เจาะลึกไทม์ไลน์ชีวิต ‘โนบิตะ’…ลึกล้ำจนคุณต้องกลับไปดูอีกครั้ง !!

มั่นใจว่าแทบทุกคนต้องเคยดูโดราเอม่อน แต่ทุกทีเราก็ดูแค่ผ่านๆ เอาฮาเป็นตอนๆ โดยที่แทบไม่รู้เลยว่าไทม์ไลน์ชีวิตของโนบิตะนั้นล้ำลึกมาก อีกทั้งยังมีอีกหลายเรื่องราวที่น้อยคนจะสังเกต ตั้งแต่คำพูดบางคำของยายที่ทำให้โนบิตะซึ้งสุดขั้ว พ่อของโนบิตะพบรักกับแม่ได้ยังไง แล้วครั้งหนึ่งโนบิตะเคยมีบาดแผลในใจจากสาวข้างบ้านที่ย้ายไปอเมริกา (เฮ้ยมีด้วยเหรอ)!?


วันนี้จึงขอนำบทวิเคราะห์เจาะลึกที่คุณ ‘ชีริว’ เขียนไว้ใน Bloggang มาให้อ่าน ขอบอกว่าควรทำใจให้พร้อม เพราะมันละเอียดและล้ำมาก แต่ถ้าอ่านจนจบได้รับรองว่าอาจอยากย้อนกลับไปดูโดราเอม่อนอีกครั้งเลยทีเดียว!!!


                                                       

ก่อนจะเริ่มลุย ต้องบอกก่อนว่าแม้ข้อมูลหลายแห่งจะบอกว่าโนบิตะเกิด พ.ศ.2490 แต่นั่นคือเรื่องที่ผิดนะจ้ะ เพราะข้อมูลวันเกิดของโนบิตะ ที่ถูกต้อง เขาลืมตาดูโลกตอน 7 สิงหาคม 2507 ซึ่งได้ระบุไว้ในตอนที่ชื่อว่า “วันที่ผมเกิด” (น้อยรายมากจะรู้จัก) แล้วนี่เป็นตอนที่ตีพิมพ์ในฉบับหนังสือการ์ตูนเท่านั้น

แล้วที่ลึกล้ำนิดๆก็คือ ตอนที่โนบิตะได้ตีพิมพ์ลงนิตยสารเด็ก ตัวละครเจ้าแว่นเนิร์ดจะถูกกำหนดให้อยู่เพียงชั้น ป.1 และจะมีนิสัยไม่ซับซ้อนแต่ต่อมา เมื่อนักเขียนในตำนาน ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ไปตีพิมพ์นิตยสารผู้ใหญ่ ตัวละครโนบิตะก็ถูกปรับให้เป็น ป.6 ซึ่งจะมีบุคคลิกนิสัยที่ซับซ้อนมากขึ้น


                                                      

แค่เกริ่นมาก็มึนกันเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะ เพราะถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ก็อาจแทบไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน ส่วนไทม์ไลน์โนบิตะคร่าวๆนั้นมีดังนี้


– ปีปัจจุบันโนบิตะอายุ 10 ปี อยู่ ป.4
– โนบิตะหมั้นกับชิซุกะในวันที่ 25 ต.ค. ในอีก 14 ปีข้างหน้า
– โนบิตะแต่งงานเมื่อเขาอายุ 25 ปี จากนั้นโนบิตะก็ย้ายไปอยู่คอนโดกับชิซุกะในปีเดียวกัน
– โนบิตะมักนั่งไทม์แมชชีนไปอีก 25 ปีข้างหน้า เพื่อพบตัวเองวัย 35 ปี และโนบิสุเกะลูกชายตอนอายุ 10 ขวบ เท่าเขาตอนนี้

พูดมาซะยาวได้เวลาเริ่มต้นการผจญภัยแล้วล่ะ มาดูกันว่าชีวิตโนบิตะต้องเผชิญกับวิกฤติสำคัญใดบ้าง

ก่อนเริ่มขออินโทรเรื่องราวของพ่อแม่โนบิตะก่อน พ่อของโนบิตะคือ โนบิ โนบิซุเกะ แม่ของโนบิตะคือ โนบิ ทามาโกะ (นามสกุลเดิมคือคาตาโอกะ) ในเรื่องมีตอนที่เล่าเกี่ยวกับชีวิตก่อนทั้งคู่มาพบกันหลายตอน พอจะเอามาเรียงต่อกันได้ดังนี้ครับ

