[CR] ตุรกี คงต้องไปอีกสักครั้ง

กระทู้รีวิว
เมื่อเกือบสองปีที่แล้วผมได้มีโอกาสไปตุรกีโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้าเอาไว้มากมายนัก เหตุผลที่มีโอกาสไปเที่ยวตุรกีก็เพราะเป้าหมายแรกที่จะไป คำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว เกินงบ ตุรกีจึงเป็นเป้าหมายสำรองที่ถูกเลือกขึ้นมาแทน

    การเที่ยวครั้งนั้นเป็นการเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และจะให้ได้อรรถรสทางประวัติศาสตร์ก็ต้องไปกับกรุ๊ปทัวร์ เราเลือกใช้บริการบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่ง จากโปรแกรมเที่ยวที่ทางบริษัทส่งมาให้ผมอ่านแล้วก็ยังเฉย ๆ จะเป็นแบบชะโงกทัวร์หรือเปล่า... นึกในใจ ไม่คุ้นเคยกับชื่อสถานที่ต่าง ๆ ในโบร์ชัวร์แถมยังนึกชื่อไปคนละเรื่องกันเลย นางงามจักรวาล กลุ่มดาว วงดนตรีญี่ปุ่น  โปรแกรมไวรัส  อานาโตเลีย.. นาตาลี  คาปานโดเกีย...คาซิโอเปีย  โทรจัน  อะไรประมาณนั้น มันไม่เกี่ยวกับตุรกีเลยสักนิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจคือ...กรุงทรอย นครโบราณสมัย 3500 ปีที่ล่มสลายเพราะผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเพียงคนเดียว....เฮเลน
    
เส้นทาง ในทริปนี้

     และเช้าวันนั้นผมก็มาถึงตุรกี วังสุลต่าน เป็นที่แรกที่เราเข้าไปชม จำไม่ได้ว่าชื่อวังอะไร เป็นวังที่ดูอลังการไม่น้อยติดริมฝั่งทะเล ช่องแคบบอสฟอรัส เดินเข้าไปบริเวณกลางวัง ไกด์ก็ชี้บอกว่า ด้านซ้ายเราไปฮาเร็ม ด้านขวาเป็นโรงอาหาร  ฮาเร็มมีหกร้อยห้อง ...หา!  สนมหกร้อยนาง  แล้วสุลต่านจะบริหารความรักอย่างไรนี่ บริเวณท้ายวังเป็นลานกาแฟ และบริเวณสำหรับถ่ายรูป
ช่องแคบ บอสฟอรัส มองจากวังของสุลต่านอิสตันบูล

    สายวันนั้น เราลงเรือชมความงามตึกรามบ้านช่องสองริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส  ประมาณเหมือนแม่น้ำใหญ่ สายหนึ่งนั่นแหละ อีกฝั่งหนึ่งเป็นยุโรป อีกฝั่งหนึ่งเป็นเอเชีย  ฝั่งเอเชียส่วนมากจะเป็นบ้านคน มีช่วงหนึ่งเป็นกลุ่มตึกสีขาวเรียงยาวเป็นระเบียบ ไกด์บอกว่าเป็นวิทยาลัยการทหาร  ซัดดำ ฮุดเซน กับ อีดี้อามิน ก็จบจากที่นี่  ฝั่งยุโรปบางช่วงเห็นเป็นกำแพงสูงตระหง่านตามแนวริมฝั่งสลับกับถนน และป้อมปืน  จินตนาการไปว่า ตรงนี้แหละ เมื่อเกือบพันปีที่แล้ว พวกนักรบและอัศวินตามเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรป ยกทัพมารวมพลกันตรงนี้ กำลังพลเป็นแสน ๆ เตรียมตัวข้ามช่องแคบไปยึดเมืองเยลูซาเร็มในฝั่งเอเชียในสงครามครูเสส  คงจะมีการเรียกพล ตรวจแถวกันฝุ่นตลบไปหมด เสียงร้องและเสียงเท้าม้าศึกคงดังสนั่นหวั่นไหวตามริมชายฝั่งยุโรป แล้วพวกเขาจะข้ามช่องแคบมากันได้อย่างไร สะพานก็ยังไม่มี ?
ตึกทางด้านฝั่งเอเชีย มองจากเรือกลางช่องแคบบอสฟอรัส

