคาด เพราะผู้บริหารไม่มีแผนในการจัดการปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นใน IFEC หากนายวิชัย เลือกแสดงสปิริต ด้วยการลงจากตำแหน่ง พร้อมกับเปิดทางให้บอร์ดชุดใหม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหาร IFEC เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายไปด้วยดี
เพราะ IFEC ต้องการ “ยาแรง” และหมอผ่าตัดฝีมือดี สามารถวินิจฉัยได้ตรงจุด เข้าใจโรคที่เกิดขึ้นจากการบริหารงานที่ผิดพลาด เวลานี้..ต้องการนักบริหาร นักการเงินที่มีความเป็นมืออาชีพ หรือจะเรียกว่า “ระดับทีมชาติ” เข้ามาแก้วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับโครงสร้างการเงิน ร่วมกับเจ้าหนี้
ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมานายทวิช แม้นายทวิชยังไม่ได้เข้ามานั่งในตำแหน่งบอร์ดของ IFEC แต่เขาก็รับหน้าเสื่อเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน และเข้าไปหารือนอกรอบกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อแสดงเจตนาที่ชัดเจนและตั้งใจจริง ในการเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
ต่างจากนายวิชัย ซึ่งกุมอำนาจเบ็ดเสร็จแต่ยังไม่เห็นความชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้ นอกเหนือจากการโยนบาปให้กับอดีตผู้บริหารของ IFEC ที่ลาออกไปแล้ว จนในที่สุดก็เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ลุกลามกระทบความเชื่อมั่นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน และทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แขวนเครื่องหมาย SP ส่งผลกระทบผู้ถือหุ้น
เห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC ในขณะหนี้ต้องการ “ทีมชาติ” ที่เข้ามาแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ไม่ใช่ “มือสมัครเล่น” เพราะปมปัญหาที่สำคัญของ IFEC คือ ต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้ ฟื้นฟูสถานะทางการเงิน ฟื้นความเชื่อมั่นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน คู่ค้า และที่สำคัญคือฟื้นความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้น ทำอย่างไร ที่จะพลิกฟื้นธุรกิจ ทำอย่างไรที่จะให้หุ้น IFEC กลับมาซื้อขายได้อีกครั้งในเร็ววัน หาใช่การ “ปรองดอง” อย่างที่นายวิชัย พยายามจะนำเสนอ เพราะนายทวิช ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของนายวิชัย... แต่ “ทวิช เตชะนาวากุล” คือผู้ที่ขออาสาเข้ามาพลิกฟื้นสถานการณ์ของบริษัทพร้อมกับขุนศึกมืออาชีพ
14 กุมภาพันธ์ 2560 จึงเป็นวันที่ชี้ชะตา และอนาคตของ IFEC ที่ฝากความหวังไว้กับ “ทีมชาติ” ใช่ “มือสมัครเล่น” ผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่เป็นผู้เลือก
(สุกัญญา ศิริรวง รายงาน; เรียบเรียง;โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com/ )
ที่มา: หุ้นอินไซด์
IFEC ผลการเลือกตั้งกรรมการน่าจะออกมาแบบชัดเจน
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 กุมภาพันธ์ 2560 )------- ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IFEC) นาทีนี้นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธาน IFEC ถึงเวลาลงจากตำแหน่งได้แล้ว และควรเปิดทางให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาบริหาร เพราะต้องยอมรับว่าการบริหารงานของนายวิชัยในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีความผิดพลาดและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไร้ซึ่งแผนรองรับการแก้ปัญหาหนี้ตั๋วบีอี ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ไปแล้ว และหนี้หุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนด ซึ่งถือเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่นายวิชัย ต้องหาทางแก้ไข
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/60 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งจัดขึ้นที่กองทัพเรือ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญและถือเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของ IFEC ที่ผู้ถือหุ้นเตรียมออกมาแสดงพลังร่วมกันอีกครั้ง พร้อมกับการส่งสัญญาณไปถึงนายวิชัย เป็นครั้งที่ 2 ว่า ไม่ต้องการบอร์ดชุดใหม่ที่นายวิชัยเสนอ เพื่อท้าชิงกับบอร์ดชุดที่นายทวิช เตชะนาวากุล เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ IFEC เสนอรายชื่อเข้ามา เพื่อเข้ามากอบกู้วิกฤติที่เกิดขึ้นกับ IFEC
บอร์ดชุดที่นายวิชัยประธาน IFEC เสนอมา “อีกครั้ง” ประกอบด้วย 1.นายไกรพิชญ์ โกสีย์เจริญ 2.นายชาติชาย พุคยาภรณ์ 3.พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ 4.นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ 5.พลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ 6.พลเอกณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ (แทนนายธวัชชัย เตชะวัฒนวรรณา) 7.นายสายัณห์ สุพร ซึ่งเป็นการเสนอรายชื่อเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2560 ผู้ถือหุ้นโหวตไม่เอาบอร์ดชุดใหม่ที่นายวิชัยเสนอทั้ง 5 คน
