อยากให้คุณอ่าน ประสบการณ์ทำพาสปอร์ตหาย กงสุลไทยปิด ซื้อตั๋วไม่ได้ ผ่านมาได้ อยากเอามาแชร์ พร้อมบอกวิธีแก้ปัญหาทุกอย่าง

          สวัสดี พี่ๆน้องๆ ชาว Pantip ทุกท่านนะครับ อันนี้ผมขอออกตัวก่อนเลย ว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม สมัครมาเพื่อที่จะเล่าเรื่องที่ผมได้ไปเจอมา ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่ชอบเดินทางไปต่างประเทศแน่นอน เข้าเรื่องกันเลยนะครับ


ผมและแฟนจัดทริปไปเค้าดาวน์ที่เกาหลีใต้ด้วยกัน โดยมีแผนเดินทางก็คือ 28 ธ.ค. – 3 ม.ค. ซึ่งเราทั้งคู่ก็ได้ยินเรื่องของเจ้าหน้าที่ ต.ม. ของประเทศเกาหลีใต้มาเยอะ ว่าเข้มงวดขนาดไหน เอกสารที่เตรียมได้ เราก็เลยจัดเต็มทั้งคู่เลย ปรากฏว่าพอถึงเวลา เจ้าหน้าที่ต.ม. ไม่ถามอะไรสักคำเลย แสกนนิ้วแล้วก็ผ่านมาได้ด้วยดี

       โดยที่การเที่ยวของผม ผมจะขออนุญาต ข้ามไปเลยนะครับ เพราะว่าก็คงไม่แตกต่างมากจากกระทู้อื่นๆ ที่รีวิลการไปเที่ยวเกาหลี แต่ถ้ามีคนสนใจ แผนการเที่ยว สถานที่เค้าเดาวน์แบบโรแมนติกสุดๆ สอบถามหลังไมค์ มาได้เลยครับ ยินดีอย่างมาก

          
           ก่อนที่ผมจะบินกับไทยในวันที่ 3 ผมกับแฟนก็มีแผน นำเงินในกระเป๋ามาละลายที่ย่าน เมียงดง ซึ่งเราซื้อของเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า เพราะว่าตอนสิ้นปีนี้ลดเยอะมากแถมเรายังทำ Tax Refund ได้ด้วย ซึ่งการทำ Tax Refund ในคราวนี้แหละครับ คือต้นเรื่องของเรื่องนี้เลย หลังจากซื้อของแล้ว แฟนผมก็เดิน ไปทำ Tax Refund ที่ห้างตรงหัวมุม หน้าถนนเมียงดง พอถึงคิวปรากฏว่าต้องใช้ พาสปอร์ตด้วย แต่ว่าแฟนผมไม่ได้พกมา ผมจึงให้ของผมแทน พอเสร็จแล้วยังไม่ได้รับเงินนะครับ ทางเค้าเตอร์บอกว่า ให้เรามารับเงินที่สนามบิน ( ซึ่งตอนหลังเรามารู้ทีหลังว่า ไม่จำเป็นต้องไปทำ Tax Refund ที่อื่นเลย ให้พี่ๆน้องๆ ไปทำที่ สนามบินเลยนะครับ ไวแล้วก็ดีที่สุดด้วย ) พอเสร็จแล้วเราก็ถือของซึ่งเยอะมาก มากินข้าวแล้วกับที่พัก

            พอวันรุ่งขึ้น แฟนผมออกไปซื้อของ แล้วผมจัดเก็บของซึ่งเราเตรียมตัวกลับ ซึ่งจะออกจากโรงแรมในย่าน Chungmuro ตอนเที่ยง เพราะมีกำหนดขึ้นเครื่อง 15.00 น. ซึ่ง พอจะออกจากโรงแรมนั้น ปรากฏว่า ผมหาพาสปอร์ต ของตัวผมเองไม่เจอ จะโทรไปถามแฟน ก็โทรไม่ได้ เพราะว่าก่อนมาผมให้แฟน ซื้อซิมของ AIS ที่ใช้เที่ยวในต่างประเทศ 7 วัน ส่วนของผมอาศัยใช้ WIFI ฟรี  
            ผมรื้อหาจนหมดแล้วก็ไม่เจอ พอแฟนกับมา ก็เลยไปปรึกษากับเจ้าของ Hotel ซึ่งชาวเกาหลีนี้ ไม่ค่อยได้ภาษาอังกฤษ สักเท่าไหร่เลยครับ เราก็เลยให้เค้าช่วยเรียกแท็กซี่ให้ บอกว่าเราจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แท็กซี่ก็พาเรามาส่ง อันนี้ต้องบอกเลยว่า ตำรวจที่นั้นช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดีมาก ยกของลงให้ แล้วก็เดินพามาหาตำรวจที่ดำเนินการเลย ในกระดาษ ก็มีแต่ภาษาเกาหลี แต่เค้าโทรไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทย เพื่อใช้ในการกรอกข้อมูลเอกสาร โดยใช้ข้อมูลจากบัตรประชาชน พอเสร็จจากสถานีตำรวจแล้ว ผมต้องรีบไปที่สถานทูตไทย

