สวัสดีค่าาาา เพิ่งรีวิวครั้งนี้เป็นครั้งแรก ผิดพลาดตรงไหนช่วยชี้แนะด้วยนะคะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ( 29/1/2560) ได้ทำทริปเล็กๆไปเที่ยวกับเพื่อนสาวสองคน
จริงๆแล้วตั้งใจจะไปตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้วแล้ว
แต่ว่าด้วยความเสร่อของตัวเอง ตอนจะจองตั๋วไม่ได้โทรไปถามก่อน ไปจองที่หัวลำโพงเลยแล้วปรากฏว่า "เต็มมมมมม"
OMG เลยได้เลื่อนมาเป็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแทนค่ะ
(สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวกาญจน์กับทางการรถไฟ แนะนำว่าให้จองตั๋วล่วงหน้าสัก1-2อาทิตย์นะคะ เพราะว่าเต็มเร็วมากๆ)

เริ่มเลยแล้วกันนนน
เช้ามืดวันอาทิตย์ เวลา 5.00 น. เอ้าาาาา ตื่นสาย สปีดเลยจ้าาา ปั่นทุกอย่างรีบออกจากหอโบกแท็กซี่ไปหัวลำโพง ถึงหัวลำโพง เวลาประมาณ 6.00 น. (ที่ต้องรีบเพราะว่ารถไฟไปน้ำตกมีรอบเดียวนะคะ คือรอบตอน 6.30น. )
เมื่อถึงหัวลำโพงแล้วก็พอมีเวลาอีกนิดหน่อยที่จะซื้อขนมและน้ำไปรองท้อง ก่อนที่รถไฟจะถึงนครปฐมคะ
ประมาณ 8.00 น. เย้เราก็มาถึงนครปฐมกันแล้ววว
นายรถไฟก็จะมาประกาศว่าให้เวลาเราประมาณกี่นาทีในการเดินเล่น หรือไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์กันประมาณ 30 นาที
พอรถไฟจอดปุบ ก็เริ่มปฏิบัติการ ตามล่าหาของกินยามเช้า
มีของกินเยอะมากๆคะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหลามของขึ้นชื่อของนครปฐม ข้าวเหนียวไก่ทอด ขนมเบื้องญวณ ขนมไทยต่างๆ


เดินต่อมาอีกหน่อยจะมีร้านขายของใส่บาตรด้วย
สาวๆใจบุญก็ต้องแวะกันซะหน่อย ชุดละ 40-. ขอพรให้วันนี้เป็นวันที่ดีและเดินทางปลอดภัย


หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์กันคะ วันที่เราไปนั้นมีเทศการอาหารและผลไม้(?)
มีของขายเต็มไปหมด

พอเราสักการะองค์พระปฐมกันแล้วก็เดินกลับมาที่รถไฟ แล้วก็เตรียมตัวไปสะพานแม่น้ำแควกัน (หลับตลอดทาง555)
ประมาณ 10.30น. เราก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควกัน นายรถไฟบอกให้เวลาประมาณ 20 นาที ในการถ่ายรูปและหาน้ำเตรียมเอาไว้เพราะว่ากว่าจะถึงน้ำตกระหว่างทางร้อนและแห้งมากๆ
เนื่องจากเรามีความมั่นหน้ามั่นโหนกว่าไม่ร้อนขนาดนั้น ฉันอ่านรีวิวมาเยอะ เลยไม่ได้เตรียม
ตรงที่รถไฟจอดของขายเยอะมากกกกก มีทั้งเสื้อผ้าและของกิน


หลังจากไปถ่ายรูปกันมาแล้ว เริ่มมีความรู้สึกว่าร้อนนิดๆ เหลือบไปเห็นไอศครีมมะพร้าวอ่อนน่ากินมาเลยไปจัดมา อันนึงแล้วอร่อยมากก

รถไฟสายมรณะก็ออกเดินทางต่อไป ระหว่างทางก็จะมีธรรมชาติๆสวยๆให้ดู (แต่ถ้าง่วงก็นอนเถอะคะ)
เริ่มร้อนแล้วแต่แดดไม่แรงมาก พอสู้ไหว พอไปเรื่อยๆนายรถไฟก็จะมาเล่าให้ฟังประวัติศาสตร์เล็กน้อยให้ฟัง พอมาถึงตรงช่วงใกล้ๆทางรถไฟสายมรณะ นายรถไฟจะมาบอกว่าใกล้ถึงแล้วให้เตรียมตัวขอพรและถ่ายรูป
(ตรงนี้น่าจะเรียกว่าถ้ำซะแกนะคะ)