จำไม่ได้ว่าตึกอะไร แต่อยู่ด้านฝั่งยุโรป

เมื่อพันปีก่อน เหล่าอัศวินจากยุโรปคงควบม้าฝุ่นตลบเพื่อเตรียมยกทับไปตีเยลูซาเลม ในสงครามครูเสดครั้งแรก

    บ่ายวันนั้นเราเดินทางไปที่ กัลป์ลิโปลี เมืองชายฝั่งด้านยุโรปเพื่อนั่งเรือเฟอรรี่ข้ามฝั่งไปยังเอเชีย  กัลป์ลิโปลี ชื่อสถานที่ ผมรู้จักเป็นครั้งแรก ใกด์บรรยายถึงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ในสงครามโลกครั้งที่ 1  ผมเพิ่งรู้ว่าชายหาดของที่นี่มีความสำคัญมากในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ต่างไปจากชายหาดนอร์มังดี ในสงครามโลกครั้งที่ 2  ภาพทหารเป็นหมื่น ๆ ที่ยกพลขึ้นบก จากชายหาดมาสู่ฝั่ง ภาพปืนกลที่ยิงรัวจากหลุมเพาะริมฝั่งสาดกระสุนเข้ากลุ่มทหารสัมพันมิตร เสียร้องโอดเอย เสียงตะโกนโหวเหวกบัญชาการรบของแม่ทัพอ๊อตโตมาน   นี่ผมจะอินไปกับประวัติศาสตร์มากไปหรือเปล่านี่...พอ   แล้วเราก็นั่งเรือเฟอรี่ไปฝั่งเอเชีย  
ท่าเรือเฟอรี่ข้ามจากยุโรปมาเองเชีย

    แล้วผมก็มาถึงกรุงทรอย เมืองในวรรณกรรม เมืองที่มีเรื่องเล่ามากมาย เมืองที่เมื่อสามพันห้าร้อยปีที่แล้ว มีศึกชิงนางกันที่นี่ นางที่เป็นผู้ทำให้เกิดวลีที่ว่า “ A face that launched a thousand ships”  จริงหรือ? นางสวยถึงขนาด เรือเป็น พัน ๆ ลำวิ่งข้ามน้ำข้ามทะเล มาเพื่อเธอเลยหรือ แต่ที่แน่ ๆ นางทำให้ผมขึ้นเครื่องบินจากเมืองไทยมาเ พื่อดูให้เห็นกับตาว่านางมีจริงหรือเปล่า  แล้วผมก็เห็นแต่ซากหิน ซากกำแพง ที่มีแต่หญ้าขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด อ้อ มีม้าไม้ที่ทางฮอลี่วูดสร้างเป็นฉากม้าโทรจัน พอถ่ายทำเสร็จก็ทิ้งเป็นที่ระลึกไว้ตัวหนึ่ง
ซากเมืองทรอย

ม้าไม้โทรจัน จากหนังฮอลลีวูด

      ที่วิหาร Pergamum Acropolis  ตั้งอยู่ อำเภอ Bergama จังหวัด Izmir  วิหารตั้งอยู่บนยอดเขา เราต้องขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปดู  เป็นวิหารกรีก อายุประมาณ 2200 ปี มีอัฒจันทร์ ใหญ่สร้างบนยอดเขา   ถ้าเราไปนั่งตรงนั้น เราจะเห็นตัวเมือง Bergama เป็นภาพพาโนรามา อากาศที่นั่นเยนสบายดีมาก ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นให้เกะกะตา มีแต่ต้นหญ้าและดอกหญ้าขึ้นบนก้อนหินประปราย  ถ้าเราย้อนยุคไปสัก 2200 ปี ที่นี่อาจจะกำลังมีการจัดแสดงอะไรสักอย่าง ผู้คนแต่งชุดสีขาวเป็นหลักทยอยเข้ามาจับจองที่ชมการแสดง เบื้องหลังโรงแสดงเป็นภาพวิวทิวทัศทิวเขา ป่าไม้ สลับซับซ้อน เบื่อการแสดงก็ละสายตาไปดูวิว ผู้คนสมัยนั้น น่าจะมีความสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตไม่น้อย ..ผมว่า

