สวัสดีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้รถใช้ถนนในเมืองหลวงแห่งนี้ ด้วยผมเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดมากๆอยู่แล้ว เพื่อจะไม่ให้ตัวเองต้องเสียผลประโยชน์หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ทุกคนที่เคยอยู่บนถนนสายต่างๆของ กทม. คงเข้าใจใช่มั้ยครับว่าการจราจรในบ้านเราค่อนข้างที่จะยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลอยู่เสมอ และมักง่ายมากๆ จนมันก่อเกิดเป็นนิสัย เป็นสัuดาน ติดตัว
นึกอยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวเลย ไม่เปิดไฟเลี้ยว, รู้ว่าตัวเองจะเข้าซ้ายแต่ทีแรก ก็หักมาจากขวาสุด ปาดเขาซะหมด, เห็นช่องโล่งหน่อย เบียดเข้าทันที จนคนข้างหลังต้องเบรคกระทันหัน ฯลฯ
ผมโดนมาหมดครับ และอุบัติเหตุมันก็เกิดขึ้นกับตัวผมจนได้...
ในวันที่ 27 มกราคม 2560 เวลา 09.00 น. โดยประมาณ ผมกำลังจะเดินทางไปทำงาน ใช้ถนนรามอินทรามุ่งหน้าไปมีนบุรีครับ ขณะที่ผมกำลังขึ้นสะพานบนทางข้าม ก.ม.8 ผมอยู่เลนขวา เพราะต้องทำความเร็วแซงรถจักรยานยนต์ที่ครองเลนซ้ายอยู่ ซึ่งเลนขวารถกำลังไปได้เรื่อยๆ เว้นระยะห่างกันได้สวยงาม ทันใดนั้นข้างหน้าผมมีการเบรคกระทันหันครับ ผมก็เบรกอยู่เพราะผมทิ้งระยะห่างไว้พอสมควรเลย
ผมที่กำลังเป่าปากโล่งใจว่ารอดไปแล้ว ข้างหน้าก็ค่อยๆไหล ผมก็กำลังไหลรถตามไป อึดใจเดียวครับ มีเสียงรถพุ่งมาอย่างรวดเร็วชนเข้าที่รถผมอย่างจัง รถผมกระแทกไปชนคันข้างหน้า และคันข้างหน้าก็ไปชนอีกคันนึง คันที่ชนรถผมก็เด้งถอยหลังไปชนคันหลังอีกที เป็น 5 คันรวดครับ ผมค่อนข้างมึนงงกับเหตุการณ์ แต่รีบออกมาจากตัวรถเพื่อมาดูคนเจ็บครับ โชคดีมากที่ไม่มีใครเจ็บ แต่สภาพรถผมแทบดูไม่ได้เลย
รถผมยังขับได้อยู่ เลยพากันลงสะพานไปแอบอยู่ริมฟุตบาทกันครับ พูดคุยถึงเหตุการณ์ มี คันที่1 คันที่2 ผมคันที่3 คนชนคันที่4 และคันที่5
ได้ใจความจากการคุยกันทั้งหมดว่า คันที่ 4 เขามาด้วยความเร็วมากครับ เขามาเร็วจากเลนซ้ายแทรกขวาตัดหน้าคันที่ 5 ชนผมพอดี ไม่มีเบรก
ก็เรียกประกันมาเคลียร์ รถผมเคลมหนักทั้งคัน หน้าหายเรียบ หลังพัง ประตูเปิดไม่ได้ บุบเข้าไป ยกเว้นแค่ฝั่งคนขับ ลากรถเข้าศูนย์ฯครับ จากนั้นผมนั่งโดยสารประจำทางมานั่งทำงานต่อ ตอนแรกผมคิดว่ามันก็แค่วันซวยๆวันนึงครับ ก็ไม่พยายามคิดอะไร
