สวัสดีเพื่อนๆพันทิปทุกคนค่ะ กระทู้นี้เป็นครั้งแรกที่ตั้งเลยเพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่สนใจจะไปศึกษาต่อที่อเมริกาค่ะ
ขอเกริ่นเรื่องตัวเองสักเล็กน้อยนะคะ เนื่องจากว่า จขกท มีแพลนจะเรียนต่อปริญญาโทมาเป็นปีแล้วค่ะ แต่อยากลองทำงานก่อนสัก 1 ปีเพื่อค้นหาตัวเองว่าชอบทางด้านนี้จริงๆรึป่าว พอทำงานครบก็ได้ออกจากงานเพื่อเตรียมตัวเรื่องเรียนต่อ ทั้งในด้านภาษาและอื่นๆ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นอยากจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ จนยื่นเรื่องได้ offer มาเรียบร้อยแล้ว แต่ช่วงที่เตรียมตัวนี่แหละค่ะ ได้มีโอกาสไปเที่ยวอเมริกาประมาณ 15 วันได้ เที่ยวเสร็จกลับมาปุ้ปเท่านั้นแหละจ้า บอกแม่ว่า อยากเปลี่ยนใจไปเรียนที่อเมริกาแล้ววววว ฮ่าๆๆ
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนแผนใหม่หมด เพื่อมาศึกษาดูข้อมูลอย่างจริงจังซึ่งตอนแรกถึงกับงง เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยากละซับซ้อนกว่าในเรื่องของการยื่นเอกสารสำหรับการเรียนต่อระดับปริญญาโทถ้าเทียบกับอังกฤษ (จขกท จะเรียนต่อ law school ค่ะ) ซึ่งมหาวิทยาลัยในอเมริกา นักเรียนต่างชาติที่จะเรียน law จะต้องส่งเอกสารผ่านองค์กรที่เรียกว่า LSAC เพื่อเป็นตัวกลางส่งเอกสารของเราเพื่อสมัครเรียนในมหาลัยที่ที่เราต้องการ apply และ transcript ต้องเป็นตัวจริงและใส่ซองปิดผนึกมีลายเซ็นเจ้าหน้าที่ทะเบียนเซ็นคร่อมด้วยอีกต่างหาก กว่าจะส่งเอกสารครบก็เพลียเลยค่า
แต่ จขกท ยังมีปัญหาในด้านภาษาอยู่บ้าง ซึ่งยังไม่ได้เกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด จึงตัดสินใจว่าจะไปเรียนภาษาเพื่อพัฒนาทักษะของตัวเองและปรับตัวให้ได้ก่อนตอนได้ไปเรียนจริงๆ จึงทำการติดต่อสถาบันภาษาไป จนได้ I-20 มาและไปยื่นนัดสัมภาษณ์วีซ่า ณ สถานทูตอเมริกา ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดหิน และไม่สามารถคาดการณ์ใดๆได้ แล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ล้วนๆ 55555 ซึ่งก่อนหน้านี้ จขกท เคยได้วีซ่าประเภทท่องเที่ยว B1/B2 มาแล้วแต่ก็ยังคงตื่นเต้นละกังวลเหมือนเดิมทั้งๆที่สถานทูตก็ไม่ได้แอร์เย็นเท่าห้องปกครองเลย
ได้วันนัดสัมภาษณ์วันที่ 26 มกราคม 2017 ค่ะ ขอตัดไปที่บทสนทนาเลยละกันนะคะ เนื่องจากในพันทิปมีกระทู้ที่ละเอียดมากๆบอกทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่ง จขกท ได้ทำและเตรียมเอกสารเองทุกอย่างเองโดยไม่ผ่าน agency ใดๆ ได้ก็เพราะได้ความรู้จากเพื่อนๆในพันทิปนี่ละคะ เลยอยากจะมาแชร์คำถามเผื่อเอาไว้เตรียมตัวค่ะ เราได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ผู้ชายค่ะ
คำถามแรก Q : คุณจะไปเรียนที่ไหนครับ (พูดไทย) เรา: (ฟังไม่ค่อยถนัดเพราะพูดไทยสำเนียงเหน่อๆ เราเลยพูดไปว่า sorry?
