สวัสดีครับผมชื่อบอย ชื่อโหลมั้ยใช่มั้ยครับ 555
เพิ่งจะเบญจเพสปีนี้ เรียนจบมาได้สองปีละครับ
ต้องจากบ้านมาทำงานชานกรุง
ชีวิตก็เหมือนคนปกติทั่วไปแหล่ะครับ ตื่นเช้าผจญรถติดไปทำงาน
ต้องผ่านแยกที่ใครๆก็เรียกว่า แยกนรกแตก ไฟเขียว 60 วิ
ไฟแดงครึ่งชั่วโมงแล้วยิ่งมาติดเข้าไปใหญ่
เมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาหานะเธอ
จนวันนี้เสร็จเริ่มเปิดให้บริการแล้ว จากที่เคยขับรถไป-กลับที่ทำงาน
เปลี่ยนมาเป็นนั่งรถไฟฟ้าแบบชิลล์ๆบ้าง
ไม่รู้จะมีใครเป็นเหมือนผมรึเปล่าที่คิดว่าเวลาหกโมงเย็นเข้าสู่ช่วงหนึ่งทุ่ม
หรือเวลาโพล้เพล้ตามภาษาบ้านเกิดบรรยากาศมันดูเงียบเหงา
มองไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนที่ดูเหนื่อยล้าจากการทำงาน
ผมนั่งรถไฟฟ้าสายนี้ได้วันนี้เป็นวันที่ 3 ยังไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าไหร่
ตู้ที่ผมนั่งนับได้ก็มีอยู่ 3 คนเอง เสียบหูฟังกับไอโฟน
ฟังเพลงที่ชอบ หลับบ้างตื่นบ้าง
จนมาถึงสถานีที่ผมต้องลง เดินผ่านประตูออกมาได้สามก้าว
เชือกรองเท้าคอนเวิร์สคู่โปรดดันหลุดซะงั้น
ผมเลยก้มลงไปผูกใหม่ ช่วงที่ผูกอยู่ก็มองลอดไปข้างหลัง
เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดสถานีมา
เห็นแค่ช่วงขากับรองเท้าเท่านั้น ไม่ได้เห็นเต็มตัว
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก้มหน้าก้มตาผูกต่อ
เงยหน้ามาอีกทีเธอก็เดินหายไปแล้ว แต่ต้องหันกลับไปมอง
เพราะประตูรถไฟฟ้าไม่ยอมปิดเสียงเซ็นเซอร์ดังติ๊ดๆๆๆๆๆ
จนน่ารำคาน ก็แบบเนี้ยแหล่ะครับ เพิ่งสร้างเสร็จ
ไม่รู้ทดลองใช้กันบ้างรึยัง คงจะมีปัญหาเรื่องเซ็นเซอร์แน่นอน
ผมเดินลงจากสถานี แวะร้านบะหมี่เกี๊ยวปูร้านโปรด ร้านนี้ปูจัดเต็มจริงๆ
ขอพิกัดหลังไมด์ได้นะครับ สี่ทุ่มกว่าผมถึงห้อง อาบน้ำ ทำอะไรเส็จ
นอนดูซีรีย์ฝรั่งจนเคลิ้มหลับไป แต่รู้สึกตอนที่เริ่มเคลิ้มๆ ผมจะฝันถึง
ขาเธอกับรองเท้าคู่นั้น สงสัยเพราะขาสวยมั้ง 55
วันต่อมาผมเลิกงานดึก ออกจากออฟฟิศก็เกือบ
สามทุ่มแล้ว มาถึงสถานีได้ขึ้นรอบสุดท้ายพอดี
ผมเดินเข้าประตูไป คนโล่งมาก อย่าเรียกว่าโล่งเลย
เรียกว่าไม่มีคนมากกว่า แต่อุ่นใจที่เห็นมีอยู่คนนึง
เธอไม่ได้หันมามองผมด้วยซ้ำ เธอหันข้างมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมว่าเธอน่ารักดีนะ ผมซอยสั้นเลยติ่งหูมาสองนิ้วได้มั้ง
บางส่วนเธอทำให้ผมนึกไปถึงเต้ย จรินทร์
