มั่นใจว่าทุกคนรู้จักสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth,USB หรือแม้แต่ปุ่มปิดเปิดคอมพิวเตอร์ แต่น้อยคนเหลือเกินที่จะรู้ว่า ‘สัญลักษณ์พวกนี้มันกำเนิดมาจากอะไรกันแน่? แล้วมีความหมายใดซ่อนอยู่เบื้องหลังรึเปล่านะ?’
เพื่อตอบคำถามนั้น หมีขาวจึงลงมือค้นคว้า จนได้พบกับคลิปนี้ที่บอกเล่าต้นกำเนิดของสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวันแบบละเอียดยิบ ซึ่งจุดกำเนิดของแต่ละอย่างก็เล่นเอาช็อคไปเลย เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเริ่มต้นเพราะสิ่งเหล่านี้ จะน่าทึ่งแค่ไหน ลองมาดูกันจ้ะ
1.สัญลักษณ์ Bluetooth
สัญลักษณ์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อของ ‘Harald Blatand’ กษัตริย์เหล่าไวกิ้งผู้พิชิตรวบรวมแผ่นดิน Norway และ Denmark ซึ่งชื่อของเขาเรียกอีกแบบได้ว่า ‘Bluetooth’
หลังจากทราบตำนานดังกล่าว ผู้ผลิต Bluetooth Wireless ก็คิดว่า ชื่อของกษัตริย์เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนมาก เนื่องจาก Bluetooth คือเทคโนโลยีที่เชื่อมระหว่าง PC กับอุตสาหกรรม Cellular เข้าด้วยกัน (เปรียบเหมือนราชา Viking ที่รวมแผ่นดิน Denmark และ Norway)
ส่วนสัญลักษณ์ของ Bluetooth นั้นเกิดจากการนำอักษรย่อของราชาองค์นี้ ในภาษา Danish Runes มาผสมกัน
จนเกิดเป็นสิ่งที่เราเห็นในทุกวันนี้
2.ปุ่ม Command Key ของ Apple
อันที่จริงสัญลักษณ์นี้เรียกกันว่า ‘Gorgon Loop’
ซึ่งแท้จริงแล้ว มันเป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ตามถนนในสวีเดน เพื่อใช้บ่งชี้ว่ามีสถานที่ใดที่น่าสนใจสำหรับการตั้งแคมป์บ้าง
3.ปุ่มปิดเปิด (Power Button)
ปุ่มปิดเปิดนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบ Binary System ที่มีการใช้นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเลข 1 แทนความหมายว่า ‘เปิด’ ส่วน เลข 0 แทนความหมายว่า ‘ปิด’
ทีนี้ลองเอาทั้งสองเลขมาซ้อนทับกันดูสิ
มันก็จะออกมาเป็นแบบนี้ แต่น แต๊น
4.สัญลักษณ์ USB
แม้จะน่าเหลือเชื่อ แต่ USB ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตรีศูลของเทพเนปจูน
โดยรูปร่างของตรีศูลที่แตกต่างกัน สื่อแทนความหมายว่า USB คือเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อได้กับหลายอุปกรณ์ (เปรียบเสมือนตรีศูลที่มีถึง 3 ง่าม นั่นเอง)
5.สัญลักษณ์สันติภาพ
น้อยคนนักจะรู้ว่ามันมีจุดเริ่มต้นมาจากแคมเปญ ต่อต้านนิวเคลียร์ใน Britain
โดยผู้คนได้ใช้สัญลักษณ์แปรรหัสแบบธง และวางอักษร N กับ D ซ้อนทับเข้าด้วยกัน ซึ่งตัว N แทนคำว่า Nuclear และ D แทนคำว่า Disagree (รวมกันเป็น Nuclear Disagreement : แปลว่าเราไม่เห็นด้วยกับการใช้นิวเคลียร์นั่นเอง)
ตอนแยกกันหน้าตาเป็นแบบนี้
แต่พอรวมกันมันก็เกิดสันติภาพขึ้น
เพิ่งรู้จริงๆนะเนี่ยว่าสัญลักษณ์เหล่านี้มีความลึกล้ำถึงเพียงนี้ นับถือคนคิดมาก สุดยอดเกินบรรยาย
