[CR] เป้ 3 ใบกับชายฉกรรจ์ 3 คน ณ สุราษฏธาณี (เขื่อนเชี่ยวหลาน)

ทริป เป้ 3 ใบกับชายฉกรรจ์ 3 คน ณ สุราษฎธานี
    สวัสดีครับ นี่คือกระทู้แรกของผมครับ ผิดถูกยังไงก็ขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีอะไรแนะนำหรือติชมก็บอกกันได้นะครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวกับผมที่จังหวัดหนึ่งในภาคใต้ นั่นก็คือจังหวัดสุราษฎธานีนั่นเอง พอพูดถึงจังหวัดนี้ทุกท่านก็อาจจะคิดถึงเกาะสมุยอย่างแน่ๆ แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวเขื่อนหินปูนที่มีน้ำจืดสีเขียวมรกตกันครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผม : เห้ย_ึงไปเที่ยวกันไหม
เพื่อน : เอาดิ ไปไหนกันดีวะ
ผม : //ส่งรูปเขื่อนเชี่ยวหลานไปให้//
เพื่อน : สวยดีวะ ไปกันเลยยยยยยยยยยยยยยย

    ขาไปผมไปกับสายการบิน Lion air ที่ดอนเมืองครับ เครื่องใหม่พอใช้ได้ ถึงปลายทางตรงเวลา นี่เป็นการเที่ยวภาคใต้ครั้งแรกของพวกผมด้วยแหละ ตื่นเต้นมากๆเลย เครื่องมาลงที่ท่าอากาศยานสุราษฎธานีเวลาประมาณบ่ายสามโมง ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึง

        สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หารถเข้าเมืองซิครับ ..เอาซิไม่ได้วางแผนมาเลย ตั้งใจจะมาที่เขื่อนเชี่ยวหลานอย่างเดียว ไม่ได้วางแผนอะไรเลย ฮ่าๆๆ โชคยังดีที่เราเจอรถบัสครับ เขาจะจอดรอรับคนเข้าไปส่งในตัวเมือง ซึ่งระยะทางก็ไกลพอตัวเลยครับ จ่ายค่ารถ 100 บาทเสร็จแล้วก็ขึ้นไปรอบนรถได้เลยยย

ผม: เอ่ออออ พี่ครับ มีที่พักที่ไหนแนะนำไหมครับ (ขนาดที่พักยังไม่ได้จองอ่ะ เที่ยวแบบชายฉกรรจ์ขนาดไหน ฮ่าๆๆ)
คนขับรถ: โรงแรม CBD นี่แหละ นักท่องเที่ยวชอบมาก
        พวกผมก็ตกลงพักกันที่โรงแรมนี้ ตามพี่เขาแนะนำเลยครับ ซึ่งก็ไม่ไกลจากตลาดเกษตร2 ที่เราตั้งใจจะไปขึ้นรถเพื่อไปเขื่อนเชี่ยวหลานเท่าไหร่ด้วย
ในความคิดของผมโรงแรมนี้ถือว่าราคาถูกเลยแหละ ถ้าเทียบกับขนาดห้องที่ทำให้กลุ่มผม 3 คน วิ่งเล่นกันได้สบายๆ ขอแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่จะมาเที่ยวที่นี่เลยว่า โรงแรมนี้ดีมาก (ไม่ได้ค่าโฆษณาจากทางโรงแรมหรอกนะ ฮะๆ)
        ตกเย็นก็ต้องไปหาอะไรกินกันละครับ ที่พักเราจัดว่าอยู่ในย่านตัวเมืองเลย ทำให้เราได้เจอกับตลาด ซึ่งอาหารมากมายหลายอย่าง ไม่ต้องกลัวอดครับ แต่คนใต้นี่กินเผ็ดจริงๆ ผมคนเหนือนี่ต้องหาน้ำกินกันเป็นเหยือกๆเลยทีเดียว ฮ่าๆ

    พอตอนกลางคืนเรามีแผนที่ต้องทำอย่างหนึ่งคือ จองแพที่พักในเขื่อนเชี่ยวหลาน ซึ่งแพที่ผมตั้งเป้าหมายอยากไปมากที่สุดคือ "แพนางไพร"
หลายชั่วโมงผ่านไป ก็ยังติดต่อแพไม่ได้ คือเบอร์ที่ให้ตามเว็บส่วนมากก็บอกว่าไม่มีเลขหมายนี้แล้ว ผมโทรกันจนแทบจะหมดทุกเว็บที่มี ละก็เจอจนได้
ผม :  สวัสดีครับใช่แพรนางไพรหรือเปล่าครับ
แพ :  ใช่ครับ
ผม :  วันพรุ่งนี้ยังว่างอยู่ไหมครับ
แพ :  พรุ่งนี้เต็มแล้วครับ แต่มะรืนยังว่างอยู่นะ
ผม :  อูยยยย โล่งใจ ดีนะจองตั๋วเครื่องบินมาหลายวัน

แล้วเวลาว่างขนาดนี้เราไปไหนกันดี จะไปเกาะสมุยก็เกรงว่างบจะหมดเอา เนื่องจากเอางบมาน้อยก็ต้องทำใจ เลยตกลงกันว่าเราจะไปนอนรอที่เขื่อนกัน


รุ่งเช้าวันใหม่
    "เห้ย! ตื่นๆ วันนี้ต้องไปขึ้นรถเช้านะเว้ย" ทุกคนรีบไปจัดการธุระส่วนตัวกันให้เรียบร้อย ก่อนจะออกไปก็ชารจ์พาวเวอร์แบงค์กันให้เต็มและผมก็ลงไปสอบถามพนักงานต้อนรับของโรงแรมว่าจะไปตลาดเกษตร 2 ได้ยังไงบ้าง คำตอบคือ เดินไปได้เลยเพราะมันใกล้แค่นี้เอง
เราก็รีบจองตั๋วรถเลย ไม่นานรถก็มาถึง ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าเราก็ไปถึงเป้าหมายของการเดินทางของเรา ....เขื่อนเชียวหลาน....