เท่านั้นแหละเจ้าหน้าที่เลยบอก คุณจะพูดภาษาอังกฤษใช่มั้ย โอเค หลังจากนั้นก็พูดภาษาอังกฤษล้วนๆ 555
Q: คุณจะไปเรียนที่ไหน ( Chicago)
Q : โรงเรียนชื่อว่าอะไร ( xx )
Q : ไปเรียนกี่เดือน (3 เดือน)
Q : ทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่ (อยากพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองและอยากอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถาณการณ์ที่ใช้พูดกันจริงๆ น่าจะช่วยพัฒนาทักษะได้ดี)
Q : คุณมีแพลนอะไรหลังจากเรียนที่นี่จบ (ต่อ ป.โท)
Q : ต่อที่ไหน (ยูเดียวกันกับที่เรียนภาษาค่ะ ที่ xx)
Q : ใครเป็นสปอนเซอร์ให้คุณ (แม่)
Q : แม่ทำงานอะไร (ธุรกิจส่วนตัว)
Q: ประเภทไหน ( ประเภท….)
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ดูในจอคอมค่ะ ละหันมาถามว่า
Q : คุณเคยบอกว่าคุณมีแพลนจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ทำไมคุณถึงเปลี่ยนมาเรียนที่อเมริกาละ?
(เราสตั้นไป 2 วิ เพราะเราเคยตอบไปตอนสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว ว่าเรากำลังจะไปเรียนต่อ เป็นช่วงที่เราออกจากงานพอดี เลยบอกไปเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เราเลยตอบไปว่า ปีที่แล้วได้มีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองนี้ เลยรู้สึกชอบมากและคนที่นี่ก็เป็นมิตร มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บลาๆๆ 555)
Q : ไปกี่วัน (15วัน)
Q : ขอดู bank statement ของแม่คุณด้วยครับ ( ยื่นให้เรียบร้อย)
Q : ผ่านครับ ( ขอบคุณมากค่ะ)
ตอนที่ได้ก็รู้สึกโล่งมากกก ความกังวลหายไปหมดเลยค่ะ ดีใจมากๆ เลย ตอนนั้นคิดว่าเออ มันก็ไม่ยากอย่างที่คิดเนอะ หรือว่าเป็นเพราะได้วีซ่าท่องเที่ยวมาก่อนก็ไม่รู้แหะ จขกท ได้มา 5 ปีค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์น้าาา
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่านักเรียน F-1 ปี 2017
ขอเกริ่นเรื่องตัวเองสักเล็กน้อยนะคะ เนื่องจากว่า จขกท มีแพลนจะเรียนต่อปริญญาโทมาเป็นปีแล้วค่ะ แต่อยากลองทำงานก่อนสัก 1 ปีเพื่อค้นหาตัวเองว่าชอบทางด้านนี้จริงๆรึป่าว พอทำงานครบก็ได้ออกจากงานเพื่อเตรียมตัวเรื่องเรียนต่อ ทั้งในด้านภาษาและอื่นๆ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นอยากจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ จนยื่นเรื่องได้ offer มาเรียบร้อยแล้ว แต่ช่วงที่เตรียมตัวนี่แหละค่ะ ได้มีโอกาสไปเที่ยวอเมริกาประมาณ 15 วันได้ เที่ยวเสร็จกลับมาปุ้ปเท่านั้นแหละจ้า บอกแม่ว่า อยากเปลี่ยนใจไปเรียนที่อเมริกาแล้ววววว ฮ่าๆๆ
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนแผนใหม่หมด เพื่อมาศึกษาดูข้อมูลอย่างจริงจังซึ่งตอนแรกถึงกับงง เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยากละซับซ้อนกว่าในเรื่องของการยื่นเอกสารสำหรับการเรียนต่อระดับปริญญาโทถ้าเทียบกับอังกฤษ (จขกท จะเรียนต่อ law school ค่ะ) ซึ่งมหาวิทยาลัยในอเมริกา นักเรียนต่างชาติที่จะเรียน law จะต้องส่งเอกสารผ่านองค์กรที่เรียกว่า LSAC เพื่อเป็นตัวกลางส่งเอกสารของเราเพื่อสมัครเรียนในมหาลัยที่ที่เราต้องการ apply และ transcript ต้องเป็นตัวจริงและใส่ซองปิดผนึกมีลายเซ็นเจ้าหน้าที่ทะเบียนเซ็นคร่อมด้วยอีกต่างหาก กว่าจะส่งเอกสารครบก็เพลียเลยค่า