วิวเมือง Bergama มองจาก วิหาร อะโครโปลิส

นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเก็บความสวยงามของสถานที่ไว้เป็นที่ละลึก

อดไม่ได้ที่จะถ่ายวิวหลาย ๆ มุมเก็บไว้

ทางขึ้น วิหาร

อัฒจันทร์ + ผู้เขียน


    ที่หอสมุด โบราณ  อฟีซุส  ephesus ancient library  ไกด์บอกเราว่าที่นี่เป็นปลายสุดของเส้นทางสายไหม สมั้ยก่อน ประมาณ ค.ศ 100 มีคนอยู่ในเมืองนี้ ประมาณ 250,000 คน เมืองนี้จะเป็นรองก็กรุงโรมเท่านั้น  ไกด์พาเราเดินจากจุดจอดรถ ไปตามทางเดินที่จัดทำสำหรับนักท่องเที่ยว สองข้างทางเป็นซากของบ้างช่องสมัยนั้น เมื่อสองพันปีที่แล้ว ที่นี่น่าจะเป็นตลาดนัดของชาวเมือง เมื่อสองพันปีที่แล้วเสียงเจรจาต่อรองน่าจะดังไปทั่วระแวกนี้  เดินมาสักพัก ไกด์ชี้ไปที่ห้องแถวสี่ห้าห้อง ทางขวามือ “นั่นเป็นห้องโสเภณี”  พวกที่ไปหาปลาในทะเล กลับมาก็มาใช้บริการที่นี่ ใครไม่เงินให้พวกเธอก็นั่งรอเพื่อนอยู่หน้าห้องตรงนี้ ไกด์ชี้ไปที่ ที่นั่งหินอ่อนหน้าห้องหนึ่ง
ทางเดินไปหอสมุด สองข้างทางเป็นลักษณะคล้ายตลาดนัด นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปหอสมุด


เจ้าเหมียวตัวนี้คงเป็นเจ้าถิ่น สอดส่ายสายตามหาความผิดปกติของนักท่องเที่ยว


หอสมุด

สถานที่จัดแสดงกลางแจ้ง ไม่ไกลจากหอสมุด

        อีกวันหนึ่งเราก็มุ่งหน้ามาที่ Cappadocia จังหวัดทางภาคกลางของตุรกี   ผมจำได้ว่าเราใช้เวลาเดินทางกันนานมากภูมิประเทศสองข้างทางเปลี่ยนไปตลอด จากฟรามต้นมะกอก กลายเป็นป่าใหญ่ จากป่าใหญ่กลายเป็นทุ่งกว้าง จากทุ่งกว้างกลายเป็นหมู่บ้าน บางครั้งเราก็เจอแถวของกังหันลมทอดตัวเรียงยาวอยู่บนสันเขาเรียงตัวเป็นแถวขนานกับเส้นทางที่เรามุ่งหน้าไป เราพักทานอาหารกลางวันกันในตัวเมืองเล็ก ๆ ระหว่างทาง อิ่มจากอาหารกลางวันผมมีเวลาเล็กน้อยปลีกตัวจากกรุ๊ปทัวร์มาทานกาแฟ ที่ร้านริมข้างทาง สถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่นั่น ดูเหมือนเป็นเพียงหมู่บ้าน ไม่ใช่เมืองใหญ่อะไร ถนนปูด้วยหิน อาจเป็นด้วยอากาศที่เย็นสบาย สองข้างทางที่ดูเป็นระเบียบ ผู้คนไม่มากนัก ทำให้กาแฟที่นั่นอร่อยเหลือเกิน ถึงขนาดจะต้องค่อย ๆ จิบ กลัวว่ากาแฟจะหมดเร็วเกินไป
ระหว่างทางไป Cappadocia เราแวะทานอาหารที่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