ใบแจ้งความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

            ซึ่งเวลาตอนนี้ จะบ่ายโมงแล้ว แท็กซี่ที่เกาหลี มี GPS แต่ก็วนหลงไปสักพักนึง ถามทางคนข้างทางบ้าง จนมาถึงสถานทูตไทย
พอมาถึงแฟนผมรีบวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าพาสปอร์ตหาย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ขอดูรูปหน้าพาสปอร์ตด้วย ตายละ ผมลืมถ่ายไว้ ซึ่งก่อนเดินทางมา พ่อผมก็เตือนแล้วนะ ว่าให้ถ่ายรูปเอกสารทุกอย่างเก็บไว้ด้วยนะ ผมก็ฟังแต่ไม่ได้ทำ
            ผมบอกจะขอกรอกรายละเอียดให้ เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจำได้หมดเลยหรอ ถ้าผิดสักอย่างเจ้าหน้าที่ ต.ม. ไม่ให้ออกนะ ตายละ ผมจำได้แค่ส่วนสูง โดยที่เจ้าหน้าที่บอกว่า ปกติถ้าแค่เอาบัตรประชาชนมายื่นก็เช็คได้แล้ว ปรากฏว่า ชื่อภาษาอังกฤษผมในพาสปอร์ต ไม่ตรงกับบัตรประชาชน เพราะในบัตรประชาชนเขียนผิด แล้วไม่ยอมไปแก้ ผมเลยบอกเช็คชื่อผมแบบในพาสปอร์ตได้หรือเปล่าครับ เจ้าหน้าที่บอกมาว่า เราเช็คให้ได้แต่ว่าวันนี้ วันที่ 3 เป็นวันหยุดปีใหม่ ซึ่งทางด้านกงสุลไทย หยุดทำงาน หะ หะ หะ ต้องรอจนถึง 16.00 น. ระบบถึงจะเปิด ถึงจะดึงข้อมูลมาจากไทย แล้วออกใบ C.I. ให้ผมได้ ภาพในหัวตอนนี้มองหน้าแฟน จะเอาไงดี แฟนเครียดกว่าผมอีก เพราะเธอลางานมาแค่ วันที่ 3 ซึ่งถ้าต้องรอ 16.00 น. ก็เท่ากับว่า เราตกเครื่องอย่างสมบูรณ์แบบ พอถึง 16.00 น.ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ขอรูปภาพ ปรากฏว่าผมไม่ได้พกรูปภาพติดกระเป๋ามาเลย ต้องเดินไปถ่ายใหม่ ยังดีที่มีร้านใกล้ๆ โดยไปอีก 6 รูป 18,000 won พอกลับมาก็ได้ใบ C.I. มาแล้ว แอบคิดในใจกลับบ้านได้แล้ว

ใบ C.I.


เพิ่มเติมในสถานทูต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

            เราก็ลากกระเป๋ามาตามทางเพื่อรอขึ้นรถบัสไปสนามบิน แล้วก็มีรถผ่านมา ซึ่งเรายังไม่ทันได้เรียกเลย คนขับก็จอดแล้วลงมาช่วยยกของเลย ไม่ถามผมสักคำ สงสัยคงจะรู้ นั่งรถมาคนละ 15,000 won แฟนผมก็หลับคงจะเพลีย ผมนี่คิดตลอดเลยจะกลับอย่างไงดี ราคาตั๋วที่ดูจากในมือถือก็ราคาแพงมาก พอมาถึงสนามบิน ผมให้แฟนไปถามเจ้าหน้าที่ Information เค้าบอกว่าต้องไปคุยกับ Macau Air ซึ่งผมกับแฟนจองตั๋วและที่พักในครั้งนี้กับ Expedia ซึ่งบินกับ Macau Air ทั้งไปแล้วกลับ ซึ่งการติดต่อทางเบอร์โทร ผมทำไม่ได้เลย เพราะว่าซิมที่แฟนซื้อมา ใช้ได้แค่เล่นเน็ท ไม่ได้เติมเงินไว้โทรเลย สรุปเลยครับ Expedia กับ Macau Air ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้
            