10 มิ.ย. 1945


                                                     

ขณะถูกพาหลบภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปทำงานหนักที่ชนบทร่วมกับเด็กผู้ชายคนอื่นๆ พ่อโนบิตะได้พบกับเด็กผู้หญิงที่งดงามราวลิลลี่ขาว …ซึ่งจริงๆก็คือโนบิตะปลอมตัวมานั่นเอง ปีนี้คือปีที่ญี่ปุ่นโดนปรมาณูจนแพ้สงครามครับ

10 ก.ค. 1948

แม่โนบิตะเอาแหวนของคุณยายไปเล่นแต่งงานแล้วเผลอทำหาย


                                                       

เมื่อ 25 ปีก่อน (*พิมพ์ครั้งแรกบอกปี 1949) พ่อของโนบิตะเรียนวาดรูปอยู่กับ อ.คาคิฮาร่า ซึ่งต่อมากลายเป็นศิลปินชื่อดัง โนบิตะตั้งใจจะนั่งไทม์แมชชีนไปซื้อภาพตอนอาจารย์ยังไม่ดังในราคาถูกๆ แต่ดันเผลอไปซื้อภาพของพ่อกลับมาซะนี่


                                                      

15 ก.พ. เมื่อ 20 ปีก่อน (*พิมพ์ครั้งแรกบอกปี 1958)

พ่อของโนบิตะปฏิเสธลูกสาวเศรษฐีที่จะช่วยออกเงินค่าเรียนศิลปะ ทำให้เขาไม่ได้แต่งงานเข้าตระกูลคนรวย เรียกว่าเป็นจุดหักเหใหญ่ของชีวิต


                                                     

ซึ่งในตอนนี้หลังลงฉบับรวมเล่ม ได้เขียนเพิ่มเติมว่าหลังโดนเตะออกจากบ้านเศรษฐีแล้ว พ่อโนบิตะได้บังเอิญวิ่งมาชนเอาแม่โนบิตะสมัยเป็นนักเรียน เธอทำตั๋วรถตกทำให้พ่อต้องเอาไปคืน จึงนับได้ว่าวันนี้ เป็นวันที่พ่อกับแม่โนบิตะ พบกันครั้งแรกด้วย

3 พ.ย. เมื่อ 12 ปีก่อน (*พิมพ์ครั้งแรกบอกปี 1959)

พ่อและแม่โนบิตะขอแต่งงานกันที่สวนสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันยังไม่รู้ว่าใครขอใครแต่งงาน เพราะโดราเอม่อน เอาหุ่นปลอมตัวไปง้อให้ทั้งคู่คืนดีและขอแต่งงานกันทีละฝ่ายนั่นเอง


                                                     

ถ้าถามว่าตามเวลาในท้องเรื่องพ่อแม่โนบิตะอายุเท่าไหร่ ก็ยังไม่แน่ใจว่ามีตัวเลขที่เป็นทางการหรือไม่ แต่อายุพ่อโนบิตะถูกเปิดเผยตอนที่โนบิตะทำตั๋วรถไฟใต้ดินให้ใช้ ระบุบนตั๋วว่า โนบิ โนบิโซ อายุ 36 ปี (ในตอนแรกๆพ่อของโนบิตะใช้ชื่อโนบิโซ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อโนบิซุเกะในตอนหลัง) ส่วนแม่โนบิตะเคยถูกโดราเอม่อนเอาเครื่องตรวจสอบอายุยิงหนนึง ได้ 38 ปี

10 ปีก่อน

วันที่ 7 สิงหาคม เมื่อ 10 ปีก่อน (*พิมพ์ครั้งแรกบอกปี 1964)

โนบิตะลืมตาดูโลก พ่อได้ตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า “โนบิตะ” ซึ่งหมายถึงการเติบโตอย่างแข็งแรงและเจริญก้าวหน้าไม่สิ้นสุด ทั้งพ่อและแม่คาดหวังว่าลูกน้อยคนนี้จะต้องเติบโตเป็นคนดี ทำประโยชน์ให้แก่สังคม ซึ่งโนบิตะในปัจจุบันนั่งไทม์แมชชีนมาฟังความคาดหวังของพ่อแม่แล้วก็มีแรงให้ขยันเพื่อพ่อแม่มากขึ้นอีกนิด


