
สำหรับวันนี้ก็ยังคงอยู่ในโตเกียว เช่นเคย เที่ยวละแวกใกล้ๆ ที่พัก Akihabara เป็นจุดหมายที่ไม่ไกล เล็งของเล่นที่ได้แต่จับๆ จ้องๆไว้ตั้งแต่ครั้งที่ผ่านๆมาหลายๆครั้ง ออกจากที่พักสายๆ เดินหาอาหารเช้าง่ายๆ แถวโรงแรมรองท้อง

โดยปกติแล้วเรื่องของกินผมจะไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ ว่าต้องประหยัด ถึงกับขั้น หอบมาม่าไปกิน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องจัดเต็มทุกมื้อ อาหารในร้านสะดวกซื้อจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างที่เรารู้ๆกัน ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ใหญ่ๆอย่างเช่น 7,L,F ไว้ใจได้หมด แต่ห้ามใจไว้บ้างก็ดี หยิบเพลินๆ นี่มีหมดตัวเอาง่ายๆ เคยเอาใบเสร็จมารวมกันตอนจบทริป แม่จ้าว หมดกับร้านพวกนี้ไป 1-2 หมื่นเยนเลยที่เดียว

ง่ายๆ กับโซบะร้อนๆ กับน้ำแร่ I'LOHAS แต่งรสพีช หวานนิดๆ refresh ร่างกายยามเช้าได้ดีเลยทีเดียว มื้อนี้ 500 เยน บวกลบนิดหน่อย

อิ่มแล้วก็ต้องย่อยกันหน่อย ตอนแรกกะจะนั่งรถไฟไป เพราะแค่ 2 สถานี แต่ด้วยอากาศที่ดีเกินห้ามใจ การเดินคงไม่ลำบากซักเท่าไหร่ 2 สถานี ระยะทางก็ประมาณ 2 กิโลเมตรได้ ถ้าเป็นที่บ้านเราคงได้ได้ลงไปนั่งลิ้นห้อยข้างรถขายลูกชิ้นไปแล้ว จริงๆวันนี้ก็ไม่หนาวมาก ประมาณ 10 องศา เดินเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึง

และแล้วเราก็มาถึงมหานครของเหล่าเกมเมอร์ และ โอตาคุ เรียกง่ายๆว่า อะคิบะ จริงๆ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรกับที่นี่มากมาย ถ้าไม่มาดูกล้อง กับเครื่องใช้ไฟฟ้า บางทีมาเดินแค่ yodobashi แล้วก็กลับ แต่คราวที่ผมมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญอยู่อย่างนึง เป็นความฝันในวัยเด็ก นั่นก็คือ.....

รถไฟจำลอง ทุกครั้งที่ผมไปญี่ปุ่น ผมจะชอบไปจดๆ จ้องๆ เจ้ารถไฟพวกนี้ แต่ไม่มีโอกาสได้ซื้อซักที เพราะคิดว่าเราอาจจะแก่ไปแล้ว สำหรับของเล่นแบบนี้ แต่เปล่าเลย ร้านขายรถไฟจำลองพวกนี้เต็มไปด้วยผู้คนทุกวัย และเป็นของเล่นที่ต้องใช้จินตนาการและความอดทนอย่างมาก เอาวะ! ไม่เริ่มตอนนี้จะไปเริ่มตอนไหน
ราคาก็ไปถึงกับแพงมาก แต่ก็ไม่ใช่ถูกๆ ก่อนไปรอบนี้ก็ศึกษาไปพอสมควร มาสะดูดกับเจ้า shinkansen n700 ลายคุมะมง แทบกรี้ด น่ารักมากกก ราคาก็ทำให้ร้องกรี้ดได้เช่นกัน อาจเพราะเป็น ลิมิเต็ด จำต้องตัดใจจากเจ้าหมีดำอย่างอาลัยอาวรณ์

