
สวัสดีค่ะทุกท่าน เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมาค่ะ ซึ่งเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของเรา หลังจากที่อ่านรีวิวภาพสวยๆของญี่ปุ่นมานาน ก็อยากมีความรู้สึกแบบหลายๆท่านนั้นบ้าง เพราะการไปญี่ปุ่นครั้งแรกของเราในเดือนพฤศจิกายนปี 2013 มันเป็นความทรงจำอันเจ็บปวด ครั้งนั้นไปกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเราเคยใช้บริการทัวร์ไปเกาหลีแล้วประทับใจ จึงเลือกใช้บริการไปญี่ปุ่น แต่การไปญี่ปุ่นโชคร้ายได้ไกด์ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย การไปญี่ปุ่นครั้งแรกก็ไม่มีภาพฟูจิซังสวยๆเหมือนคนอื่นเขา เพราะไกด์พาไปแค่ฟูจิชั้น 5 จึงได้ภาพมาแค่มุมติดยอดหมวกฟูจิ ไปวัดอาซากุสะ ไกด์ก็ไม่บอกว่าอยู่ติดกับร้านอาหารที่จะไป บอกแค่ว่าไปทานอาหาร ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาเดินทางลงจากฟูจิชั้น 5 มากว่าจะถึง ซึ่งเลยเวลาอาหารไปนานมากๆ ทุกคนหิวมาก และไกด์ก็หลงทางหาร้านอาหารไม่เจอ กล้องเราก็ไม่ได้เองลงมาจากรถ เพราะไกด์บอกว่าจะไปทานอาหาร นอกจากนี้โรงแรมที่ทางทัวร์จัดให้ในนาริตะ ก็อยู่นอกเมืองมากๆ แบบว่ารอบๆโรงแรมไม่สามารถออกไปเดินดูอะไรได้เลย ห้องนอนก็เป็นแบบเตียง 2 ฝั่งในมุมแคบๆ คั่นกลางด้วยห้องน้ำ ทีวีก็เปิดไม่ติด ฮีทเตอร์ก็เปิดไม่เป็น มีแต่ภาษาญี่ปุ่น ไกด์ไม่สอนการใช้ให้ และไกด์ไม่บอกด้วยว่าตัวเองนอนห้องไหน โทรไปคุยกับฟร้อนก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ทริปญี่ปุ่นครั้งนั้นจึงเหมือนประสบการณ์อันเลวร้ายในความทรงจำ
มาครั้งนี้ อยากแก้ความรู้สึกแบบนั้น ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าหากจะไปญี่ปุ่นอีกครั้งคงไปแบบเที่ยวเอง แต่เราก็ยังไม่มีเวลาทำแผนการเดินทางอะไรเลย จึงหนีไปเที่ยวทัวร์ฝั่งยุโรปแทน ครั้งนี้ได้ไปเพราะความบังเอิญ ซึ่งจริงๆอยากไปเล่นหิมะที่เกาหลีมากกว่า แต่หาทริปถูกใจไม่ได้ จึงเปลี่ยนมาญี่ปุ่นแทน และเราก็รู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เราตั้งใจไปเก็บภาพฟูจิซังสวยๆอีกครั้งชดเชยทริปครั้งแรก แต่การจะพบฟูจิซังนี่ต้องวัดดวงอยู่เหมือนกัน การรอคอยเกือบ 1 เดือนของเราจึงเป็นอารมณ์ตื่นเต้นปนเครียด และก็แอบจิตเล็กๆ นั่งดูพยากรณ์อากาศตลอดเวลา 555
วันเดินทางมาถึงไปเช็คอินที่ดอนเมือง ไฟลท์ 00.30น ผู้โดยสารเกือบ 300 คน รอคอยอยู่ที่หน้าเกต 26 แต่พอถึงเวลา พนักงานก็ไม่ได้เรียกพวกเราขึ้นเครื่องสักที ตอนนั้นใจเราเริ่มเครียด ไม่ชอบเลยที่ต้องเจอการดีเลย์ เราเข้าไปอ่านตามคอมเมนต์เฟซบุค หลายคนที่เคยเจอการดีเลย์ของเที่ยวบินนี้บ่อยๆ ตอนนั้นคิดในใจ ทำไมไฟลท์นี้ดีเลย์หลายครั้งมากๆ และทำไมเราถึงซวยมาเจอด้วย เวลาผ่านไปหลายคนเริ่มเดินไปถามพนักงาน