ผมแอบมองเธออยู่นานจนเธอหันมา ผมหลบสายตา
อ่านป้ายโฆษณาต่างๆที่ติดอยู่ตามผนัง
จนเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่มองมาแล้ว จึงมองเธอต่อ
รองเท้าที่เธอใส่เป็นคู่เดียวกับที่ผมเห็นเมื่อวาน
ถึงสถานีที่ผมต้องลง ใจนึงก็อยากนั่งตามเธอไป
อยากรู้ว่าเธอไปลงที่ไหน บ้านอยู่แถวไหน แต่คิดอีกที
มันคงดูเป็นพวกสโตกเกอร์โรคจิตแน่ๆ ผมกลับมาห้อง
วันนี้ไม่มีฟิลจะดูซีรีย์หรือทำอะไรทั้งนั้น
ได้แต่นึกถึงเธอ ใบหน้าเศร้าๆ ความเหงาที่เธอมี คงคล้ายกับผม
คิดว่าเธอคงไม่มีแฟนนะ เพราะผมไม่เห็น
เธอหยิยโทรศัพท์มาเล่น หรือคุยกับใคร หรือมีโทรเข้ามาเลย
ผมก็โสดเหมือนกันโสดมาได้ 3 ปี หลังจากคนๆนั้น
เดินออกไปจากชีวิต ผมปิดกั้นตัวเองจากอะไรๆที่เข้ามา
คงยังไม่พร้อมจะเจ็บซ้ำตอนนี้มั้ง ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องเธอคนที่ผมเจอบนรถไฟฟ้า
ต้องมาหลุดจากภวังค์เพราะเสียงโทรศัพท์ โชว์เบอร์แม่
"ครับแม่ คิดถึงหรา โทรมาซะดึก"
"ไม่มีอะไร แม่แค่ไม่สบายใจ บอยไปทำบุญรึยังลูก"
"ยังไม่ว่างเลย ช่วงนี้งานยุ่งๆ บอสก็งี่เง่าจัดเลยช่วงนี้"
"หาเวลาไปซะนะ เนี่ยไอแก๊ป มันตายละนะ"
"เอ้า เป็นอะไรล่ะนั่น ไม่เจอหลายอยู่นะ"
"มันออกไปขี่รถเล่นกับเพื่อนมันนั่นแหล่ะ แล้วก็เอารถไปชนตูดสิบล้อที่จอดข้างทาง"
"โห สงสารน้าพินเนอะ ลูกชายคนเดียวด้วย แม่ก็ไปช่วยงานเค้านะ เดี๋ยวบอยจะแวะไปสักคืน"
"บอย.. ไอแก๊ปมันก็เบญจเพสเหมือนกันนะ แม่เป็นห่วง"
"โธ่..แม่ ไม่ได้เบญจเพสอะไรหรอก อุบัติเหตุมาจากความประมาททั้งนั้น อย่าคิดมาก"
"ก็แม่ไม่สบายใจ หาเวลาไปวัด ถวายสังฆทานบ้าง ให้หลวงพ่อเค้าต่อชะตาให้"
"โอเคๆ เดี๋ยวบอยแวะไปรับแม่วันที่จะไปงานไอแก๊ป ไปทำด้วยกัน จะได้สบายใจ"
"อื้อๆ งั้นแค่นี้นะ แม่ไปช่วยงานเค้าก่อน"
"แม่.. ป่าวๆไม่มีอะไร"
ผมวางสายจากแม่ ว่าจะบอกแม่เรื่องผู้หญิงที่ผมเจอ แต่ก็ไม่ได้บอก
ส่วนนึงที่ผมเลิกแว๊นมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ก็คงเพราะแม่ด้วยแหล่ะ
ไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง นี่ก็วันที่สามละ นี่ต้องนั่งรถไฟฟ้า
รอบสุดท้ายเหมือนเดิม เพราะความงี่เง่าของบอส ชอบสั่งงาน
ตอนใกล้เลิกงาน ไม่รู้เป็นโรคอะไร แล้วแกก็ไม่กลับ นั่งดูเราทำงาน
สีหน้าแกดูมีความสุข ผมเข้ามานั่ง วันนี้มีผู้คนอยู่ 4 คน มีผม เธอ
แล้วก็ชายหญิงคู่นึง เหมือนจะเป็นแฟนกันนะ คือที่ว่างมีเยอะ