หลังจากนั้นก็เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น กะว่าจะมาขอความเห็นจากแฟนก่อนเรามีเวลาอีกหลายวัน เดินไปเดินมาก็ได้เวลาอาหารเที่ยง เปิดแอป foursquare อีกเช่นเคย ราเมงร้อนๆก็ไม่เลว เดินมาจนเจอร้านนึง มีแถวต่อเล็กน้อยพองาม คาดเดาได้ว่าร้านนี้ต้องมีของแน่ เข้าไปสั่งราเมง ซิกเนเจอร์ของร้าน มีเกี๊ยวด้วย!! แปลกไม่เคยกินราเมงใส่เกี๊ยวมาก่อน อีกอย่างเป็นอกไก่ยัดใส้มะกอกดอง กับต้นกุ่ยช่าย เป็นราเมงที่หน้าตาดูฟิวชั่นมาก ซู้ดดดด ชายสี่!!! ทำไมผมนึงถึง บะหมี่เกี๊ยวเฟรนด์ไซส์เจ้าดังบ้านเรา ทั่งเกั๊ยว ทั้งเส้น ทั้งน้ำซุป จะขาดก็แต่หมูแดง จะว่าไปมันก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ผมไม่ชอบราเมงน้ำใสสไตล์นี้เอาซะเลย

เมื่อเช้าเราวัดระยะทางด้วยการเดินกันมาแล้ว ขากลับคิดว่าคงไม่จำเป็น รถไฟน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า

นัดกับแฟนว่าจะไปโยโกฮาม่ากันหลังจากแฟนอบรมเสร็จ วันนี้เลิกช้ากว่าจะถึงโยโกก็ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เลยหาอะไรง่ายๆในห้างเป็นมื้อเย็น จุดมุ่งหมายคืนนี้คือเรือนิปปอนมารุและริมอ่าวโยโก อากาศหนาวสะท้าน ยืนถ่ายรูปเรืออยู่นาน ลมก็แรงมาก ช่างเป็นโยโกที่ทรมานเหลือเกิน ยิ่งดึกยิ่งหนาว ลมยิ่งแรง

เดินเลาะอ่าวไปเรื่อยๆอยากได้วิวตึก landmark tower จริงๆวิวของYokohama bay นี่สวยมากนะ แต่มันหนาวไม่ไหวจริงๆ เห็นคู่รักเดินกอดกันกลม จริงๆ อาจเป็นเพราะว่ามันหนาวก็ได้มั้ง