วิธีการขอพรนั้นคือเราจะต้องเอามือไปลูบที่หน้าผาแล้วมาลูบหน้าผากเราเพื่อขอพร ตรงช่วงสายมรณะเลยนะคะ จะมีจุดที่ลูบได้อยู่ทางจนท.จะบอกให้ ส่วนจขกท.เกือบไม่ทันเพราะมัวแต่ไปถ่ายรูปที่หน้าขบวนอยู่อยากได้วิวชัดๆสวย

มุ่งหน้าไปน้ำตกกันเลยยยย ทางจนท.บอกว่าพอถึงแล้วอ่าอย่าพึ่งลงเดี๋ยวขบวนเราจะขึ้นไปใกล้ๆน้ำตกเลย
เวลาประมาณ 12.00น. เราก็มาถึงน้ำตกไทรโยคกัน จขกท.นั้งขบวนที่1 ตอนจอดนั้นติดกับร้านอาหารพอดีเลยคะ ลงมาก็เลยจัดส้มตำกันไป เสร็จประมาณบ่ายโมงแลัวก็เดินขึ้นไปดูน้ำตกกัน น้ำน้อยมาก(ก็แกไม่ได้ไปหน้าน้ำนี่หว่าา)
แม้จะน้ำน้อย แต่น้ำใสและเย็นมากๆเลยคะ คิดว่าถ้ามาหน้าน้ำนี่จะต้องสวยมากแน่ๆ เด็กๆเล่นน้ำกันสนุกสนานมาก แต่เราไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนเลยขอแค่เอาเท้าแตะๆแล้วกัน เพื่อนชาวต่างชาติบอกว่าถ้าเดินขึ้นไปข้างบนจะเจอต้นน้ำของน้ำตก โดยการเดินขึ้นไปแล้วต่อมอร์ไซต์ ประมาณ20 บาท ก็เจอถึง แล้วก็มีกิจกรรมให้เล่นเยอะอยู่คะ (เค้าบอกมาแบบนั้นนะคะ นี่ไม่ได้ขึ้นไป )