เหมือนเราจะยังไม่มีคำตอบใดๆว่าเกิดอะไรขึ้น จนเวลาล่วงเลยผ่านไปพอสมควร ผู้โดยสารเริ่มที่จะไปรวมตัวกันที่เคาน์เตอร์หน้าเกต พนักงานกล่าวเพียงว่าเครื่องมีปัญหา ต้องรอการตอบกลับจากบริษัทแม่ที่สิงคโปร์ เวลานั้นประมาณตี 3 แล้ว เราและผู้โดยสารหลายๆคน คงยังไม่ได้นอน และทุกคนคงมีความรู้สึกเดียวกัน เพราะเราไม่ทราบชะตากรรมเลยว่า เราจะได้บินกันเมื่อไร แล้วแผนการเดินทางที่เรารอคอยล่ะจะเป็นยังไง ผู้โดยสารเริ่มที่จะกดดันพนักงานหน้าเคาน์เตอร์แล้วว่าจะจัดการแก้ปัญหาอย่างไร เราจะได้บินกันเมื่อไร พนักงานก็กล่าวอีกครั้งว่า พบปัญหารอยแตกที่ชิ้นส่วนใต้ท้องเครื่อง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ขอให้ผู้โดยสารรอคำตอบจากทางบริษัทที่สิงคโปร์ส่งเครื่องมาเปลี่ยน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมาถึงเมื่อไร จวบจบเวลาล่วงเลยมาถึง ตี 5 พนักงานเคาน์เตอร์เริ่มให้กรุ๊ปทัวร์แต่ละกลุ่มรวมตัวและให้หัวหน้าทัวร์เช็คชื่อ และพนักงานได้แจ้งว่าพวกเราและผู้โดยสารทุกคน (ผู้โดยสารมีทั้งกรุ๊ปทัวร์ ผู้โดยสารชาวไทยที่ไปแบบเที่ยวเอง ผู้โดยสารญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ รวมๆแล้วประมาณ 265คน) ต้องออกจาก ตม. ไปพักที่โรงแรมที่ทางบริษัทจัดให้ อ้าว !!!หมายความว่าคงอีกนานใช่ไหม กว่าเราจะได้บิน .. ทริปญี่ปุ่นที่รอคอยของเรา โปรแกรมหายไปแน่ๆ อย่างน้อย 1 วัน เราจะทำยังไงเนี่ย (โปรแกรมวันแรกคือ โตเกียว วัดอาซากุสะ ล่องเรือโจรสลัด และหุบเขาไข่ดำ) ความรู้สึกเราในตอนนั้นอยากร้องไห้มากๆ ทริปที่เรารอคอย การมาญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ทำไมเราต้องเจอเรื่องแบบนี้
(ภาพนี้ เวลา 3.41น)

ประมาณ ตี 5 กว่าๆ เกือบจะ 6 โมงเช้าแล้วพวกเราทยอยออกจาก ตม. ขึ้นรถโค้ชไปโรงแรม หัวหน้าทัวร์ก็จัดการเรื่องกุญแจห้องพร้อมขอสำเนาบัตรประชาชนทุกคน เพื่อทางโรงแรมจะได้จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายกับสายการบินต่อไป เวลาที่เราควรถึงนาริตะ แต่กลับต้องมาเช็คอินเข้าโรงแรมใกล้ดอนเมือง ตอนนั้นความรู้สึกหดหู่มาก ถ้าดีเลย์ขากลับยังรู้สึกว่า ยังดีที่ได้เที่ยวแล้ว ... แต่เราล่ะ จะเสียเงิน 3 หมื่นไปฟรีๆ หรอ
หลังจากทานอาหารเช้าโรงแรมไป ก็เข้าไปพักที่โรงแรม เราได้งีบไปสักพัก ราว 10 โมง ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาที่ห้องว่า 11 โมงจะออกจากโรงแรมไปสนามบินอีกครั้ง .. ในใจคิดว่า เย้ เราจะได้บินแล้วใช่มั้ย แต่ในใจก็ยังคงนอยด์ เวลานี้เราควรเที่ยวอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ยังไม่ได้บินเลย และเที่ยวบินจะออกกี่โมงก็ไม่รู้ ผู้โดยสารทั้งหมดขึ้นรถโค้ชอีกครั้ง (อารมณ์เวลาขึ้นรถโค้ชเที่ยวที่ต่างประเทศนะ แต่วิว 2 ข้างทางยังเป็นกรุงเทพอยู่555) เมื่อไปเช็คอินอีกครั้ง