ขณะนั่งทำงานสักพักผมก็มึนหัวครับ มันมึนตึ้บๆ แล้วเบลอๆ เอ๋อๆไปครู่นึงเลย แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนถูกชนแล้วผมแทบจะอาเจียนออกมาเลย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าผมจะนั่งแท็กซี่หรือนั่งรถอะไร หรือขับรถมาเอง(ยืมรถออฟฟิสมาขับ) ผมจะต้องคิดมากอยู่เสมอเลยครับ เวลาคนขับแท็กซี่ไปขับจี้ตูดเขา หรือข้างหน้าเบรกกระทันหัน ทั้งๆที่ผมเจอเหตุการณ์พวกนี้จนเป็นปกติมาหลายปี แต่ตอนนี้ผมกลับไม่เหมือนเดิมเลยครับ ผมประเมินตัวเองได้ว่า ความสามารถในการขับขี่ผมลดลง ในตอนนี้ผมผวามาก ถ้าเจอพวกจ่อตูด หรือปาดหน้า เบรกกระทันหัน ผมจะสั่นๆ แบบแปลกๆ แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก ภาพในตอนนั้นมันจะแว้บขึ้นมาตลอดเลย
ผมไม่สามารถหยุดขับรถได้ เพราะผมต้องขับรถมาทำงาน ที่ทำงานผมเวลางานเร่งจะกลับดึกครับ แถมผมยังไม่ค่อยวางใจแท็กซี่ อีกอย่างเป็นคนขับรถให้กับครอบครัว ทางครอบครัวผมก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องเสียรถยนต์คันแรกไป ส่งผลทางจิตใจให้กับครอบครัวและพ่อที่เป็นคนขับรถไม่สามารถขับได้อีกเลยครับ ส่วนน้องสาวกับแฟนยังขับรถไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ ผมชำนาญที่สุดในบ้าน กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งทำให้ผมกังวลสุดๆเลยครับ ต่อหน้าคนอื่นเหมือนไม่มีอะไรนะครับ แต่ในผมนี่มันหวิวๆทุกที
วันเสาร์นี้จะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดด้วย ผมต้องพาครอบครัวอีก 5 ชีวิตร่วมเดินทางด้วย ผมคงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าเดิม
ใครที่ชอบขับเร็ว ขับจี้ ไม่เคารพตามกฎจราจร อยากจะให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุก็อาจไม่รู้ แต่หากอุบัติเหตุมันเกิดอาจจะมีคนที่สูญเสียอะไรไปหลายอย่าง เพียงเพราะความประมาทของคุณ ขอบคุณครับ
ผมกำลังเยียวยาจิตใจตัวเองจากความมักง่ายของคนขับรถใน กทม.
นึกอยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวเลย ไม่เปิดไฟเลี้ยว, รู้ว่าตัวเองจะเข้าซ้ายแต่ทีแรก ก็หักมาจากขวาสุด ปาดเขาซะหมด, เห็นช่องโล่งหน่อย เบียดเข้าทันที จนคนข้างหลังต้องเบรคกระทันหัน ฯลฯ
ผมโดนมาหมดครับ และอุบัติเหตุมันก็เกิดขึ้นกับตัวผมจนได้...
