สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ในที่สุดประสบการ์ณการเข้าร่วมแข่งขันไวโอลินในระดับภูมิภาคของน้องอันนาและครอบครัวเราก็ได้สิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้นะคะ หลังจากที่ฝึกซ้อมกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
นับว่าได้ผลลัพท์ที่แสนจะพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กๆ ตัวเล็กๆ อย่างอันนาที่ได้คะแนนเต็ม 100% จากการแสดงฝีมือการเล่นไวโอลินในครั้งนี้ในประเภทดูโอร่วมกับเพื่อนของเธอคือ อันนิค่า

ประสบการณ์ที่แสนจะตื่นเต้นนี้ เริ่มต้นในเวลาเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ค่ะ โดยเราตื่นขึ้นแต่เช้าเป็นคนแรกของบ้านเช่นเคย เพื่อคอยจัดเตรียมอาหารเช้า เสื้อผ้าของเด็กๆ ซึ่งกติกาของการแต่งกายเพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขันไวโอลิน คือ เด็กๆ ควรจะใส่ชุดสีขาว หรือ สีดำค่ะ เราด็จัดเตรียมสีขาวนะคะ เพราะคิดว่า สีขาวน่าจะเหมาะกับอันนามากกว่าสีดำ ทีนี้สำหรับสามใบเถา หากคนหนึ่งแต่งตัวสวยเนี่ย อีกสองคนจะต้องสวยด้วยค่ะ เป็นธรรมดาของคนมีลูกหลายคนที่ลูกๆ ต้องการความเท่าเทียมกัน 55 ดังนั้น ทั้งสามสาวก็ใส่ชุดสีขาวสวยเหมือนกันหมดเลยค่า

พอถึงเวลาแปดโมงเช้า พวกเราก็ออกเดินทางขับรถไปยังเมืองที่มีชื่อว่า Schramberg ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจากบ้านของพวกเราค่ะ เด็กๆ ก็ดูครึกครื้นกันดี ถามนู่นถามนี่ ร้องเพลงกันเสียงดังทีเดียวภายในรถ
Schramberg เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาค่ะ ลักษณะของเมืองจึงเหมือนอยู่ในร่มตลอดเวลา แต่จัดว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารักเมืองหนึ่ง
พอพวกเรามาถึงเมือง Schramberg และทำการค้นหาสถานที่จัดการประกวดดนตรีระดับภูมิภาค หรือ Jugend Musiziert จนพบแล้ว พวกเราก็พาอันนาไปลงทะเบียนค่ะ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลก็พบว่า ในประเภทเครื่องสายไวโอลินนั้น อันนากับพาร์ทเนอร์ของเธอจะได้เล่นเป็นคู่แรกในประเภทการประกวดเด็กที่มีอายุระหว่าง 6 - 8 ปี

เราและสามีก็ตื่นเต้นตามประสาพ่อแม่และประสบการณ์ครั้งแรกในการเข้าร่วมงานประกวดดนตรีในครั้งนี้ แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว ดูเหมือนว่า จะไม่มีคำว่า ตื่นเต้น ในหัวสมองเลย เพราะเมื่อสามสาวเจออันนิค่าที่งาน พวกเธอก็พากันวิ่งไล่จับกันในงานอย่างสนุกสนานโดยคงลืมไปแล้วว่าพวกเธอมาที่นี่เพื่อจะมาแข่งขันนะ รวมถึงคงลืมไปแล้วว่า โดยเฉพาะทั้งสามสาวว่า พวกเธอใส่ชุดสีขาวสวยกัน