ไฟลท์ระบุว่า 14.00น เมื่อเช็คอินพนักงานแจกหนังสือมา 1 ฉบับ เป็นเอกสารขอโทษจากสารการบิน จับใจความได้ว่าจะชดเชยการดีเลย์ครั้งนี้ด้วยวอยเชอร์ 50 S$ และคูปองแมคโดนัล 1 ชุด (วอยเชอร์นี้ใช้ยังไง ใครทราบโปรดชี้แจงเราด้วยค่ะ) เที่ยวบินใหม่นี้ขึ้นเกต 24 เรารีบไปรอที่เกต ไปถึง เห็นแต่งวงช้างว่างเปล่า .... อ้าว!! จะดีเลย์อีกครั้งไหม... เวลาผ่านเลย 14.00น ไป ยังไม่มีวี่แววเห็นเครื่องบินเลย (สภาพเราตอนนั้นเหมือนหมามองเครื่องบิน รอคอยอย่างใจจดจ่อ) ....เวลาผ่านไปเกือบ 15.00น เห็นเครื่องบินโลโก้สายการบินนี้ บินเตรียมแลนดิ้ง ทุกคนลุ้นใจจดใจจ่อตั้งแต่ล้อแตะพื้นว่าจะเคลื่อนมาเกตเราไหม พอเห็นว่าเลี้ยวมาเท่านั้น เราดีใจตัวแทบลอยเลยนะ ... แล้วเราก็ได้บิน
... เราถึงนาริตะประมาณ 5 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น กว่าจะผ่าน ตม. เวลานั้นรถไฟคงหมดแล้ว สงสารกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางเองเลยค่ะ พวกเราขึ้นรถโค้ชไปต่อเพื่อเดินทางไปโรงแรมแถวทะเลสาปคาวากูจิโกะ ซึ่งคาดว่าอาจจะถึงประมาณตี 1 กว่าๆ หัวหน้าทัวร์ได้แจ้งขอโทษ และแจกข้าวกล่อง (โธ่ เราเสียตังค่ามาม่า 130 บาทบนไฟลท์ไปละ เพราะมันต้องทานอาหารให้ตรงเวลา) ทางทัวร์ได้แจ้งว่าโปรแกรมวันแรกในโตเกียว จำเป็นต้องตัดออกไป เพราะเราต้องเดินทางเปลี่ยนเมือง แต่ปรับเปลี่ยนเป็นขึ้นกระเช้าไปชมทะเลสาบคาวากูจิโกะแทนโปรแกรมล่องเรือโจรสลัด และไปวัดทองแทนวัดอาซากุสะ ณ เวลานั้น ไม่อยากเรียกร้องอะไรละ ได้แต่พยายามทำใจเที่ยวให้สนุก
[CR] แชร์ประสบการณ์+รีวิว ทัวร์ญี่ปุ่นกับ TZ292 ไฟลท์ในตำนาน กับการดีเลย์กว่า 14 ชั่วโมง
สวัสดีค่ะทุกท่าน เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นมาค่ะ ซึ่งเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของเรา หลังจากที่อ่านรีวิวภาพสวยๆของญี่ปุ่นมานาน ก็อยากมีความรู้สึกแบบหลายๆท่านนั้นบ้าง เพราะการไปญี่ปุ่นครั้งแรกของเราในเดือนพฤศจิกายนปี 2013 มันเป็นความทรงจำอันเจ็บปวด ครั้งนั้นไปกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งเราเคยใช้บริการทัวร์ไปเกาหลีแล้วประทับใจ จึงเลือกใช้บริการไปญี่ปุ่น แต่การไปญี่ปุ่นโชคร้ายได้ไกด์ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย การไปญี่ปุ่นครั้งแรกก็ไม่มีภาพฟูจิซังสวยๆเหมือนคนอื่นเขา เพราะไกด์พาไปแค่ฟูจิชั้น 5 จึงได้ภาพมาแค่มุมติดยอดหมวกฟูจิ ไปวัดอาซากุสะ ไกด์ก็ไม่บอกว่าอยู่ติดกับร้านอาหารที่จะไป บอกแค่ว่าไปทานอาหาร ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาเดินทางลงจากฟูจิชั้น 5 มากว่าจะถึง ซึ่งเลยเวลาอาหารไปนานมากๆ ทุกคนหิวมาก และไกด์ก็หลงทางหาร้านอาหารไม่เจอ กล้องเราก็ไม่ได้เองลงมาจากรถ เพราะไกด์บอกว่าจะไปทานอาหาร นอกจากนี้โรงแรมที่ทางทัวร์จัดให้ในนาริตะ ก็อยู่นอกเมืองมากๆ แบบว่ารอบๆโรงแรมไม่สามารถออกไปเดินดูอะไรได้เลย ห้องนอนก็เป็นแบบเตียง 2 ฝั่งในมุมแคบๆ คั่นกลางด้วยห้องน้ำ ทีวีก็เปิดไม่ติด ฮีทเตอร์ก็เปิดไม่เป็น มีแต่ภาษาญี่ปุ่น ไกด์ไม่สอนการใช้ให้ และไกด์ไม่บอกด้วยว่าตัวเองนอนห้องไหน โทรไปคุยกับฟร้อนก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ทริปญี่ปุ่นครั้งนั้นจึงเหมือนประสบการณ์อันเลวร้ายในความทรงจำ
มาครั้งนี้ อยากแก้ความรู้สึกแบบนั้น ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าหากจะไปญี่ปุ่นอีกครั้งคงไปแบบเที่ยวเอง แต่เราก็ยังไม่มีเวลาทำแผนการเดินทางอะไรเลย จึงหนีไปเที่ยวทัวร์ฝั่งยุโรปแทน ครั้งนี้ได้ไปเพราะความบังเอิญ ซึ่งจริงๆอยากไปเล่นหิมะที่เกาหลีมากกว่า แต่หาทริปถูกใจไม่ได้ จึงเปลี่ยนมาญี่ปุ่นแทน และเราก็รู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง เราตั้งใจไปเก็บภาพฟูจิซังสวยๆอีกครั้งชดเชยทริปครั้งแรก แต่การจะพบฟูจิซังนี่ต้องวัดดวงอยู่เหมือนกัน การรอคอยเกือบ 1 เดือนของเราจึงเป็นอารมณ์ตื่นเต้นปนเครียด และก็แอบจิตเล็กๆ นั่งดูพยากรณ์อากาศตลอดเวลา 555
วันเดินทางมาถึงไปเช็คอินที่ดอนเมือง ไฟลท์ 00.30น ผู้โดยสารเกือบ 300 คน รอคอยอยู่ที่หน้าเกต 26 แต่พอถึงเวลา พนักงานก็ไม่ได้เรียกพวกเราขึ้นเครื่องสักที ตอนนั้นใจเราเริ่มเครียด ไม่ชอบเลยที่ต้องเจอการดีเลย์ เราเข้าไปอ่านตามคอมเมนต์เฟซบุค หลายคนที่เคยเจอการดีเลย์ของเที่ยวบินนี้บ่อยๆ ตอนนั้นคิดในใจ ทำไมไฟลท์นี้ดีเลย์หลายครั้งมากๆ และทำไมเราถึงซวยมาเจอด้วย เวลาผ่านไปหลายคนเริ่มเดินไปถามพนักงาน เหมือนเราจะยังไม่มีคำตอบใดๆว่าเกิดอะไรขึ้น จนเวลาล่วงเลยผ่านไปพอสมควร ผู้โดยสารเริ่มที่จะไปรวมตัวกันที่เคาน์เตอร์หน้าเกต พนักงานกล่าวเพียงว่าเครื่องมีปัญหา ต้องรอการตอบกลับจากบริษัทแม่ที่สิงคโปร์ เวลานั้นประมาณตี 3 แล้ว เราและผู้โดยสารหลายๆคน คงยังไม่ได้นอน และทุกคนคงมีความรู้สึกเดียวกัน เพราะเราไม่ทราบชะตากรรมเลยว่า เราจะได้บินกันเมื่อไร แล้วแผนการเดินทางที่เรารอคอยล่ะจะเป็นยังไง ผู้โดยสารเริ่มที่จะกดดันพนักงานหน้าเคาน์เตอร์แล้วว่าจะจัดการแก้ปัญหาอย่างไร เราจะได้บินกันเมื่อไร พนักงานก็กล่าวอีกครั้งว่า พบปัญหารอยแตกที่ชิ้นส่วนใต้ท้องเครื่อง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ขอให้ผู้โดยสารรอคำตอบจากทางบริษัทที่สิงคโปร์ส่งเครื่องมาเปลี่ยน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมาถึงเมื่อไร จวบจบเวลาล่วงเลยมาถึง ตี 5 พนักงานเคาน์เตอร์เริ่มให้กรุ๊ปทัวร์แต่ละกลุ่มรวมตัวและให้หัวหน้าทัวร์เช็คชื่อ และพนักงานได้แจ้งว่าพวกเราและผู้โดยสารทุกคน (ผู้โดยสารมีทั้งกรุ๊ปทัวร์ ผู้โดยสารชาวไทยที่ไปแบบเที่ยวเอง ผู้โดยสารญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ รวมๆแล้วประมาณ 265คน) ต้องออกจาก ตม. ไปพักที่โรงแรมที่ทางบริษัทจัดให้ อ้าว !!!