                                                   

ประโยคแรกที่ทารกโนบิตะพูดคืออะไรใครนึกออกบ้างครับ? ถ้าไม่เคยอ่านต้องเดากันไม่ถูกแน่ๆ… ประโยคนั้นคือ “ผมอยากกินโคล่าฮะ” นั่นเป็นเพราะโนบิตะคนปัจจุบันได้ใช้ของวิเศษย้ายวิญญาณตัวเองเข้าไปในตัวเองตอนยังเป็นทารกอยู่ แล้วเขาไม่อยากดื่มนมน่ะซี

7 ปีก่อน


                                                     

โนบิตะเคยนั่งไทม์แมชชีนไปตอนที่ตัวเองอายุ 3 ขวบ เพื่อพบคุณย่าสมัยยังมีชีวิตอยู่ ย่าต้องการเลี้ยงดูโนบิตะตลอดไป แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เพราะย่าแก่มากแล้ว โนบิตะเลยกลับไปสะพายกระเป๋านักเรียนมาให้ดูแล้วบอกว่าตัวเขานี่แหละ คือโนบิตะตอนอยู่ประถมและนั่งไทม์แมชชีนมา ซึ่งย่าก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าโนบิตะคนนี้แหละคือหลานชายของเธอ ตอนที่สุดประทับใจนี้ถูกทำเป็นแอนิเมชั่นความยาว 27 นาที ออกฉายในปี 2000 ด้วย

โนบิตะเคยนั่งไทม์แมชชีนเพื่อมาพาคุณย่าไปพบพ่อในปัจจุบันด้วย แต่ตอนนี้พลาดไปหน่อยที่บอกว่านั่งไทม์แมชชีนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่โนบิตะในอดีตนั้นโตราวๆ 3-4 ขวบแล้ว และตอนนี้คุณย่าจำได้ว่าโนบิตะเคยมาเยี่ยมหนหนึ่งแล้ว น่าจะเป็น 7 ปีก่อนมากกว่า

6 ปีก่อน

ในสมัยอนุบาล โนบิตะมีเพื่อนสาวคนแรกชื่อนนจัง เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักข้างบ้านที่อาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน โนบิตะถูกพวกไจแอนล้อว่าเล่นกับผู้หญิงและแซวว่าสงสัยจะรักนนจัง แถมท้าให้ไปแกล้งนนจังให้ดู ซึ่งโนบิตะก็ยอมใจดำแกล้งนนจังแล้วขโมยรองเท้ามาข้างนึงเพื่อเข้าเป็นพวกเดียวกับไจแอนท์ เขาไม่รู้ว่านนจังกำลังจะย้ายบ้านไปอเมริกา กว่าจะรู้ตัว บ้านของนนจังก็ไม่มีใครอยู่แล้ว โนบิตะรู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ขอโทษเธอ และเก็บรองเท้าแดงข้างนั้นไว้ในห้องมาตลอด (มีคนบอกว่าภาพยนตร์เรื่อง “แฟนฉัน” ที่สุดโด่งดังเมื่อปี พ.ศ. 2546 พล็อตคล้ายๆโดราเอม่อนตอนนี้เลย) ยังไงก็นับว่าโชคดีที่โดราเอม่อนมีไทม์แมชชีน โนบิตะเลยมีโอกาสกลับไปอำลานนจังและจากกันด้วยดี


                                                   

โนบิตะเข้ามาอยู่ในกลุ่มไจแอนท์ ซูเนโอะ และชิซุกะ ตอนเขาอายุได้ 4 ขวบ สถานที่เล่นประจำคือกองไม้ที่อยู่แถวบ้าน


                                                   

คุณย่าเสียชีวิตตอนที่โนบิตะยังอยู่อนุบาล ตอนนั้นย่าป่วยหนัก คำสอนสุดท้ายของย่าที่สอนให้แก่โนบิตะคือจงทำตัวอย่างตุ๊กตาล้มลุก ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้งมันก็ยังสามารถลุกขึ้นได้เสมอ…