วันนี้รูปน้อยไปหน่อยเดินเล่นทั้งวัน ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ ปิดท้ายวันที่ 2 กันด้วยฝาท่อซิกเนเจอร์ของโยโกฮาม่า ถ้าไม่ได้มาเหมือนไม่ถึง!!!
[CR] My Winter in Kanto...Day2 Tokyo+Yokohama at night
โดยปกติแล้วเรื่องของกินผมจะไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ ว่าต้องประหยัด ถึงกับขั้น หอบมาม่าไปกิน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องจัดเต็มทุกมื้อ อาหารในร้านสะดวกซื้อจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างที่เรารู้ๆกัน ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ใหญ่ๆอย่างเช่น 7,L,F ไว้ใจได้หมด แต่ห้ามใจไว้บ้างก็ดี หยิบเพลินๆ นี่มีหมดตัวเอาง่ายๆ เคยเอาใบเสร็จมารวมกันตอนจบทริป แม่จ้าว หมดกับร้านพวกนี้ไป 1-2 หมื่นเยนเลยที่เดียว
ง่ายๆ กับโซบะร้อนๆ กับน้ำแร่ I'LOHAS แต่งรสพีช หวานนิดๆ refresh ร่างกายยามเช้าได้ดีเลยทีเดียว มื้อนี้ 500 เยน บวกลบนิดหน่อย
อิ่มแล้วก็ต้องย่อยกันหน่อย ตอนแรกกะจะนั่งรถไฟไป เพราะแค่ 2 สถานี แต่ด้วยอากาศที่ดีเกินห้ามใจ การเดินคงไม่ลำบากซักเท่าไหร่ 2 สถานี ระยะทางก็ประมาณ 2 กิโลเมตรได้ ถ้าเป็นที่บ้านเราคงได้ได้ลงไปนั่งลิ้นห้อยข้างรถขายลูกชิ้นไปแล้ว จริงๆวันนี้ก็ไม่หนาวมาก ประมาณ 10 องศา เดินเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึง
และแล้วเราก็มาถึงมหานครของเหล่าเกมเมอร์ และ โอตาคุ เรียกง่ายๆว่า อะคิบะ จริงๆ ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรกับที่นี่มากมาย ถ้าไม่มาดูกล้อง กับเครื่องใช้ไฟฟ้า บางทีมาเดินแค่ yodobashi แล้วก็กลับ แต่คราวที่ผมมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญอยู่อย่างนึง เป็นความฝันในวัยเด็ก นั่นก็คือ.....
รถไฟจำลอง ทุกครั้งที่ผมไปญี่ปุ่น ผมจะชอบไปจดๆ จ้องๆ เจ้ารถไฟพวกนี้ แต่ไม่มีโอกาสได้ซื้อซักที เพราะคิดว่าเราอาจจะแก่ไปแล้ว สำหรับของเล่นแบบนี้ แต่เปล่าเลย ร้านขายรถไฟจำลองพวกนี้เต็มไปด้วยผู้คนทุกวัย และเป็นของเล่นที่ต้องใช้จินตนาการและความอดทนอย่างมาก เอาวะ! ไม่เริ่มตอนนี้จะไปเริ่มตอนไหน
ราคาก็ไปถึงกับแพงมาก แต่ก็ไม่ใช่ถูกๆ ก่อนไปรอบนี้ก็ศึกษาไปพอสมควร มาสะดูดกับเจ้า shinkansen n700 ลายคุมะมง แทบกรี้ด น่ารักมากกก ราคาก็ทำให้ร้องกรี้ดได้เช่นกัน อาจเพราะเป็น ลิมิเต็ด จำต้องตัดใจจากเจ้าหมีดำอย่างอาลัยอาวรณ์
หลังจากนั้นก็เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้น กะว่าจะมาขอความเห็นจากแฟนก่อนเรามีเวลาอีกหลายวัน เดินไปเดินมาก็ได้เวลาอาหารเที่ยง เปิดแอป foursquare อีกเช่นเคย ราเมงร้อนๆก็ไม่เลว เดินมาจนเจอร้านนึง มีแถวต่อเล็กน้อยพองาม คาดเดาได้ว่าร้านนี้ต้องมีของแน่ เข้าไปสั่งราเมง ซิกเนเจอร์ของร้าน มีเกี๊ยวด้วย!! แปลกไม่เคยกินราเมงใส่เกี๊ยวมาก่อน อีกอย่างเป็นอกไก่ยัดใส้มะกอกดอง กับต้นกุ่ยช่าย เป็นราเมงที่หน้าตาดูฟิวชั่นมาก ซู้ดดดด ชายสี่!!! ทำไมผมนึงถึง บะหมี่เกี๊ยวเฟรนด์ไซส์เจ้าดังบ้านเรา ทั่งเกั๊ยว ทั้งเส้น ทั้งน้ำซุป จะขาดก็แต่หมูแดง จะว่าไปมันก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ผมไม่ชอบราเมงน้ำใสสไตล์นี้เอาซะเลย
เมื่อเช้าเราวัดระยะทางด้วยการเดินกันมาแล้ว ขากลับคิดว่าคงไม่จำเป็น รถไฟน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
นัดกับแฟนว่าจะไปโยโกฮาม่ากันหลังจากแฟนอบรมเสร็จ วันนี้เลิกช้ากว่าจะถึงโยโกก็ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เลยหาอะไรง่ายๆในห้างเป็นมื้อเย็น จุดมุ่งหมายคืนนี้คือเรือนิปปอนมารุและริมอ่าวโยโก อากาศหนาวสะท้าน ยืนถ่ายรูปเรืออยู่นาน ลมก็แรงมาก ช่างเป็นโยโกที่ทรมานเหลือเกิน ยิ่งดึกยิ่งหนาว ลมยิ่งแรง
เดินเลาะอ่าวไปเรื่อยๆอยากได้วิวตึก landmark tower จริงๆวิวของYokohama bay นี่สวยมากนะ แต่มันหนาวไม่ไหวจริงๆ เห็นคู่รักเดินกอดกันกลม จริงๆ อาจเป็นเพราะว่ามันหนาวก็ได้มั้ง
วันนี้รูปน้อยไปหน่อยเดินเล่นทั้งวัน ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ ปิดท้ายวันที่ 2 กันด้วยฝาท่อซิกเนเจอร์ของโยโกฮาม่า ถ้าไม่ได้มาเหมือนไม่ถึง!!!
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น