ถ้าคุณโดนแฟนดึงเงินสดคุณไปปลูกบ้านราคาหลายล้านแต่เขาให้ตังคุณเดือนละ 5 หมื่น คุณจะรู้สึกยังไง

เริ่มเรื่องเลยละกันนะครับ
แม่ผมทำการค้าขายเก็บเงินได้หลายล้านเลยอยากถอยออกจากสังเวียนกลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายที่บ้านเกิด
แม่ผมก็ดูไม้บ้านแพร่เอาไว้หลังละประมาณสองล้าน ที่จะซื้อบ้านไม้แบบนี้ก็เพราะว่ามันสามารถรื้อไปประกอบที่อื่นได้ถ้าอยากย้ายถิ่นฐาน
แต่พ่อผมที่เป็นวิศวะเงินเดือนประมาณ 3 แสน ทำงานไปๆมาๆที่ลาวกับไทย(ไม่มีใครรู้นะว่าเขามีเงินอยู่เท่าไหร่รู้แต่เงินเดือน)
รู้ว่าแม่ผมจะซื้อบ้านไม้พ่อผมอยากได้บ้านทรงไทยมากเลยคิดจะทำบ้านทรงไทยเอง
เขาคิดว่าไม่น่าจะทำยากและตีงบประมาณออกมาได้ประมาณ 1.5 ล้านถูกกว่าบ้านแพร่อีก
ได้บ้านทรงไทยด้วย แม่ผมก็ตามใจพ่อเนื่องจากเชื่อว่าเขาเป็นวิศวะเรื่องสร้างบ้านคงไม่พลาดหรอก
พอจะเริ่มสร้างปัญหาแรกก็เกิดแล้วครับเนื่องจากแม่ผมมีคอนเนคชั่นที่ดีจากการทำค้าขาย
ก็เลยมีคนแนะนำว่าให้ไปซื้อไม้สักเก่ามาทำบ้าน
เนื่องจากไม้สักเก่ามันแข็งแล้วไม่หดทนทานและมันตัดมาหนาเผื่อไสแล้วด้วย
แต่พ่อผมไม่ยอมครับ เรื่องอะไรจะไปใช้ไม้เก่าเขาว่าแบบนี้
แล้วก็บอกให้แม่ผมไปติดต่อซื้อไม้สักต้นใหม่ที่พึ่งตัดมาใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างบ้านนี้ โดยที่เขายืนยันว่าดีแน่นอน
แม่ผมก็ทำตาม พอมาเรื่องช่างแม่ผมจะจ่างช่างจากอยุธยามาทำแต่เขาเรียกเงิน 5 แสนเป็นค่าแรงแม่ผมก็มาปรึกษาพ่อในเรื่องนี้
แม่คิดว่างานเขาดีจริงสมราคาห้าแสนจึงมีความเห็นว่าสมควรจ้าง แต่พ่อผมไม่เห็นด้วยเขาคิดว่าเขาเป็นคนคุมตรวจงานเองก็ได้
ไม่ต้องไปจ้างห้าแสน จ้างช่างแถวนี้เอาให้เงินเดือนไปซักสองหมื่น ก็น่าจะประหยัดไปได้เยอะ
ทีนี้ปัญหาหนังแล้วครับ ช่างไม้แถวนี้มันไม่เป็นงาน พ่อก็ชี้นิ้วสั่งเอาๆ ช่างก็หลับหูหลับตาทำ
ไปๆมาๆงานลากยาวไปเป็นปีหมดงบไปกว่า 4 ล้านบ้านก็ยังไม่เสร็จ
เนื่องจากพ่ออยากได้บ้านไม้สักล้วน ซื้อไม้ใหม่มาตัดรอมันหดแล้วก็ค่อยทำ
แล้วแม่ผมก็ต้องอยู่กระต๊อบมุงจากที่สร้างมาอยู่ชั่วคราวมาเป็นปี
ต้องไปเฝ้าไม้อยู่นาน งานก็ไม่ค่อยเดิน แม่ผมจึงตัดสินใจจะหยุดปล่อยมันไว้แบบนี้แหละเสียแล้วเสียไปอยู่บ้านปูนก็ได้