ผมชอบบรรยากาศในเมืองนี้มาก สะอาด เป็นระเบียบ สวย


ก่อนถึง Cappadocia มีที่เที่ยวอีก ที่หนึ่งสวยมาก

ผมชอบถ่ายภาพธรรมชาติ เห็นสวย ๆ อดถ่ายไม่ได้

รุ่งกินน้าที่นั่น สวยดี

    ถนนที่มุ่งตรงไปยัง Cappadocia เป็นถนนเส้นตรงสี่เลน รถมีไม่มากนัก สองข้างทางเป็นทุ่งกว้าง บางช่วง มีถนนเส้นเล็ก แตกออกจากถนนใหญ่ทอดตัวออกไป ปลายทางของถนน เป็นหมู่บ้าน ส่วนมากเป็นบ้านเก่า ๆชั้นเดียวที่สร้างด้วยอิฐหรือปูน บางหลังปูนสีขาวที่ฉาบฝาบ้านกะเทาะออกมาจนเห็นอิฐสีแดงวางเรียงซ้อนกันอยู่ด้านใน เป็นหลักฐานแสดงถึงความเก่าแก่ของตัวบ้านหรือหมู่บ้าน ถ้าผมมีเพื่อน หรือคนรู้จักอยู่ที่นี่ ผมอยากจะฝังตัวสำผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่สักเดือนแล้วค่อยกลับเมืองไทย อาจจะได้มุมมองชีวิตหรือโลกทัศน์ที่แปลกใหม่จากที่นี่ ก็ได้
เราถึงที่พักก่อนตะวันตกดินพอดี  ที่โรงแรม Double Tree hotel ถ้าผมถ่ายมุมสูงอีกหน่อย ถัดจากหลังคาหมู่บ้านสีต้ำตาลออกไปจะเป็นแม่น้ำ Red rever


     เช้านั้นเราตื่นเช้ามาก เพื่อไปนั่งบอลลูนดูวิวของเมืองจากด้านบน เราฟังบรรยายสรุปรับรู้กฎระเบียบและข้อปฏิบัติก่อนขึ้น  บอลลูนสามารถขึ้นได้ครั้งประมาณ 20 คน (เยอะกว่าที่ผมคาดเอาไว้มากเลย)  จำไม่ได้ว่าใช้เวลานานเท่าไร แต่รู้ว่าเราลอยสูงไม่เกิน 1 กม. เรามีเพื่อนบอลลูนลูกอื่นอยู่บนท้องฟ้านับสิบลูก หรืออาจจะนับร้อยลูกก็ได้ ไม่แน่ใจ ท้องฟ้าวันนั้นเต็มไปด้วยบอลลูน  ลอยกลางอากาศ นิ่ง และเงียบสงบ แต่สีสันหลากลายสวยงาม มองไปด้านล่าง เป็นถนน ทุ่งหญ้า และภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ผมกดชัตเตอร์ซะเพลินเลย แล้วบอลลูนของเราก็ค่อย ๆ ลดระดับต่ำลงมาเรื่อย ๆ กัปตันบอกให้เราเตรียมตัว landing  มือจับขอบกระเช้า ย่อตัวนิดหน่อย สักพักกระเข้าบอลลูนของเราก็สำผัสพื้น ตามด้วยลูกบอลลูนค่อย ๆ วางตัวราบแบนไปกับแนวลม  สังเกตว่ามีโต๊ะปิ๊กนิกปูด้วยผ้าสีขาวจัดเตรียมไว้บนเนินหญ้าไม่ใกลนัก บนโต๊ะมีขวดแชมเปญ  แล้วเราก็ไปที่นั่นรับประกาศณียบัตร ฉลองกัน  ก็นะ..ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้นั่งบอลลูนชมวิว ในที่ ที่สวยงามแบบนี้ ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้จะมีโอกาสอีกหรือเปล่า การได้อยู่บนท้องฟ้า นิ่ง ๆ เงียบ ๆ  ไม่ต้องสนใจปลายทาง  ปล่อยให้ธรรมชาติพาเราล่องลอยไป มันสุดยอดมาก
เตรียมขึ้นบอลลูน

ฝูงบอลลูนยามเช้า


(มีต่อครับ)
ชื่อสินค้า:   ตุรกี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่