แต่ จขกท ยังมีปัญหาในด้านภาษาอยู่บ้าง ซึ่งยังไม่ได้เกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด จึงตัดสินใจว่าจะไปเรียนภาษาเพื่อพัฒนาทักษะของตัวเองและปรับตัวให้ได้ก่อนตอนได้ไปเรียนจริงๆ จึงทำการติดต่อสถาบันภาษาไป จนได้ I-20 มาและไปยื่นนัดสัมภาษณ์วีซ่า ณ สถานทูตอเมริกา ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดหิน และไม่สามารถคาดการณ์ใดๆได้ แล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ล้วนๆ 55555 ซึ่งก่อนหน้านี้ จขกท เคยได้วีซ่าประเภทท่องเที่ยว B1/B2 มาแล้วแต่ก็ยังคงตื่นเต้นละกังวลเหมือนเดิมทั้งๆที่สถานทูตก็ไม่ได้แอร์เย็นเท่าห้องปกครองเลย
ได้วันนัดสัมภาษณ์วันที่ 26 มกราคม 2017 ค่ะ ขอตัดไปที่บทสนทนาเลยละกันนะคะ เนื่องจากในพันทิปมีกระทู้ที่ละเอียดมากๆบอกทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่ง จขกท ได้ทำและเตรียมเอกสารเองทุกอย่างเองโดยไม่ผ่าน agency ใดๆ ได้ก็เพราะได้ความรู้จากเพื่อนๆในพันทิปนี่ละคะ เลยอยากจะมาแชร์คำถามเผื่อเอาไว้เตรียมตัวค่ะ เราได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ผู้ชายค่ะ
คำถามแรก Q : คุณจะไปเรียนที่ไหนครับ (พูดไทย) เรา: (ฟังไม่ค่อยถนัดเพราะพูดไทยสำเนียงเหน่อๆ เราเลยพูดไปว่า sorry?
เท่านั้นแหละเจ้าหน้าที่เลยบอก คุณจะพูดภาษาอังกฤษใช่มั้ย โอเค หลังจากนั้นก็พูดภาษาอังกฤษล้วนๆ 555
Q: คุณจะไปเรียนที่ไหน ( Chicago)
Q : โรงเรียนชื่อว่าอะไร ( xx )
Q : ไปเรียนกี่เดือน (3 เดือน)
Q : ทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่ (อยากพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองและอยากอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถาณการณ์ที่ใช้พูดกันจริงๆ น่าจะช่วยพัฒนาทักษะได้ดี)
Q : คุณมีแพลนอะไรหลังจากเรียนที่นี่จบ (ต่อ ป.โท)
Q : ต่อที่ไหน (ยูเดียวกันกับที่เรียนภาษาค่ะ ที่ xx)
Q : ใครเป็นสปอนเซอร์ให้คุณ (แม่)
Q : แม่ทำงานอะไร (ธุรกิจส่วนตัว)
Q: ประเภทไหน ( ประเภท….)
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ดูในจอคอมค่ะ ละหันมาถามว่า
Q : คุณเคยบอกว่าคุณมีแพลนจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ทำไมคุณถึงเปลี่ยนมาเรียนที่อเมริกาละ?
(เราสตั้นไป 2 วิ เพราะเราเคยตอบไปตอนสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว ว่าเรากำลังจะไปเรียนต่อ เป็นช่วงที่เราออกจากงานพอดี เลยบอกไปเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เราเลยตอบไปว่า ปีที่แล้วได้มีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองนี้ เลยรู้สึกชอบมากและคนที่นี่ก็เป็นมิตร มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม บลาๆๆ 555)
Q : ไปกี่วัน (15วัน)
Q : ขอดู bank statement ของแม่คุณด้วยครับ ( ยื่นให้เรียบร้อย)
Q : ผ่านครับ ( ขอบคุณมากค่ะ)
ตอนที่ได้ก็รู้สึกโล่งมากกก ความกังวลหายไปหมดเลยค่ะ ดีใจมากๆ เลย ตอนนั้นคิดว่าเออ มันก็ไม่ยากอย่างที่คิดเนอะ หรือว่าเป็นเพราะได้วีซ่าท่องเที่ยวมาก่อนก็ไม่รู้แหะ จขกท ได้มา 5 ปีค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์น้าาา