3 ปีก่อน

โนบิตะขึ้นเรียนชั้น ป.1 ตอนนั้นเขาตื่นเต้นกับการไปโรงเรียนครั้งแรกมาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่การเรียนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายสำหรับโนบิตะไป


                                                    

1 ปีก่อน

เมื่อ 1 ปีก่อน ตัดต้นพลับที่บ้านทิ้ง

ปัจจุบัน

ใช้ชีวิตไปตามเรื่องราว มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง


                                                    

จากไทม์ไลน์ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าแท้จริงแล้วโนบิตะใช้ชีวิตอยู่บนโลกเกิน 10 ปี แถมไม่พอยังมีเรื่องในอนาคตที่ต้องดูกันต่ออีก

อนาคต อีก 3 ปีข้างหน้า

โนบิตะตอนอยู่ ม.ต้น มักกลับมาหาโนบิตะคนปัจจุบัน เพื่อเคี่ยวเข็ญให้ตั้งใจเรียน ตัวเขาในอนาคตจะได้ฉลาดๆ แต่ก็มักถูกโนบิตะตอน ม.ปลายลากกลับไป


                                                   

อนาคต อีก 8 ปีข้างหน้า

โนบิตะฟลุ๊คจบ ม.ปลายได้ แต่เอ็นท์ไม่ติด


                                                       

ลูกพลับที่ปลูกไว้ในสวนตอนปัจจุบันแทนต้นเก่า ออกลูกกินได้แล้ว โนบิตะตอน ม.ปลาย ต้องคอยไล่โนบิตะคนปัจจุบันที่นั่งไทม์แมชชีนมาขโมยกินลูกพลับ

อนาคต อีก 9 ปีข้างหน้า

ปีนี้โนบิตะเข้ามหาวิทยาลัยได้ เพราะมีคนสละสิทธิ์ที่นึง

อนาคต ไม่ทราบปี

โนบิตะและครอบครัวย้ายไปอยู่แมนชั่น ส่วนบ้านปัจจุบันกลายเป็นส้วมสาธารณะ
ไม่แน่ใจว่าโดราเอม่อนกลับไปโลกอนาคตตอนไหน แต่โนบิตะตอนโตไม่มีโดราเอม่อนอยู่ด้วยแล้ว

อนาคต อีก 14 ปีข้างหน้า

ชิซุกะไปปีนเขาเล่นสกีกับเพื่อนๆ (ชวนโนบิตะไม่ยอมไปเลยต้องไปกับเพื่อนแทน) แต่หมอกลงหนาจนพลัดหลงกับเพื่อนคนอื่นๆ โนบิตะวัย 24 ไข้ขึ้นนอนซมอยู่บนเตียง โนบิตะคนปัจจุบันจึงใช้ผ้าคลุมกาลเวลาทำให้ตัวเองโตขึ้นแล้วนั่งไทม์แมชชีนไปหาชิซุกะ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แถมยังโชว์ความไม่เอาไหนเข้าไปอีก ชิซุกะติดต่อเรียกคนมาช่วยจนทั้งสองกลับมาได้อย่างปลอดภัย


                                                         


อนาคต อีก 15 ปีข้างหน้า

โนบิตะแต่งงานกับชิซุกะที่โรงแรม Prince Melon Hotel ชั้น 38 เมื่อเขาอายุได้ 25 ปี แต่ไม่มีการระบุวันที่แต่งงานไว้ โนบิตะจำวันแต่งงานผิดไปหนึ่งวัน เลยมาถึงโรงแรมก่อนกำหนด วันนี้ไจแอนท์ ซูเนโอะ และเดคิซุงิ เพื่อนสมัยเรียนประถมนัดโนบิตะไปเลี้ยงสละโสดด้วย ขณะที่โนบิตะกำลังเฮฮา ทางด้านชิซุกะกลับคิดลังเลใจว่าจะแต่งงานดีไหม เพราะไม่อยากทิ้งพ่อไป เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่เคยทำอะไรตอบแทนคุณพ่อเลย แต่พ่อก็บอกกับชิซุกะว่าการที่ชิซุกะเกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่และได้มอบความทรงจำมากมายให้กับพวกเขานั่นแหละ คือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด


                                                     

มีต่อ คห.1 นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่