            ผมจึงถามต่อว่า ผมจะซื้อตั๋วที่เค้าเตอร์ตรงไหนได้บ้าง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า เวลานี้ปิดหมดแล้ว จะเปิดขายอีกทีตอนเช้า ผมกับแฟนจึงหาที่นั่งเพื่อดูตั๋ว ซึ่งวันนั้นคนในสนามบินเยอะมาก รอบบินกลางคืนก็ไม่มีแล้ว มีแต่เครื่องบินที่บินไปจีน ใช้เวลา 20 กว่าชั่วโมงทั้งนั้น ราคาก็ประมาณ 25,000 กว่า ไปเจอบินตรงก็มีแต่ Business Class คนละ 50,000 บาท หากันจนเวลาประมาณ 22.00 และ ผมเลยติดต่อทางบ้านแล้วก็เล่าเรื่องให้ท่านฟัง ยังกลับไม่ได้นะ แล้วบอกแฟนว่าวันนี้พอก่อนนะ พักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยหาทางกันใหม่ จึงลากกระเป๋าแล้วของ มาที่ Spa On Air อยู่ที่ชั้น G ของสนามบินอินชอน ซึ่งคล้ายๆกับ Spa มีตู้เก็บของ ห้องนอนรวม ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ออนเซนแช่ตัว โซฟา ทีวี น้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ไว้บริการเปิด 24 ช.ม. ซึ่งทุกอย่างจะแยก ชายและหญิงคนละฝั่ง แต่มีบริเวณเล้าท์ที่อยู่รวมกันได้ ไม่ขออธิบายแล้วนะครับ ให้ทุกท่านไปหาข้อมูลใน Google หรือสอบถามผมมาหลังไมค์ก็ยินดีครับ

Spa On Air

            
            เราจ่ายเงินอยู่ 24 ช.ม.ราคาคนละ 20,000 won แล้วก็เก็บของ อาบน้ำ มาคุยกันจะเอาอย่างไรดี  แฟนดูกังวลมาก ผมเลยบอกพักผ่อนนะ พรุ่งนี้เดวเราไปจัดการให้
            
            พอเช้า วันที่ 4 ม.ค. ผมก็ฝากของไว้ที่ Spa แล้วเดินหาเค้าเตอร์ซื้อตั๋ว ปรากฏว่า ไม่รู้จริงหรือเปล่านะครับ แต่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 สายการบินและ Information ของสนามบิน บอกเหมือนกันเลยว่า ที่สนามบินอินชอนไม่มีตั๋วเครื่องบินขายนะ ต้องจองมาจากอินเทอร์เน็ต หรือ Agent ต่างๆ หะ หะ หะ ผมก็เพิ่งรู้นะนี่ มีแบบนี้ด้วยหรอ
            ผมเดินคิดจะเอาไงดี จนไปเจอโน้ตบุ๊คให้บริการฟรี  (ขอชื่นชมเลยครับว่าดีมาก) เข้าเว็บ Air Asia จะซื้อตั๋วโดยตรงเลย ปรากฏว่ามี 1 ไฟท์ ครับ เหลือที่นั่ง 5 ที่ ผมเลยรีบกดเลยดีใจมาก พอเลือกทุกอย่างจนมาถึงตอน ชำระเงินก็เลือกบัตรเครดิตของแฟนจ่ายปกติ พอในขั้นตอนสุดท้ายจะมีส่ง OTP มาที่โทรศัพท์ เอ้า และจะส่งมาได้อย่างไรหละ เพราะแฟนผมเปลี่ยนเอาซิม AIS มาเที่ยว ไม่ได้พกซิมใช้งานมาด้วย เอาอย่างไงดีพอลองด้วยบัตรเครดิตของตัวผมเอง ก็เป็นแบบเดียวกัน

            ในตอนนี้ผมรู้ปัญหาอีกอย่างนึงแล้ว ว่าผมและแฟนไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ด้วยตนเองจากที่เกาหลี ผมโทรหาเพื่อนที่อยู่เมืองไทย บอกช่วยซื้อให้หน่อย ซึ่งผลก็ออกมาแบบเดิม คราวนี้โทรปรึกษาพ่อผม ให้พ่อผมใช้บัตรเครดิตของพ่อซื้อให้ ซึ่งเป็น Master Card มาลองซื้อ ปรากฏว่าในหน้าชำระเงิน ต้องมีรหัสที่เรียกว่า Personal Assurance Message ซึ่งพ่อผมบอกว่าไม่รู้ พอใส่ผิด ไป 3 ครั้ง คราวนี้แย่กว่าเดิมอีกครั้งปรากฏว่า บัตรโดนล็อค ต้องติดต่อธนาคาร แล้วพ่อผมก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ผมเลยบอกว่า เดวผมลองหาทางอื่นใหม่ก่อน
    