แต่นั่งกันชิด ชิดมาก แทบนั่งตักกันเลย ผมเลยขยับไปนั่งตรงข้ามเธอ
จะได้ไม่เป็น กขค คู่นั้น ผมมองเธอ ชุดเดิม รองเท้าคู่เดิม
เหมือนจะเป็นชุดฟอร์มของพวกสถาบันความงามอะไรสักอย่าง
"ทำงานอยู่แถวนี้เหรอครับ" ผมเริ่มเปิดประโยคสนทนาที่คิดว่า
มันดูเเป็นมิตรที่สุด แต่เหมือนเธอจะไม่ได้ยิน
"กลับดึกเหมือนกันนะครับ"
"พี่เห็นหนูเหรอคะ"
"เอ่อ ครับ เห็นมาสามวันแล้ว ทำไมเหรอครับ"
"ปกติไม่ค่อยมีใครเห็นหนูหรอก"
"ไม่สบายใจอะไรรึเปล่าครับ"
เธอเงียบ ไม่ตอบ แล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง
"เรื่องงาน เพื่อน เรื่องคนที่ทำงาน หรือเรื่องแฟนครับ"
พอถึงประโยคสุดท้าย เธอหันมาตาแดง
สองตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังคลอเบ้า
"พี่ขอโทษนะ"
ผมพูดพร้อมส่งทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา นั่งรอจนเธอหยุดสะอื้น
น้ำตาผมจะไหลเหมือนกัน คือผมเป็นคนค่อนข้างเซ้นส์ซิทีฟนะ
หนังรักๆ ซึ้งๆ นี่น้ำตามาตลอด เลยต้องแกล้งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย
กลัวเธอเห็นว่าผมตาแดง มองไปทางชาย-หญิงคู่นั้น ที่มองมา
สายตาเค้าดูงงๆนะ คือผมก็อยากจะบอกว่า เฮ้ย ทำไม่ได้ทำอะไรนะ
น้องเค้าร้องเอง จนคู่นั้นออกไปจากขบวน
"พี่เห็นหนูเหรอ"
เพิ่งจะเบญจเพสปีนี้ เรียนจบมาได้สองปีละครับ
ต้องจากบ้านมาทำงานชานกรุง
ชีวิตก็เหมือนคนปกติทั่วไปแหล่ะครับ ตื่นเช้าผจญรถติดไปทำงาน
ต้องผ่านแยกที่ใครๆก็เรียกว่า แยกนรกแตก ไฟเขียว 60 วิ
ไฟแดงครึ่งชั่วโมงแล้วยิ่งมาติดเข้าไปใหญ่
เมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาหานะเธอ
จนวันนี้เสร็จเริ่มเปิดให้บริการแล้ว จากที่เคยขับรถไป-กลับที่ทำงาน
เปลี่ยนมาเป็นนั่งรถไฟฟ้าแบบชิลล์ๆบ้าง
ไม่รู้จะมีใครเป็นเหมือนผมรึเปล่าที่คิดว่าเวลาหกโมงเย็นเข้าสู่ช่วงหนึ่งทุ่ม
หรือเวลาโพล้เพล้ตามภาษาบ้านเกิดบรรยากาศมันดูเงียบเหงา
มองไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนที่ดูเหนื่อยล้าจากการทำงาน
ผมนั่งรถไฟฟ้าสายนี้ได้วันนี้เป็นวันที่ 3 ยังไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าไหร่
ตู้ที่ผมนั่งนับได้ก็มีอยู่ 3 คนเอง เสียบหูฟังกับไอโฟน
ฟังเพลงที่ชอบ หลับบ้างตื่นบ้าง
จนมาถึงสถานีที่ผมต้องลง เดินผ่านประตูออกมาได้สามก้าว
เชือกรองเท้าคอนเวิร์สคู่โปรดดันหลุดซะงั้น
ผมเลยก้มลงไปผูกใหม่ ช่วงที่ผูกอยู่ก็มองลอดไปข้างหลัง
เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดสถานีมา
เห็นแค่ช่วงขากับรองเท้าเท่านั้น ไม่ได้เห็นเต็มตัว
ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก้มหน้าก้มตาผูกต่อ
เงยหน้ามาอีกทีเธอก็เดินหายไปแล้ว แต่ต้องหันกลับไปมอง
เพราะประตูรถไฟฟ้าไม่ยอมปิดเสียงเซ็นเซอร์ดังติ๊ดๆๆๆๆๆ
จนน่ารำคาน ก็แบบเนี้ยแหล่ะครับ เพิ่งสร้างเสร็จ
ไม่รู้ทดลองใช้กันบ้างรึยัง คงจะมีปัญหาเรื่องเซ็นเซอร์แน่นอน
ผมเดินลงจากสถานี แวะร้านบะหมี่เกี๊ยวปูร้านโปรด ร้านนี้ปูจัดเต็มจริงๆ
ขอพิกัดหลังไมด์ได้นะครับ สี่ทุ่มกว่าผมถึงห้อง อาบน้ำ ทำอะไรเส็จ
นอนดูซีรีย์ฝรั่งจนเคลิ้มหลับไป แต่รู้สึกตอนที่เริ่มเคลิ้มๆ ผมจะฝันถึง
ขาเธอกับรองเท้าคู่นั้น สงสัยเพราะขาสวยมั้ง 55
วันต่อมาผมเลิกงานดึก ออกจากออฟฟิศก็เกือบ
สามทุ่มแล้ว มาถึงสถานีได้ขึ้นรอบสุดท้ายพอดี
ผมเดินเข้าประตูไป คนโล่งมาก อย่าเรียกว่าโล่งเลย
เรียกว่าไม่มีคนมากกว่า แต่อุ่นใจที่เห็นมีอยู่คนนึง
เธอไม่ได้หันมามองผมด้วยซ้ำ เธอหันข้างมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมว่าเธอน่ารักดีนะ ผมซอยสั้นเลยติ่งหูมาสองนิ้วได้มั้ง
บางส่วนเธอทำให้ผมนึกไปถึงเต้ย จรินทร์
ผมแอบมองเธออยู่นานจนเธอหันมา ผมหลบสายตา
อ่านป้ายโฆษณาต่างๆที่ติดอยู่ตามผนัง
จนเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่มองมาแล้ว จึงมองเธอต่อ
รองเท้าที่เธอใส่เป็นคู่เดียวกับที่ผมเห็นเมื่อวาน
ถึงสถานีที่ผมต้องลง ใจนึงก็อยากนั่งตามเธอไป
อยากรู้ว่าเธอไปลงที่ไหน บ้านอยู่แถวไหน แต่คิดอีกที
มันคงดูเป็นพวกสโตกเกอร์โรคจิตแน่ๆ ผมกลับมาห้อง
วันนี้ไม่มีฟิลจะดูซีรีย์หรือทำอะไรทั้งนั้น
ได้แต่นึกถึงเธอ ใบหน้าเศร้าๆ ความเหงาที่เธอมี คงคล้ายกับผม
คิดว่าเธอคงไม่มีแฟนนะ เพราะผมไม่เห็น
เธอหยิยโทรศัพท์มาเล่น หรือคุยกับใคร หรือมีโทรเข้ามาเลย
ผมก็โสดเหมือนกันโสดมาได้ 3 ปี หลังจากคนๆนั้น
เดินออกไปจากชีวิต ผมปิดกั้นตัวเองจากอะไรๆที่เข้ามา
คงยังไม่พร้อมจะเจ็บซ้ำตอนนี้มั้ง ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องเธอคนที่ผมเจอบนรถไฟฟ้า
ต้องมาหลุดจากภวังค์เพราะเสียงโทรศัพท์ โชว์เบอร์แม่
"ครับแม่ คิดถึงหรา โทรมาซะดึก"
"ไม่มีอะไร แม่แค่ไม่สบายใจ บอยไปทำบุญรึยังลูก"
"ยังไม่ว่างเลย ช่วงนี้งานยุ่งๆ บอสก็งี่เง่าจัดเลยช่วงนี้"
"หาเวลาไปซะนะ เนี่ยไอแก๊ป มันตายละนะ"
"เอ้า เป็นอะไรล่ะนั่น ไม่เจอหลายอยู่นะ"