ในการประชุมในครั้งนั้น ทุกคนคาดหวังว่าบอร์ดชุดใหม่ที่ว่ากันว่า “ทีมชาติ” เลยทีเดียว นอกเหนือจากนายทวิช ที่เสนอตัวเป็น “อัศวินขี่ม้าขาว” ยังมาพร้อมกับสุดยอดขุนพล ซึ่งประกอบด้วย 1.พล.อ.สำเภา ชูศรี อดีตผู้บัญชาการทหารบก, 2.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), 3.นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารศรีนคร และอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
4.รศ.ประนอม โฆวินวิพัฒน์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5.นายปริญญา วิญญรัตน์ กรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) หรือ SAUCE 6.นายพิชิต สินพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการบริษัท และกรรมอิสระ บริษัท บ้านสินทรัพย์ และ 7.นายทวิช เตชะนาวากุล เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค
เห็นได้ชัดเจนว่านายทวิช มีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC อย่างแท้จริง เพราะในวันที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ซึ่งครั้งนั้นจัดขึ้นที่กองทัพบก เขาประกาศพร้อมที่จะเข้าไปจัดการแก้ปัญหาหนี้ตั๋วบีอี ซึ่งจะครบกำหนดจ่ายคืนในวันที่ 26 มกราคม 2560 จำนวน 200 ล้านบาท ได้ทันที หากบอร์ดที่เขาเสนอได้รับการคัดเลือก
แต่การประชุมในครั้งนั้น ภายใต้การกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของนายวิชัย ไม่ได้มีการเสนอวาระให้มีการพิจารณาบอร์ดชุดใหม่ที่นายทวิช เสนอแข่งกับบอร์ดที่นายวิชัยเสนอ และผลการออกเสียงของผู้ถือหุ้นก็ไม่เอาบอร์ดที่นายวิชัยเสนอ ในที่สุด IFEC ก็ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี 200 ล้านบาท ตามคาด เพราะผู้บริหารไม่มีแผนในการจัดการปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้น
ปัญหาที่เกิดขึ้นใน IFEC หากนายวิชัย เลือกแสดงสปิริต ด้วยการลงจากตำแหน่ง พร้อมกับเปิดทางให้บอร์ดชุดใหม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหาร IFEC เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายไปด้วยดี
เพราะ IFEC ต้องการ “ยาแรง” และหมอผ่าตัดฝีมือดี สามารถวินิจฉัยได้ตรงจุด เข้าใจโรคที่เกิดขึ้นจากการบริหารงานที่ผิดพลาด เวลานี้..ต้องการนักบริหาร นักการเงินที่มีความเป็นมืออาชีพ หรือจะเรียกว่า “ระดับทีมชาติ” เข้ามาแก้วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องการปรับโครงสร้างหนี้ ปรับโครงสร้างการเงิน ร่วมกับเจ้าหนี้
ซึ่งในห้วงเวลาที่ผ่านมานายทวิช แม้นายทวิชยังไม่ได้เข้ามานั่งในตำแหน่งบอร์ดของ IFEC แต่เขาก็รับหน้าเสื่อเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน และเข้าไปหารือนอกรอบกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อแสดงเจตนาที่ชัดเจนและตั้งใจจริง ในการเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
ต่างจากนายวิชัย ซึ่งกุมอำนาจเบ็ดเสร็จแต่ยังไม่เห็นความชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้ นอกเหนือจากการโยนบาปให้กับอดีตผู้บริหารของ IFEC ที่ลาออกไปแล้ว จนในที่สุดก็เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ลุกลามกระทบความเชื่อมั่นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน และทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แขวนเครื่องหมาย SP ส่งผลกระทบผู้ถือหุ้น
เห็นได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC ในขณะหนี้ต้องการ “ทีมชาติ” ที่เข้ามาแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ไม่ใช่ “มือสมัครเล่น” เพราะปมปัญหาที่สำคัญของ IFEC คือ ต้องเร่งแก้ปัญหาหนี้ ฟื้นฟูสถานะทางการเงิน ฟื้นความเชื่อมั่นเจ้าหนี้สถาบันการเงิน คู่ค้า และที่สำคัญคือฟื้นความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้น ทำอย่างไร ที่จะพลิกฟื้นธุรกิจ ทำอย่างไรที่จะให้หุ้น IFEC กลับมาซื้อขายได้อีกครั้งในเร็ววัน หาใช่การ “ปรองดอง” อย่างที่นายวิชัย พยายามจะนำเสนอ เพราะนายทวิช ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของนายวิชัย... แต่ “ทวิช เตชะนาวากุล” คือผู้ที่ขออาสาเข้ามาพลิกฟื้นสถานการณ์ของบริษัทพร้อมกับขุนศึกมืออาชีพ
14 กุมภาพันธ์ 2560 จึงเป็นวันที่ชี้ชะตา และอนาคตของ IFEC ที่ฝากความหวังไว้กับ “ทีมชาติ” ใช่ “มือสมัครเล่น” ผู้ถือหุ้นเท่านั้นที่เป็นผู้เลือก
(สุกัญญา ศิริรวง รายงาน; เรียบเรียง;โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com/ )
ที่มา: หุ้นอินไซด์