ประมาณ 14.30 น. ก็ถึงเวลาเดินทางกลับ นายรถไฟก็ยังคงแจ้งให้เตรียมน้ำดื่มอีกเหมือนเดิม นี่ก็เลยซื้อกันมาคนละขวด พอมาถึงที่กาญจนบุรี รอบนี้ทันดูสุสาน แต่ว่าเนื่องจากว่าร้อนมากๆๆๆ แดดเผาบนรถไฟอีก เลยขอนั่งพักอยู่ที่สถานีดีกว่า ที่สถานีมีร้านน้ำ ผลไม้ แล้วก็คิดว่าถ้าเย็นกว่านี้ตรงหน้าสถานีน่าจะมีตลาดด้วย
เตรียมตัวนั้งยาวๆๆกลับกรุงเทพได้ ตอนเย็นประมาณ 6 โมง จนท.ก็จะเอาของที่สั่งไปเมื่อตอนเช้ามาส่ง(ลืมบอกคะว่าเค้าจะมีมารับออเดอร์ด้วยอยากกินอะไรก็สั่งได้เลย แต่นี่ไม่สั่งเพราะตอนนั้นมัวแต่ถ่ายรูป)
ถึง สถานีบางซื่อประมาณ 1 ทุ่ม ตอนแรกว่าจะรอไปลงหัวลำโพง แต่จนท.บอกว่านานมากๆเพราะต้องรอรถไฟ สวนมากอีกหลายขบวน เลยตัดสินใจลงแล้วก็ขึ้นMRT กลับหอคะ
***โดยส่วนตัวแล้วการเดินทางครั้งนี้ชอบระหว่างทางมากกว่าน้ำตกคะ***
ค่ารถไฟ 240 -.
Taxi - 71 -.
ของใสบาตร 80 -.
ขนมและน้ำ 245 -.
อาหารกลางวัน 200-.
mrt 84 -.
รวมทั้งหมด 920-. สำหรับ 2 คนคะ
[CR] รีวิว ทริปกาญจนบุรี วันเดียวก็เฟี้ยวได้ รถไฟไทยกับเงิน 500 บาท
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ( 29/1/2560) ได้ทำทริปเล็กๆไปเที่ยวกับเพื่อนสาวสองคน
จริงๆแล้วตั้งใจจะไปตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้วแล้ว
แต่ว่าด้วยความเสร่อของตัวเอง ตอนจะจองตั๋วไม่ได้โทรไปถามก่อน ไปจองที่หัวลำโพงเลยแล้วปรากฏว่า "เต็มมมมมม"
OMG เลยได้เลื่อนมาเป็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแทนค่ะ
(สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวกาญจน์กับทางการรถไฟ แนะนำว่าให้จองตั๋วล่วงหน้าสัก1-2อาทิตย์นะคะ เพราะว่าเต็มเร็วมากๆ)
เริ่มเลยแล้วกันนนน
เช้ามืดวันอาทิตย์ เวลา 5.00 น. เอ้าาาาา ตื่นสาย สปีดเลยจ้าาา ปั่นทุกอย่างรีบออกจากหอโบกแท็กซี่ไปหัวลำโพง ถึงหัวลำโพง เวลาประมาณ 6.00 น. (ที่ต้องรีบเพราะว่ารถไฟไปน้ำตกมีรอบเดียวนะคะ คือรอบตอน 6.30น. )
เมื่อถึงหัวลำโพงแล้วก็พอมีเวลาอีกนิดหน่อยที่จะซื้อขนมและน้ำไปรองท้อง ก่อนที่รถไฟจะถึงนครปฐมคะ
ประมาณ 8.00 น. เย้เราก็มาถึงนครปฐมกันแล้ววว
นายรถไฟก็จะมาประกาศว่าให้เวลาเราประมาณกี่นาทีในการเดินเล่น หรือไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์กันประมาณ 30 นาที
พอรถไฟจอดปุบ ก็เริ่มปฏิบัติการ ตามล่าหาของกินยามเช้า
มีของกินเยอะมากๆคะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหลามของขึ้นชื่อของนครปฐม ข้าวเหนียวไก่ทอด ขนมเบื้องญวณ ขนมไทยต่างๆ
เดินต่อมาอีกหน่อยจะมีร้านขายของใส่บาตรด้วย
สาวๆใจบุญก็ต้องแวะกันซะหน่อย ชุดละ 40-. ขอพรให้วันนี้เป็นวันที่ดีและเดินทางปลอดภัย
หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์กันคะ วันที่เราไปนั้นมีเทศการอาหารและผลไม้(?)
มีของขายเต็มไปหมด
พอเราสักการะองค์พระปฐมกันแล้วก็เดินกลับมาที่รถไฟ แล้วก็เตรียมตัวไปสะพานแม่น้ำแควกัน (หลับตลอดทาง555)