             สรุปเหตุการณ์ตอนนี้ เที่ยงวันที่ 4 ม.ค. ผมซื้อตั๋วที่สนามบินไม่ได้ ซื้อผ่านออนไลน์ไม่ได้ บัตรเครดิตผมและแฟนใช้ไม่ได้ บัตรเครดิตของพ่อก็โดนล็อค เริ่มมืดแปดด้านแล้วครับ คราวนี้มีไฟท์ มีเงิน มีบัตรเครดิต แต่ซื้อตั๋วไม่ได้ แฟนผมนี่เริ่มจะสติแตก คิดมาก กังวัลสุดๆเลยครับ เพราะว่าลางานมา 28-30 แล้วเพิ่งลา วันที่4 ไปอีก แถมยังไม่รู้ว่าจะได้กลับตอนไหน รอคอยอย่างไม่มีกำหนด ผมเลยบอกว่า ไปหาของกิน แล้วไปพักกันก่อน เดวหาวิธีใหม่

             สำหรับท่านที่สงสัยตอนนี้ โทรศัพท์แฟน AIS โดนตัดแล้วครับ ส่วนผมก็ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว ที่อยู่ได้เพราะว่า ในชีวิตยังมีโชคอยู่บ้าง ที่ WIFI สนามบินใช้งานได้ตลอด ที่ Spa มีปลั๊กไฟ และพก Power Bank มาด้วย เรากลับมานั่งพักกันที่ Spa ปรากฏว่าตอนนี้ ไฟท์ Air Asia 5 ที่ ตอนนั้นเต็มหมดแล้ว เหลือแค่ สายการบินไปพักจีน แล้ว Business Class อีกตามเคย
             ผมสงสารแฟนผมมาก เธอดูหมดหวัง ดูเครียด ผมเลยบอกแฟนผมว่า ไม่ต้องห่วงนะต่อให้ ค่าตั๋วเป็นแสน เราก็จะซื้อ จะได้ไปทำงานวันที่ 5 ทัน เพราะยังมีรอบที่บินเย็น ดึก ถึงเช้าอยู่พอสมควร

        ผมโทรไลน์หาพ่ออีกครั้ง บอกว่า ให้โทรไป Call Center ธนาคารไทยพานิชย์ แล้วให้พ่อผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ให้เจ้าหน้าที่ฟังเลย ให้เค้าช่วยเหลือเรา คราวนี้ผมก็ได้แต่รอ เข้าเว็บดูตั๋วตลอดเวลา ลองกดซื้อเองทุกเว็บ ทุกช่องทาง ก็ไม่ได้ คราวนี้นึกและ ในเมื่อซื้อเองไม่ได้ พ่อซื้อไม่ได้ เราต้องให้คนอื่นซื้อ แล้วจองตั๋วชื่อเรา เอ้า ความหวังเกิดในใจขึ้นมาอีกรอบ รีบทักไลน์หาเพื่อน ที่ทำงาน Air Asia ช่วยซื้อให้หน่อย จะให้พ่อโอนเงินให้ก่อนด้วยเลย ผ่านไปสักพัก เพื่อนผมก็ตอบไลน์กลับมา มันอยู่ฝรั่งเศส ไม่สะดวกเลย ผมนี่เงียบไปเลยครับ อะไรทำไมมันจะวุ่นวายขนาดนี้ เบญจเพศหรอนี่ ทั้งปีก็ไม่เคยเจอเลยนะ แหมมาสิ้นปีซะชุดใหญ่เลย แต่ก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่า ถูกแล้วให้คนที่ไทยช่วยซื้อให้จะดีที่สุด คราวนี้พอได้วิธีแล้วผมก็มาคิดสิครับ ว่าจะให้ใครช่วยซื้อดี ตอนนั้นเวลาน่าจะประมาณบ่ายๆ ผมเลยบอกแฟน ทำใจไว้สักนิดนะ พรุ่งนี้อาจจะต้องลางานอีกวัน ถ้ายังซื้อไม่ได้ ค่อยเอาขนมไปฝากพี่ที่ทำงานเค้าเยอะๆ
            ตอนนี้ปัญหาที่มาใหม่สดๆเลยก็คือ เงิน won ผมกับแฟนแรกจากไทยวันที่มา 1,000,000 won ในตอนนี้แทบจะไม่เหลือแล้ว โดยค่าใช้จ่ายต่อ 1 คืน ที่สนามบินคือ 1. ค่าที่พัก Spa คนละ 20,000 ต่อวัน ค่าอาหาร มื้อละ 6,900 won ต่อ1ชุด (เบอร์เกอร์ 1 ไก่ 1 โคลสรอย 1 เป๊ปซี่รีฟิล 1) แบ่งกันกิน ซึ่งคิดว่า ถูกที่สุดในสนามบิน

แล้วพบกับบทสรุป ข้อผิดพลาดของผมทุกอย่าง พร้อมวิธีแก้ไข แล้วคำแนะนำ ที่ผมรวบรวมมาจาก กงสุล สถานทูตไทย สายการบิน บัตรเครดิต แล้วจะมาต่อนะครับ

Edit 2 จัดข้อความ แก้ไขคำผิด
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่