อย่างไรก็ดี พอคุณครูไวโอลินของอันนาและอันนิค่าเดินทางมาถึง เด็กๆ ก็ถูกนำไปแยกซ้อมและเตรียมตัวสู่การแข่งขันในเวลาอันใกล้ในทันที ที่น่าสนใจคือ พอเด็กๆ เห็นคุณครูปุ๊บก็หยุดวิ่งทันที เข้ามาทักทายคุณครู และตรงรี่ไปยังกระเป๋าไวโอลินของตัวเอง ค้นหาโน๊ตเพลง เพื่อเตรียมตัวสู่การฝึกซ้อมก่อนเข้าสู่ประตูหัองการแข่งขันในอีกประมาณ 30 นาทีข้างหน้าค่ะ
ในช่วงเวลานี้ เราและมาร์คุสก็ต้องออกมารอนอกห้องฝึกซ้อมกับเลาร่า และโซเฟีย พร้อมทั้งจัดแจงเตรียมของเล่น ขนมปัง น้ำดื่ม เอาไว้ให้กับคนที่จะมาช่วยดูเลาร่าและโซเฟียค่ะ เนื่องจากการประกวดดนตรีในครั้งนี้เป็นงานใหญ่และไม่ควรจะให้เด็กเล็กๆ เข้าไปส่งเสียงรบกวนสมาธิในห้องแข่งขัน

เมื่อเวลาการแข่งขันมาถึง เราและสามี รวมถึงผู้เข้าชมคนอื่นๆ ก็พากันเดินไปในห้องที่อันนาและอันนิค่าต้องแสดงฝีมือดูโอไวโอลินค่ะ หลังจากนั้น คณะกรรมการอีกสี่ท่านก็เดินเรียงรายกันเข้ามา โดยมีพิธีกรประจำงานได้กล่าวแนะนำแต่ละท่านให้เป็นที่รู้จัก และแล้วเวลาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเราก็มาถึง เมื่อประตูห้องการประกวดได้เปิดออกอีกครั้ง และขบวนของอันนาและอันนิค่า ที่นำโดยคุณครูสอนไวโอลินของพวกเธอก็มาถึง เด็กๆ ดูไม่ตื่นตระหนกเลย ยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุข ภายหลังที่พิธีกรแนะนำชื่อเสียงเรียงนามของเด็กๆ และบทเพลงที่พวกเธอจะบรรเลง The show must go on ของเด็กๆ ทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น
เราจับมือสามีแน่นเลยค่ะ คือ รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นมากว่าเด็กๆ จะเล่นกันเป็นอย่างไร จะมีเล่นผิดจังหวะ ผิดโทนไหม ระหว่างที่ฟังไป หัวใจเราก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเราตัดสินใจหลับตาลงเพื่อคุมสติ 555 ถึงขนาดนั้นเชียวค่ะ คือ ขอใช้หูฟังเพลงอย่างสงบอย่างเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ นะคะ ก็ลืมตาขึ้นไปมานั่นแหละค่ะ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นแต่ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม และความมั่นใจของอันนานะคะ จนระลึกได้ว่า นี่เราหนอจะโอเวอร์เวอรี่มัชอะไรมากมาย ดูลูกเราสิ เขาดูมีความสุขมากในระหว่างที่เล่นดนตรี แล้วเราจะมาใจเต้นตูมตามให้เสียอรรถรสทำไมล่ะเนี่ย เฮ้อออ ว่าแล้วก็เริ่มทำใจให้สงบ และเพ่งสมาธิจดจ่อไปที่เสียงเพลงที่ไพเราะของอันนาและอันนิค่าต่อไป ซึ่งพอคิดได้แบบนี้แล้ว ความรู้สึกจากที่บีบหัวใจให้เต้นแรง ตุ๊บ ตั๊บ ด้วยความตื่นเต้นแทนลูกนั้น ก็ถูกเปลี่ยนเป็นความรู้สึกตื้นตันใจ (อีกละ) ที่ได้เห็นวันนี้ วันที่อันนามีพัฒนาการที่มากขึ้นทั้งในด้านดนตรี บุคลิกภาพ ความรับผิดชอบ จนเราน้ำตาเกือบจะรื้นออกมาค่ะ คือ มันเป็นอะไรที่อินและเรื่องเยอะสำหรับคนเป็นแม่ใช่ไหมคะ 55 แต่มันเป็นเรื่องจริงเลย ในขณะที่คนเป็นพ่ออย่างสามีของเรานั้น ดูสงบ พร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจและความรักในลูกสาวแทน

และแล้ว การแสดงความสามารถในการเล่นไวโอลินของอันนาและอันนิค่าก็ได้สิ้นสุดลงพร้อมเสียงปรบมืออันดัง เราและสามีก็ยิ้มให้กันและกัน แบบพอจะรู้ว่าการเล่นไวโอลินของทั้งสองสาวในครั้งนี้นั้นดูจะเพอร์เฟคนะ แต่ก็นั่นเป็นเพียงความคิดเห็นของเราสองคนตามประสาพ่อแม่ที่ฝึกฝนบทเพลงเหล่านี้มากับเด็กๆ ตลอดเวลาสามเดือนผ่านมาค่ะ ยังคงต้องรอผลการประกวดของจริงที่จะมาถึงในยามบ่ายต่อไป
หลังจากนั้น พวกเราก็พากันแยกย้ายกันไปในบริเวณของงานประกวดที่มีขนมปัง กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ ที่จัดเตรัยมไว้ให้ผู้ร่วมประกวดและครอบครัวค่ะ คนเยอะทีเดียว แบบที่ไม่มีที่นั่งให้พวกเราแล้ว ก็เป็นอันว่า พวกเราและเด็กๆ ก็หาที่นั่งกับพื้นเพื่อทำปิกนิคในอาคารกันค่ะ เด็กๆ สนุกสนานกันอีกรอบ หลังจากทานอาหารเสร็จพากันเล่นจ้ำจี้สไตล์เยอรมัน เล่นเกมส์เมมโมรี่ กันเป็นวงอย่างสนุกสนาน ในท่ามกลางสายตาที่เอ็นดูและรอยยิ้มของผู้คนที่นั่นที่มองมายังกลุ่มของสามใบเถาค่ะ
ในที่สุดผลการประกวดก็มาถึง โดยชายวัยกลางคนที่เดินเข้าในบริเวณที่เราและผู้คนยืนนั่งกันอยู่อย่างหนาแน่น ชายคนนี้ได้ทักทายผู้คนด้วยความยิ้มแย้มและในนามของกองประกวด Jugend Musiziert เขาก็แสดงความยินดี และแจ้งผลคะแนนตามลำดับรายชื่อและประเภทเครื่องดนตรี

พอมาถึงเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายหรือไวโอลิน ชื่อของอันนาและอันนิค่า ก็ปรากฏเป็นรายชื่อแรก ทั้งนี้เพราะพวกเธออยู่ในประเภทที่มีอายุน้อยที่สุด โดยอย่างที่บอกเพื่อนๆ ไปว่า อันนาอายุน้อยที่สุดในการประกวดครั้งนี้ ผลที่ได้เป็นที่น่าดีใจมากค่ะ เพราะอันนาและอันนิค่า ได้คะแนนเต็ม 25/25 ค่ะ พอประกาศผลเสร็จพวหเราก็เฮกันใหญ่เลย แันนาวิ่งมาหาเราและสามี บอกว่า ปะป๊า มาม๊า หนูได้ 25 เต็ม 25 มันหมายความว่า ...แล้วปะป๊าก็รีบตอบว่า มันหมายความว่า มันเป็นคะแนนเต็มงัยลูก พร้อมทั้งยิ้มหวานให้ลูกสาวอย่างภูมิใจ
หลังจากนี้ พวกเราก็เดินทางกลับบ้าน พร้อมทั้งได้รับการแจ้งว่า ในวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะมาถึงนี้ ในช่วงเย็น อันนาต้องเดินทางไปที่โรงเรียนดนตรีประจำเมือง เพื่อไปถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ประจำทัองถิ่นค่ะ พร้อมทั้งมีนัดหมายให้ไปร่วมเล่นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ระดับเมืองอีกสองครั้งในฐานะผู้ชนะการประกวดการแข่งขันดนตรีในระดับภูมิภาคในครั้งนี้ค่า
ความสำเร็จนี้หอมหวล แต่กว่าจะได้มานี่ไม่ง่ายเลยอย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวต่อไปในก้าวที่ไกลกว่าในอนาคตค่ะ
เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนในการก้าวไปสู่ฝันที่ต้องการเช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/aDiaryofaDr.MomofThreeGirls/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.youtube.com/channel/UCQ9Gs2UtTeSrNybmcB3QCbA
เล่าประสบการณ์ลูกสาว (6ขวบ) ชนะการประกวดไวโอลินระดับเยาวชน ในระดับภูมิภาค ประเทศเยอรมนี โดยได้คะแนนเต็มค่า
นับว่าได้ผลลัพท์ที่แสนจะพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กๆ ตัวเล็กๆ อย่างอันนาที่ได้คะแนนเต็ม 100% จากการแสดงฝีมือการเล่นไวโอลินในครั้งนี้ในประเภทดูโอร่วมกับเพื่อนของเธอคือ อันนิค่า
ประสบการณ์ที่แสนจะตื่นเต้นนี้ เริ่มต้นในเวลาเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ค่ะ โดยเราตื่นขึ้นแต่เช้าเป็นคนแรกของบ้านเช่นเคย เพื่อคอยจัดเตรียมอาหารเช้า เสื้อผ้าของเด็กๆ ซึ่งกติกาของการแต่งกายเพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขันไวโอลิน คือ เด็กๆ ควรจะใส่ชุดสีขาว หรือ สีดำค่ะ เราด็จัดเตรียมสีขาวนะคะ เพราะคิดว่า สีขาวน่าจะเหมาะกับอันนามากกว่าสีดำ ทีนี้สำหรับสามใบเถา หากคนหนึ่งแต่งตัวสวยเนี่ย อีกสองคนจะต้องสวยด้วยค่ะ เป็นธรรมดาของคนมีลูกหลายคนที่ลูกๆ ต้องการความเท่าเทียมกัน 55 ดังนั้น ทั้งสามสาวก็ใส่ชุดสีขาวสวยเหมือนกันหมดเลยค่า
พอถึงเวลาแปดโมงเช้า พวกเราก็ออกเดินทางขับรถไปยังเมืองที่มีชื่อว่า Schramberg ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจากบ้านของพวกเราค่ะ เด็กๆ ก็ดูครึกครื้นกันดี ถามนู่นถามนี่ ร้องเพลงกันเสียงดังทีเดียวภายในรถ
Schramberg เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาค่ะ ลักษณะของเมืองจึงเหมือนอยู่ในร่มตลอดเวลา แต่จัดว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารักเมืองหนึ่ง
พอพวกเรามาถึงเมือง Schramberg และทำการค้นหาสถานที่จัดการประกวดดนตรีระดับภูมิภาค หรือ Jugend Musiziert จนพบแล้ว พวกเราก็พาอันนาไปลงทะเบียนค่ะ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลก็พบว่า ในประเภทเครื่องสายไวโอลินนั้น อันนากับพาร์ทเนอร์ของเธอจะได้เล่นเป็นคู่แรกในประเภทการประกวดเด็กที่มีอายุระหว่าง 6 - 8 ปี
เราและสามีก็ตื่นเต้นตามประสาพ่อแม่และประสบการณ์ครั้งแรกในการเข้าร่วมงานประกวดดนตรีในครั้งนี้ แต่สำหรับเด็กๆ แล้ว ดูเหมือนว่า จะไม่มีคำว่า ตื่นเต้น ในหัวสมองเลย เพราะเมื่อสามสาวเจออันนิค่าที่งาน พวกเธอก็พากันวิ่งไล่จับกันในงานอย่างสนุกสนานโดยคงลืมไปแล้วว่าพวกเธอมาที่นี่เพื่อจะมาแข่งขันนะ รวมถึงคงลืมไปแล้วว่า โดยเฉพาะทั้งสามสาวว่า พวกเธอใส่ชุดสีขาวสวยกัน
อย่างไรก็ดี พอคุณครูไวโอลินของอันนาและอันนิค่าเดินทางมาถึง เด็กๆ ก็ถูกนำไปแยกซ้อมและเตรียมตัวสู่การแข่งขันในเวลาอันใกล้ในทันที ที่น่าสนใจคือ พอเด็กๆ เห็นคุณครูปุ๊บก็หยุดวิ่งทันที เข้ามาทักทายคุณครู และตรงรี่ไปยังกระเป๋าไวโอลินของตัวเอง ค้นหาโน๊ตเพลง เพื่อเตรียมตัวสู่การฝึกซ้อมก่อนเข้าสู่ประตูหัองการแข่งขันในอีกประมาณ 30 นาทีข้างหน้าค่ะ