"มันออกไปขี่รถเล่นกับเพื่อนมันนั่นแหล่ะ แล้วก็เอารถไปชนตูดสิบล้อที่จอดข้างทาง"
"โห สงสารน้าพินเนอะ ลูกชายคนเดียวด้วย แม่ก็ไปช่วยงานเค้านะ เดี๋ยวบอยจะแวะไปสักคืน"
"บอย.. ไอแก๊ปมันก็เบญจเพสเหมือนกันนะ แม่เป็นห่วง"
"โธ่..แม่ ไม่ได้เบญจเพสอะไรหรอก อุบัติเหตุมาจากความประมาททั้งนั้น อย่าคิดมาก"
"ก็แม่ไม่สบายใจ หาเวลาไปวัด ถวายสังฆทานบ้าง ให้หลวงพ่อเค้าต่อชะตาให้"
"โอเคๆ เดี๋ยวบอยแวะไปรับแม่วันที่จะไปงานไอแก๊ป ไปทำด้วยกัน จะได้สบายใจ"
"อื้อๆ งั้นแค่นี้นะ แม่ไปช่วยงานเค้าก่อน"
"แม่.. ป่าวๆไม่มีอะไร"
ผมวางสายจากแม่ ว่าจะบอกแม่เรื่องผู้หญิงที่ผมเจอ แต่ก็ไม่ได้บอก
ส่วนนึงที่ผมเลิกแว๊นมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ก็คงเพราะแม่ด้วยแหล่ะ
ไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง นี่ก็วันที่สามละ นี่ต้องนั่งรถไฟฟ้า
รอบสุดท้ายเหมือนเดิม เพราะความงี่เง่าของบอส ชอบสั่งงาน
ตอนใกล้เลิกงาน ไม่รู้เป็นโรคอะไร แล้วแกก็ไม่กลับ นั่งดูเราทำงาน
สีหน้าแกดูมีความสุข ผมเข้ามานั่ง วันนี้มีผู้คนอยู่ 4 คน มีผม เธอ
แล้วก็ชายหญิงคู่นึง เหมือนจะเป็นแฟนกันนะ คือที่ว่างมีเยอะ
แต่นั่งกันชิด ชิดมาก แทบนั่งตักกันเลย ผมเลยขยับไปนั่งตรงข้ามเธอ
จะได้ไม่เป็น กขค คู่นั้น ผมมองเธอ ชุดเดิม รองเท้าคู่เดิม
เหมือนจะเป็นชุดฟอร์มของพวกสถาบันความงามอะไรสักอย่าง
"ทำงานอยู่แถวนี้เหรอครับ" ผมเริ่มเปิดประโยคสนทนาที่คิดว่า
มันดูเเป็นมิตรที่สุด แต่เหมือนเธอจะไม่ได้ยิน
"กลับดึกเหมือนกันนะครับ"
"พี่เห็นหนูเหรอคะ"
"เอ่อ ครับ เห็นมาสามวันแล้ว ทำไมเหรอครับ"
"ปกติไม่ค่อยมีใครเห็นหนูหรอก"
"ไม่สบายใจอะไรรึเปล่าครับ"
เธอเงียบ ไม่ตอบ แล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง
"เรื่องงาน เพื่อน เรื่องคนที่ทำงาน หรือเรื่องแฟนครับ"
พอถึงประโยคสุดท้าย เธอหันมาตาแดง
สองตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังคลอเบ้า
"พี่ขอโทษนะ"
ผมพูดพร้อมส่งทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา นั่งรอจนเธอหยุดสะอื้น
น้ำตาผมจะไหลเหมือนกัน คือผมเป็นคนค่อนข้างเซ้นส์ซิทีฟนะ
หนังรักๆ ซึ้งๆ นี่น้ำตามาตลอด เลยต้องแกล้งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย
กลัวเธอเห็นว่าผมตาแดง มองไปทางชาย-หญิงคู่นั้น ที่มองมา
สายตาเค้าดูงงๆนะ คือผมก็อยากจะบอกว่า เฮ้ย ทำไม่ได้ทำอะไรนะ
น้องเค้าร้องเอง จนคู่นั้นออกไปจากขบวน