พอจะสร้างบ้านปูนเลยบอกพ่อผม พ่อก็ไม่ยอมบอกว่าบ้านจะเสร็จแล้วเหลือแค่ฝากับพื้นบ้านเอง กัดฟันอีกล้านน่าจะอยู่
คุยกันหลายรอบแล้วก็สรุปออกมาได้แบบนี้ แม่ผมจึงกัดฟันสร้างบ้านจนเสร็จ โดยที่มีพ่อมากำกับเดือนละไม่กี่วัน
สรุปแม่ผมหมดเงินไปห้าล้านห้าแสน เหลือเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงสองแสน แต่พ่อไม่เคยออกตังสร้างบ้านหลังนี้เลย
แม่บอกพ่อว่าตังหมดแล้วนะต้องพึ่งพ่อแล้วแหละ แล้วพ่อก็ให้เงินเดือนแม่มา ห้าหมื่น ต่อเดือน ซึ่งต้องส่งเงินให้น้องที่เรียนเนติอยู่
แล้วก็ต้องผ่อนรถที่พ่อบอกว่าจะซื้อให้ สรุปเหลือเงินใช้จ่ายอยู่ประมาณสองหมื่น
แม่ผมก็นำเงินที่เหลือไม่กี่แสนลงทุนปลูกสวนไผ่กิมซุงผ่านไปปีกว่าจนมันออกหน่อพอค่ากินค่าอยู่ครอบครัว
พอพ่อผมเห็นว่าแม่มีรายได้แล้วก็เลยไม่ให้ตังอีก
พอเห็นว่ารายได้จากสวนไผ่ค่อนข้างดี แม่ก็เลยคิดจะเอาลำไยที่บ้านออกปลูกไผ่แทน พ่อผมก็เห็นด้วย
แม่ผมเลยสั่งกล้าไผ่มา มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 หมื่น แต่ไปๆมาๆพ่อผมไม่อนุมัติบอกว่าไม่ได้อนุมัติให้ซื้อกล้ามันเปลือง
ให้ตอนกิ่งที่สวนมาปลุกที่บ้านเอาเองสิ แม่ผมทำอะไรไม่ถูกเลยหงอยไปเลย พอหงอยไปซักพัก
เกิดเรื่องอีกลูกพี่ลูกน้องผมซึ่งเป็นลูกของลุง(พี่ของพ่อ) เขาทำธุรกิจ GPS ติดรถต้องการเงินทุนประมาณ 5แสน มายืมเงิน
พ่อผมไม่ตรวจสอบไม่อะไรซักอย่างรีบไปโอนเงินให้เขาทันที แม่ผมก็ยิ่งนอยไปใหญ่เลยสิครับ ขอเงินมาปลุกไผ่ที่บ้าน 1 หมื่นไม่ให้
หลานที่ไม่เคยเจอหน้าเป็นยี่สิบมาขอยืมตังให้ทันที
ความเครียดทุกอย่างที่แม่ผมได้รับก็ปะทุออกมาจนเลิกกับพ่อไปในที่สุด
เงินและทรัพย์สินที่พ่อมีทั้งหมดก็ไม่ยอมแบ่งด้วยทนไม่ไหว (คือถ้าจะแบ่งก็ไม่ยอมเลิก)
ตอนนี้ผมก็มาอยู่กับแม่ช่วยแม่ดูแลสวนไผ่อยู่

ถ้าคุณเป็นแม่ผมคุณจะรู้สึกยังไงแล้วคุณจะทำเหมือนแม่ผมไหม
ปล.ตลอด 30 ปีที่แต่งงานกันมาพ่อไม่เคยให้เงินแม่ผมเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขามีเงินเท่าไหร่ด้วย
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต ครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่