ที่มา: BuzzFeedVideo
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.meekhao.com/news/5-origin-of-sign
สัญลักษณ์นี้ทุกคนรู้จักดี แต่อาจไม่รู้ถึงต้นกำเนิดของมัน
เพื่อตอบคำถามนั้น หมีขาวจึงลงมือค้นคว้า จนได้พบกับคลิปนี้ที่บอกเล่าต้นกำเนิดของสัญลักษณ์ในชีวิตประจำวันแบบละเอียดยิบ ซึ่งจุดกำเนิดของแต่ละอย่างก็เล่นเอาช็อคไปเลย เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเริ่มต้นเพราะสิ่งเหล่านี้ จะน่าทึ่งแค่ไหน ลองมาดูกันจ้ะ
1.สัญลักษณ์ Bluetooth
สัญลักษณ์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อของ ‘Harald Blatand’ กษัตริย์เหล่าไวกิ้งผู้พิชิตรวบรวมแผ่นดิน Norway และ Denmark ซึ่งชื่อของเขาเรียกอีกแบบได้ว่า ‘Bluetooth’
หลังจากทราบตำนานดังกล่าว ผู้ผลิต Bluetooth Wireless ก็คิดว่า ชื่อของกษัตริย์เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนมาก เนื่องจาก Bluetooth คือเทคโนโลยีที่เชื่อมระหว่าง PC กับอุตสาหกรรม Cellular เข้าด้วยกัน (เปรียบเหมือนราชา Viking ที่รวมแผ่นดิน Denmark และ Norway)
ส่วนสัญลักษณ์ของ Bluetooth นั้นเกิดจากการนำอักษรย่อของราชาองค์นี้ ในภาษา Danish Runes มาผสมกัน
จนเกิดเป็นสิ่งที่เราเห็นในทุกวันนี้
2.ปุ่ม Command Key ของ Apple
อันที่จริงสัญลักษณ์นี้เรียกกันว่า ‘Gorgon Loop’
ซึ่งแท้จริงแล้ว มันเป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่ตามถนนในสวีเดน เพื่อใช้บ่งชี้ว่ามีสถานที่ใดที่น่าสนใจสำหรับการตั้งแคมป์บ้าง
3.ปุ่มปิดเปิด (Power Button)
ปุ่มปิดเปิดนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบ Binary System ที่มีการใช้นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเลข 1 แทนความหมายว่า ‘เปิด’ ส่วน เลข 0 แทนความหมายว่า ‘ปิด’
ทีนี้ลองเอาทั้งสองเลขมาซ้อนทับกันดูสิ
มันก็จะออกมาเป็นแบบนี้ แต่น แต๊น
4.สัญลักษณ์ USB
แม้จะน่าเหลือเชื่อ แต่ USB ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตรีศูลของเทพเนปจูน
โดยรูปร่างของตรีศูลที่แตกต่างกัน สื่อแทนความหมายว่า USB คือเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อได้กับหลายอุปกรณ์ (เปรียบเสมือนตรีศูลที่มีถึง 3 ง่าม นั่นเอง)
5.สัญลักษณ์สันติภาพ
น้อยคนนักจะรู้ว่ามันมีจุดเริ่มต้นมาจากแคมเปญ ต่อต้านนิวเคลียร์ใน Britain
โดยผู้คนได้ใช้สัญลักษณ์แปรรหัสแบบธง และวางอักษร N กับ D ซ้อนทับเข้าด้วยกัน ซึ่งตัว N แทนคำว่า Nuclear และ D แทนคำว่า Disagree (รวมกันเป็น Nuclear Disagreement : แปลว่าเราไม่เห็นด้วยกับการใช้นิวเคลียร์นั่นเอง)
ตอนแยกกันหน้าตาเป็นแบบนี้
แต่พอรวมกันมันก็เกิดสันติภาพขึ้น
เพิ่งรู้จริงๆนะเนี่ยว่าสัญลักษณ์เหล่านี้มีความลึกล้ำถึงเพียงนี้ นับถือคนคิดมาก สุดยอดเกินบรรยาย
ที่มา: BuzzFeedVideo [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้