ในวันที่ 27 มกราคม 2560 เวลา 09.00 น. โดยประมาณ ผมกำลังจะเดินทางไปทำงาน ใช้ถนนรามอินทรามุ่งหน้าไปมีนบุรีครับ ขณะที่ผมกำลังขึ้นสะพานบนทางข้าม ก.ม.8 ผมอยู่เลนขวา เพราะต้องทำความเร็วแซงรถจักรยานยนต์ที่ครองเลนซ้ายอยู่ ซึ่งเลนขวารถกำลังไปได้เรื่อยๆ เว้นระยะห่างกันได้สวยงาม ทันใดนั้นข้างหน้าผมมีการเบรคกระทันหันครับ ผมก็เบรกอยู่เพราะผมทิ้งระยะห่างไว้พอสมควรเลย
ผมที่กำลังเป่าปากโล่งใจว่ารอดไปแล้ว ข้างหน้าก็ค่อยๆไหล ผมก็กำลังไหลรถตามไป อึดใจเดียวครับ มีเสียงรถพุ่งมาอย่างรวดเร็วชนเข้าที่รถผมอย่างจัง รถผมกระแทกไปชนคันข้างหน้า และคันข้างหน้าก็ไปชนอีกคันนึง คันที่ชนรถผมก็เด้งถอยหลังไปชนคันหลังอีกที เป็น 5 คันรวดครับ ผมค่อนข้างมึนงงกับเหตุการณ์ แต่รีบออกมาจากตัวรถเพื่อมาดูคนเจ็บครับ โชคดีมากที่ไม่มีใครเจ็บ แต่สภาพรถผมแทบดูไม่ได้เลย
รถผมยังขับได้อยู่ เลยพากันลงสะพานไปแอบอยู่ริมฟุตบาทกันครับ พูดคุยถึงเหตุการณ์ มี คันที่1 คันที่2 ผมคันที่3 คนชนคันที่4 และคันที่5
ได้ใจความจากการคุยกันทั้งหมดว่า คันที่ 4 เขามาด้วยความเร็วมากครับ เขามาเร็วจากเลนซ้ายแทรกขวาตัดหน้าคันที่ 5 ชนผมพอดี ไม่มีเบรก
ก็เรียกประกันมาเคลียร์ รถผมเคลมหนักทั้งคัน หน้าหายเรียบ หลังพัง ประตูเปิดไม่ได้ บุบเข้าไป ยกเว้นแค่ฝั่งคนขับ ลากรถเข้าศูนย์ฯครับ จากนั้นผมนั่งโดยสารประจำทางมานั่งทำงานต่อ ตอนแรกผมคิดว่ามันก็แค่วันซวยๆวันนึงครับ ก็ไม่พยายามคิดอะไร
ขณะนั่งทำงานสักพักผมก็มึนหัวครับ มันมึนตึ้บๆ แล้วเบลอๆ เอ๋อๆไปครู่นึงเลย แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ตอนถูกชนแล้วผมแทบจะอาเจียนออกมาเลย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าผมจะนั่งแท็กซี่หรือนั่งรถอะไร หรือขับรถมาเอง(ยืมรถออฟฟิสมาขับ) ผมจะต้องคิดมากอยู่เสมอเลยครับ เวลาคนขับแท็กซี่ไปขับจี้ตูดเขา หรือข้างหน้าเบรกกระทันหัน ทั้งๆที่ผมเจอเหตุการณ์พวกนี้จนเป็นปกติมาหลายปี แต่ตอนนี้ผมกลับไม่เหมือนเดิมเลยครับ ผมประเมินตัวเองได้ว่า ความสามารถในการขับขี่ผมลดลง ในตอนนี้ผมผวามาก ถ้าเจอพวกจ่อตูด หรือปาดหน้า เบรกกระทันหัน ผมจะสั่นๆ แบบแปลกๆ แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก ภาพในตอนนั้นมันจะแว้บขึ้นมาตลอดเลย
ผมไม่สามารถหยุดขับรถได้ เพราะผมต้องขับรถมาทำงาน ที่ทำงานผมเวลางานเร่งจะกลับดึกครับ แถมผมยังไม่ค่อยวางใจแท็กซี่ อีกอย่างเป็นคนขับรถให้กับครอบครัว ทางครอบครัวผมก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องเสียรถยนต์คันแรกไป ส่งผลทางจิตใจให้กับครอบครัวและพ่อที่เป็นคนขับรถไม่สามารถขับได้อีกเลยครับ ส่วนน้องสาวกับแฟนยังขับรถไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ ผมชำนาญที่สุดในบ้าน กลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งทำให้ผมกังวลสุดๆเลยครับ ต่อหน้าคนอื่นเหมือนไม่มีอะไรนะครับ แต่ในผมนี่มันหวิวๆทุกที
วันเสาร์นี้จะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดด้วย ผมต้องพาครอบครัวอีก 5 ชีวิตร่วมเดินทางด้วย ผมคงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าเดิม
ใครที่ชอบขับเร็ว ขับจี้ ไม่เคารพตามกฎจราจร อยากจะให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุก็อาจไม่รู้ แต่หากอุบัติเหตุมันเกิดอาจจะมีคนที่สูญเสียอะไรไปหลายอย่าง เพียงเพราะความประมาทของคุณ ขอบคุณครับ