ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ประเด็นที่ต้องแยก
ทำ = เจตนา , กรรม , การกระทำทั้ง ๓ กาย วาจา ใจ
ทำดี = กุศลกรรม เหตุ > ได้ดี = กุศลวิบาก ผล คือความสุข ความสบายใจ สบายกาย ปราศจากความเดือดเนื้อร้อนใจ
ทำชั่ว = อกุศลกรรม เหตุ > ได้ชั่ว = อกุศลวิบาก ผล คือความทุกข์ ความทุกข์ใจ ทุกข์กาย หวาดระแวงกลัวความผิดที่ตนก่อขึ้น
ไฟคือ ราคะ (โลภ ) โทสะ โมหะ
ขณะทำชั่ว ( อกุศลกรรม ) จิตต้องประกอบด้วย ราคะ โทสะ โมหะ , จิตขณะนั้นย่อมถูกแผดเผาด้วย กิเลสทั้ง ๓ = ทุกข์ รู้ตัว หรือไม่รู้ตัว เป็นอีกเรื่องนึง
ขณะทำดี ( กุศลกรรม ) จิตต้องประกอบด้วย ฉันทะ ความยินดี พอใจ ปรารถนาสิ่งอันเป็นกุศล จิตเบาสบาย ผ่องใส = สุข
ฉันทะ = ความพอใจ ความปรารถนาในสิ่งอันเป็นกุศล > ผลคือสุข
ตัณหา = ความพอใจ ความปรารถนาในสิ่งอันเป็นอกุศล > ผลคือทุกข์
ดั่ง ปลูกมะม่วง ย่อมได้มะม่วง / ว่านพืชชนิดใด ย่อมได้พืชชนิดนั้น
ทำดีได้ดี = สุข / ทำชั่วได้ชั่ว = ทุกข์
นี่คือสัจจธรรม
ทำดีแล้ว ทำไม ไม่ได้ดี
ทำดี ได้สุข , ไม่ใช่ทำดีแล้วได้รวย หรือได้จน
ทำชั่ว ได้ทุกข์ , ไม่ใช่ทำชั่วแล้วได้รวย หรือได้จน
ได้ดี ไม่ใช่ ได้รวยหรือได้จน
ได้ชั่ว ไม่ใช่ ได้รวยหรือได้จน
ทำดีได้ดี , ทำชั่วได้ชั่ว
ประเด็นที่ต้องแยก
ทำ = เจตนา , กรรม , การกระทำทั้ง ๓ กาย วาจา ใจ
ทำดี = กุศลกรรม เหตุ > ได้ดี = กุศลวิบาก ผล คือความสุข ความสบายใจ สบายกาย ปราศจากความเดือดเนื้อร้อนใจ
ทำชั่ว = อกุศลกรรม เหตุ > ได้ชั่ว = อกุศลวิบาก ผล คือความทุกข์ ความทุกข์ใจ ทุกข์กาย หวาดระแวงกลัวความผิดที่ตนก่อขึ้น
ไฟคือ ราคะ (โลภ ) โทสะ โมหะ
ขณะทำชั่ว ( อกุศลกรรม ) จิตต้องประกอบด้วย ราคะ โทสะ โมหะ , จิตขณะนั้นย่อมถูกแผดเผาด้วย กิเลสทั้ง ๓ = ทุกข์ รู้ตัว หรือไม่รู้ตัว เป็นอีกเรื่องนึง
ขณะทำดี ( กุศลกรรม ) จิตต้องประกอบด้วย ฉันทะ ความยินดี พอใจ ปรารถนาสิ่งอันเป็นกุศล จิตเบาสบาย ผ่องใส = สุข
ฉันทะ = ความพอใจ ความปรารถนาในสิ่งอันเป็นกุศล > ผลคือสุข
ตัณหา = ความพอใจ ความปรารถนาในสิ่งอันเป็นอกุศล > ผลคือทุกข์
ดั่ง ปลูกมะม่วง ย่อมได้มะม่วง / ว่านพืชชนิดใด ย่อมได้พืชชนิดนั้น
ทำดีได้ดี = สุข / ทำชั่วได้ชั่ว = ทุกข์
นี่คือสัจจธรรม
ทำดีแล้ว ทำไม ไม่ได้ดี
ทำดี ได้สุข , ไม่ใช่ทำดีแล้วได้รวย หรือได้จน
ทำชั่ว ได้ทุกข์ , ไม่ใช่ทำชั่วแล้วได้รวย หรือได้จน
ได้ดี ไม่ใช่ ได้รวยหรือได้จน
ได้ชั่ว ไม่ใช่ ได้รวยหรือได้จน