ประมาณ 10.30น. เราก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควกัน นายรถไฟบอกให้เวลาประมาณ 20 นาที ในการถ่ายรูปและหาน้ำเตรียมเอาไว้เพราะว่ากว่าจะถึงน้ำตกระหว่างทางร้อนและแห้งมากๆ
เนื่องจากเรามีความมั่นหน้ามั่นโหนกว่าไม่ร้อนขนาดนั้น ฉันอ่านรีวิวมาเยอะ เลยไม่ได้เตรียม
ตรงที่รถไฟจอดของขายเยอะมากกกกก มีทั้งเสื้อผ้าและของกิน
หลังจากไปถ่ายรูปกันมาแล้ว เริ่มมีความรู้สึกว่าร้อนนิดๆ เหลือบไปเห็นไอศครีมมะพร้าวอ่อนน่ากินมาเลยไปจัดมา อันนึงแล้วอร่อยมากก
รถไฟสายมรณะก็ออกเดินทางต่อไป ระหว่างทางก็จะมีธรรมชาติๆสวยๆให้ดู (แต่ถ้าง่วงก็นอนเถอะคะ)
เริ่มร้อนแล้วแต่แดดไม่แรงมาก พอสู้ไหว พอไปเรื่อยๆนายรถไฟก็จะมาเล่าให้ฟังประวัติศาสตร์เล็กน้อยให้ฟัง พอมาถึงตรงช่วงใกล้ๆทางรถไฟสายมรณะ นายรถไฟจะมาบอกว่าใกล้ถึงแล้วให้เตรียมตัวขอพรและถ่ายรูป
(ตรงนี้น่าจะเรียกว่าถ้ำซะแกนะคะ)
วิธีการขอพรนั้นคือเราจะต้องเอามือไปลูบที่หน้าผาแล้วมาลูบหน้าผากเราเพื่อขอพร ตรงช่วงสายมรณะเลยนะคะ จะมีจุดที่ลูบได้อยู่ทางจนท.จะบอกให้ ส่วนจขกท.เกือบไม่ทันเพราะมัวแต่ไปถ่ายรูปที่หน้าขบวนอยู่อยากได้วิวชัดๆสวย
มุ่งหน้าไปน้ำตกกันเลยยยย ทางจนท.บอกว่าพอถึงแล้วอ่าอย่าพึ่งลงเดี๋ยวขบวนเราจะขึ้นไปใกล้ๆน้ำตกเลย
เวลาประมาณ 12.00น. เราก็มาถึงน้ำตกไทรโยคกัน จขกท.นั้งขบวนที่1 ตอนจอดนั้นติดกับร้านอาหารพอดีเลยคะ ลงมาก็เลยจัดส้มตำกันไป เสร็จประมาณบ่ายโมงแลัวก็เดินขึ้นไปดูน้ำตกกัน น้ำน้อยมาก(ก็แกไม่ได้ไปหน้าน้ำนี่หว่าา)
แม้จะน้ำน้อย แต่น้ำใสและเย็นมากๆเลยคะ คิดว่าถ้ามาหน้าน้ำนี่จะต้องสวยมากแน่ๆ เด็กๆเล่นน้ำกันสนุกสนานมาก แต่เราไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนเลยขอแค่เอาเท้าแตะๆแล้วกัน เพื่อนชาวต่างชาติบอกว่าถ้าเดินขึ้นไปข้างบนจะเจอต้นน้ำของน้ำตก โดยการเดินขึ้นไปแล้วต่อมอร์ไซต์ ประมาณ20 บาท ก็เจอถึง แล้วก็มีกิจกรรมให้เล่นเยอะอยู่คะ (เค้าบอกมาแบบนั้นนะคะ นี่ไม่ได้ขึ้นไป )
ประมาณ 14.30 น. ก็ถึงเวลาเดินทางกลับ นายรถไฟก็ยังคงแจ้งให้เตรียมน้ำดื่มอีกเหมือนเดิม นี่ก็เลยซื้อกันมาคนละขวด พอมาถึงที่กาญจนบุรี รอบนี้ทันดูสุสาน แต่ว่าเนื่องจากว่าร้อนมากๆๆๆ แดดเผาบนรถไฟอีก เลยขอนั่งพักอยู่ที่สถานีดีกว่า ที่สถานีมีร้านน้ำ ผลไม้ แล้วก็คิดว่าถ้าเย็นกว่านี้ตรงหน้าสถานีน่าจะมีตลาดด้วย
เตรียมตัวนั้งยาวๆๆกลับกรุงเทพได้ ตอนเย็นประมาณ 6 โมง จนท.ก็จะเอาของที่สั่งไปเมื่อตอนเช้ามาส่ง(ลืมบอกคะว่าเค้าจะมีมารับออเดอร์ด้วยอยากกินอะไรก็สั่งได้เลย แต่นี่ไม่สั่งเพราะตอนนั้นมัวแต่ถ่ายรูป)
ถึง สถานีบางซื่อประมาณ 1 ทุ่ม ตอนแรกว่าจะรอไปลงหัวลำโพง แต่จนท.บอกว่านานมากๆเพราะต้องรอรถไฟ สวนมากอีกหลายขบวน เลยตัดสินใจลงแล้วก็ขึ้นMRT กลับหอคะ
***โดยส่วนตัวแล้วการเดินทางครั้งนี้ชอบระหว่างทางมากกว่าน้ำตกคะ***
ค่าใช้จ่ายของทริปนี้ 2 คน
ค่ารถไฟ 240 -.
Taxi - 71 -.
ของใสบาตร 80 -.
ขนมและน้ำ 245 -.
อาหารกลางวัน 200-.
mrt 84 -.
รวมทั้งหมด 920-. สำหรับ 2 คนคะ