ในช่วงเวลานี้ เราและมาร์คุสก็ต้องออกมารอนอกห้องฝึกซ้อมกับเลาร่า และโซเฟีย พร้อมทั้งจัดแจงเตรียมของเล่น ขนมปัง น้ำดื่ม เอาไว้ให้กับคนที่จะมาช่วยดูเลาร่าและโซเฟียค่ะ เนื่องจากการประกวดดนตรีในครั้งนี้เป็นงานใหญ่และไม่ควรจะให้เด็กเล็กๆ เข้าไปส่งเสียงรบกวนสมาธิในห้องแข่งขัน
เมื่อเวลาการแข่งขันมาถึง เราและสามี รวมถึงผู้เข้าชมคนอื่นๆ ก็พากันเดินไปในห้องที่อันนาและอันนิค่าต้องแสดงฝีมือดูโอไวโอลินค่ะ หลังจากนั้น คณะกรรมการอีกสี่ท่านก็เดินเรียงรายกันเข้ามา โดยมีพิธีกรประจำงานได้กล่าวแนะนำแต่ละท่านให้เป็นที่รู้จัก และแล้วเวลาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเราก็มาถึง เมื่อประตูห้องการประกวดได้เปิดออกอีกครั้ง และขบวนของอันนาและอันนิค่า ที่นำโดยคุณครูสอนไวโอลินของพวกเธอก็มาถึง เด็กๆ ดูไม่ตื่นตระหนกเลย ยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุข ภายหลังที่พิธีกรแนะนำชื่อเสียงเรียงนามของเด็กๆ และบทเพลงที่พวกเธอจะบรรเลง The show must go on ของเด็กๆ ทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น
เราจับมือสามีแน่นเลยค่ะ คือ รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นมากว่าเด็กๆ จะเล่นกันเป็นอย่างไร จะมีเล่นผิดจังหวะ ผิดโทนไหม ระหว่างที่ฟังไป หัวใจเราก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเราตัดสินใจหลับตาลงเพื่อคุมสติ 555 ถึงขนาดนั้นเชียวค่ะ คือ ขอใช้หูฟังเพลงอย่างสงบอย่างเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ นะคะ ก็ลืมตาขึ้นไปมานั่นแหละค่ะ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นแต่ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม และความมั่นใจของอันนานะคะ จนระลึกได้ว่า นี่เราหนอจะโอเวอร์เวอรี่มัชอะไรมากมาย ดูลูกเราสิ เขาดูมีความสุขมากในระหว่างที่เล่นดนตรี แล้วเราจะมาใจเต้นตูมตามให้เสียอรรถรสทำไมล่ะเนี่ย เฮ้อออ ว่าแล้วก็เริ่มทำใจให้สงบ และเพ่งสมาธิจดจ่อไปที่เสียงเพลงที่ไพเราะของอันนาและอันนิค่าต่อไป ซึ่งพอคิดได้แบบนี้แล้ว ความรู้สึกจากที่บีบหัวใจให้เต้นแรง ตุ๊บ ตั๊บ ด้วยความตื่นเต้นแทนลูกนั้น ก็ถูกเปลี่ยนเป็นความรู้สึกตื้นตันใจ (อีกละ) ที่ได้เห็นวันนี้ วันที่อันนามีพัฒนาการที่มากขึ้นทั้งในด้านดนตรี บุคลิกภาพ ความรับผิดชอบ จนเราน้ำตาเกือบจะรื้นออกมาค่ะ คือ มันเป็นอะไรที่อินและเรื่องเยอะสำหรับคนเป็นแม่ใช่ไหมคะ 55 แต่มันเป็นเรื่องจริงเลย ในขณะที่คนเป็นพ่ออย่างสามีของเรานั้น ดูสงบ พร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจและความรักในลูกสาวแทน
และแล้ว การแสดงความสามารถในการเล่นไวโอลินของอันนาและอันนิค่าก็ได้สิ้นสุดลงพร้อมเสียงปรบมืออันดัง เราและสามีก็ยิ้มให้กันและกัน แบบพอจะรู้ว่าการเล่นไวโอลินของทั้งสองสาวในครั้งนี้นั้นดูจะเพอร์เฟคนะ แต่ก็นั่นเป็นเพียงความคิดเห็นของเราสองคนตามประสาพ่อแม่ที่ฝึกฝนบทเพลงเหล่านี้มากับเด็กๆ ตลอดเวลาสามเดือนผ่านมาค่ะ ยังคงต้องรอผลการประกวดของจริงที่จะมาถึงในยามบ่ายต่อไป
หลังจากนั้น พวกเราก็พากันแยกย้ายกันไปในบริเวณของงานประกวดที่มีขนมปัง กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ ที่จัดเตรัยมไว้ให้ผู้ร่วมประกวดและครอบครัวค่ะ คนเยอะทีเดียว แบบที่ไม่มีที่นั่งให้พวกเราแล้ว ก็เป็นอันว่า พวกเราและเด็กๆ ก็หาที่นั่งกับพื้นเพื่อทำปิกนิคในอาคารกันค่ะ เด็กๆ สนุกสนานกันอีกรอบ หลังจากทานอาหารเสร็จพากันเล่นจ้ำจี้สไตล์เยอรมัน เล่นเกมส์เมมโมรี่ กันเป็นวงอย่างสนุกสนาน ในท่ามกลางสายตาที่เอ็นดูและรอยยิ้มของผู้คนที่นั่นที่มองมายังกลุ่มของสามใบเถาค่ะ
ในที่สุดผลการประกวดก็มาถึง โดยชายวัยกลางคนที่เดินเข้าในบริเวณที่เราและผู้คนยืนนั่งกันอยู่อย่างหนาแน่น ชายคนนี้ได้ทักทายผู้คนด้วยความยิ้มแย้มและในนามของกองประกวด Jugend Musiziert เขาก็แสดงความยินดี และแจ้งผลคะแนนตามลำดับรายชื่อและประเภทเครื่องดนตรี
พอมาถึงเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายหรือไวโอลิน ชื่อของอันนาและอันนิค่า ก็ปรากฏเป็นรายชื่อแรก ทั้งนี้เพราะพวกเธออยู่ในประเภทที่มีอายุน้อยที่สุด โดยอย่างที่บอกเพื่อนๆ ไปว่า อันนาอายุน้อยที่สุดในการประกวดครั้งนี้ ผลที่ได้เป็นที่น่าดีใจมากค่ะ เพราะอันนาและอันนิค่า ได้คะแนนเต็ม 25/25 ค่ะ พอประกาศผลเสร็จพวหเราก็เฮกันใหญ่เลย แันนาวิ่งมาหาเราและสามี บอกว่า ปะป๊า มาม๊า หนูได้ 25 เต็ม 25 มันหมายความว่า ...แล้วปะป๊าก็รีบตอบว่า มันหมายความว่า มันเป็นคะแนนเต็มงัยลูก พร้อมทั้งยิ้มหวานให้ลูกสาวอย่างภูมิใจ
หลังจากนี้ พวกเราก็เดินทางกลับบ้าน พร้อมทั้งได้รับการแจ้งว่า ในวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะมาถึงนี้ ในช่วงเย็น อันนาต้องเดินทางไปที่โรงเรียนดนตรีประจำเมือง เพื่อไปถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ประจำทัองถิ่นค่ะ พร้อมทั้งมีนัดหมายให้ไปร่วมเล่นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ระดับเมืองอีกสองครั้งในฐานะผู้ชนะการประกวดการแข่งขันดนตรีในระดับภูมิภาคในครั้งนี้ค่า
ความสำเร็จนี้หอมหวล แต่กว่าจะได้มานี่ไม่ง่ายเลยอย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวต่อไปในก้าวที่ไกลกว่าในอนาคตค่ะ
เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนในการก้าวไปสู่ฝันที่ต้องการเช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้