หมายความว่าคงอีกนานใช่ไหม กว่าเราจะได้บิน .. ทริปญี่ปุ่นที่รอคอยของเรา โปรแกรมหายไปแน่ๆ อย่างน้อย 1 วัน เราจะทำยังไงเนี่ย (โปรแกรมวันแรกคือ โตเกียว วัดอาซากุสะ ล่องเรือโจรสลัด และหุบเขาไข่ดำ) ความรู้สึกเราในตอนนั้นอยากร้องไห้มากๆ ทริปที่เรารอคอย การมาญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ทำไมเราต้องเจอเรื่องแบบนี้
(ภาพนี้ เวลา 3.41น)
หลังจากทานอาหารเช้าโรงแรมไป ก็เข้าไปพักที่โรงแรม เราได้งีบไปสักพัก ราว 10 โมง ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาที่ห้องว่า 11 โมงจะออกจากโรงแรมไปสนามบินอีกครั้ง .. ในใจคิดว่า เย้ เราจะได้บินแล้วใช่มั้ย แต่ในใจก็ยังคงนอยด์ เวลานี้เราควรเที่ยวอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ยังไม่ได้บินเลย และเที่ยวบินจะออกกี่โมงก็ไม่รู้ ผู้โดยสารทั้งหมดขึ้นรถโค้ชอีกครั้ง (อารมณ์เวลาขึ้นรถโค้ชเที่ยวที่ต่างประเทศนะ แต่วิว 2 ข้างทางยังเป็นกรุงเทพอยู่555) เมื่อไปเช็คอินอีกครั้ง ไฟลท์ระบุว่า 14.00น เมื่อเช็คอินพนักงานแจกหนังสือมา 1 ฉบับ เป็นเอกสารขอโทษจากสารการบิน จับใจความได้ว่าจะชดเชยการดีเลย์ครั้งนี้ด้วยวอยเชอร์ 50 S$ และคูปองแมคโดนัล 1 ชุด (วอยเชอร์นี้ใช้ยังไง ใครทราบโปรดชี้แจงเราด้วยค่ะ) เที่ยวบินใหม่นี้ขึ้นเกต 24 เรารีบไปรอที่เกต ไปถึง เห็นแต่งวงช้างว่างเปล่า .... อ้าว!! จะดีเลย์อีกครั้งไหม... เวลาผ่านเลย 14.00น ไป ยังไม่มีวี่แววเห็นเครื่องบินเลย (สภาพเราตอนนั้นเหมือนหมามองเครื่องบิน รอคอยอย่างใจจดจ่อ) ....เวลาผ่านไปเกือบ 15.00น เห็นเครื่องบินโลโก้สายการบินนี้ บินเตรียมแลนดิ้ง ทุกคนลุ้นใจจดใจจ่อตั้งแต่ล้อแตะพื้นว่าจะเคลื่อนมาเกตเราไหม พอเห็นว่าเลี้ยวมาเท่านั้น เราดีใจตัวแทบลอยเลยนะ ... แล้วเราก็ได้บิน
... เราถึงนาริตะประมาณ 5 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น กว่าจะผ่าน ตม. เวลานั้นรถไฟคงหมดแล้ว สงสารกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางเองเลยค่ะ พวกเราขึ้นรถโค้ชไปต่อเพื่อเดินทางไปโรงแรมแถวทะเลสาปคาวากูจิโกะ ซึ่งคาดว่าอาจจะถึงประมาณตี 1 กว่าๆ หัวหน้าทัวร์ได้แจ้งขอโทษ และแจกข้าวกล่อง (โธ่ เราเสียตังค่ามาม่า 130 บาทบนไฟลท์ไปละ เพราะมันต้องทานอาหารให้ตรงเวลา) ทางทัวร์ได้แจ้งว่าโปรแกรมวันแรกในโตเกียว จำเป็นต้องตัดออกไป เพราะเราต้องเดินทางเปลี่ยนเมือง แต่ปรับเปลี่ยนเป็นขึ้นกระเช้าไปชมทะเลสาบคาวากูจิโกะแทนโปรแกรมล่องเรือโจรสลัด และไปวัดทองแทนวัดอาซากุสะ ณ เวลานั้น ไม่อยากเรียกร้องอะไรละ ได้แต่พยายามทำใจเที่ยวให้สนุก