ลุง: ไอ้หนุ่ม เอ็งนอนที่แพไหน ได้จองหรือยัง
ผม: จองพรุ่งนี้ครับลุง วันนี้มาเดินเล่นสันเขื่อนก่อนครับ
ลุง: (เริ่มทำหน้าเครียด) อ้าว? แล้วมีที่พักยังหละ
ผม: ยังเลยครับ ลุงมีที่ไหนแนะนำไหม
ลุง: มีที่นึง น่าจะเป็นที่พักของพวกรถตู้เวลามานอนรอนี่แหละ สภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ถูกดี
        พวกผมก็เลือกที่พักนี้เลยครับ ถึงจะสภาพไม่ดีมาก เพราะพวกผมมันชายฉกรรณ์อยู่แล้ว ฮ่าๆ ที่พักเป็นบ้านหลังเล็ก มาสามคนต้องใช้เตียงเสริม ก็พอทนอยู่ได้ครับ พอเราจัดของเข้าที่พักเสร็จ ก็พร้อมแล้วสำหรับการเดินเล่นที่สันเขื่อน
        ผมได้เช่ารถจักรยานยนต์จากที่พักนี่แหละ ราคาคันละ 300 บาท ผมก็เลยจัดเลยซิครับ ซ้อนสามกันไป พอขึ้นมาถึงสันเขื่อน ภาพที่ปรากฏตรงหน้ามันทำให้ผมตกหลุมรักเขื่อนแห่งนี้ทันที อารมณ์ประมาณรักแรกพบเลยก็ว่าได้ครับ ...สวยมากกกกกกกกกจริงๆ จากนั้นก็ต้องถ่ายรูปตามประสาวัยรุ่นแหละครับ ถ่ายนู่นนี่เยอะแยะเลย

คนเขามองกันเพียบ ซ้อนสามมาเที่ยวแล้วหุ่นแต่ละคนนี่ไม่ใช่เล่นๆ
แล้วถึงเวลาที่ต้องมากินข้าว บนสันเขื่องมีที่ขายอาหารรองรับครับ มีมินิมาร์ทด้วย ต้องบอกว่าครบครันกันเลย พวกเราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงถามเรื่องต่างๆ จากแม่ค้าแถวนั้นทำให้รู้ว่า เขื่อนเชี่ยวหลานเนี่ย ฤดูร้อนฝนตกเกือบทุกวัน พอตอนบ่ายๆ ฝนก็ตั้งเค้ามาเลย แล้วฝนก็ได้เจอฝนกันจริงๆครับ ตอนรับกันด้วยความชุ่มฉ่ำเลยทีเดียว ติดฝนกันอยู่ไม่กี่สิบนาทีฝนก็หยุดแล้ว

ฝนมาแล้วววว
ฝนตกแล้วบรรยากาศน่านอนมากครับ

คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แต่สำหรับผมแล้ว ฝนตกนี่แหละจะทำให้เราผมกับสายหมอกที่มันลอยตามร่องเขา แค่คิดผมก็ฟินแล้วครับ
     คราวนี้ผมต้องลงไปพักผ่อนแล้วหละครับ ขากลับก็มีคลองถม(ตลาดนัด)ชาวบ้าน ก็ต้องซื้อเสบียงกักตุนกันไว้เผื่อวันพรุ่งนี้ และสำหรับเย็นนี้ด้วย(ไม่ได้ถ่ายรูปมา) พอของครบ กินอิ่ม ก็ถึงเวลานอนแล้วล่ะครับ


    เช้าวันต่อมา เรารีบลุกกันแต่เช้าเพื่อที่จะได้รีบไปขึ้นเรือ เพราะอยากเข้าไปเที่ยวในเขื่อนแล้ว โดยก่อนเข้าพักที่นี่ ผมคุยกับที่พักแล้วว่า ตอนเช้าช่วยไปส่งผมที่สันเขื่อนได้ไหมครับ เขาก็ตอบตกลง แต่พอถึงเวลาจริงกลับตีหน้านิ่งใส่พวกผมเฉยครับบบ ผมก็เลยถามย้ำว่า ไม่มีรถไปส่งตามที่คุยกันไว้หรอแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ เดี๋ยวมีรถตู้ผ่านมาก็โบกๆขึ้นไปเลยนะ  .............เงิบเลยครับ ในใจผมนี่แบบ ' โอ้ยยยยยยยยย แ_่ง ' ขนาดตอนนี้นั่งพิมพ์ยังหัวร้อนอยู่เลย ผมก็รีบออกจากที่พักแห่งนั้นเลยและให้คำมั่นว่า จะไม่มาเหยียบที่พักนั้นอีก!! (จำชื่อที่พักไม่ได้แล้ว) ตอนแรกพวกผมก็ตั้งใจจะโบกรถแหละครับ แต่กว่ารถจะผ่านมา ผมก็เดินไปได้ไกลละ กำลังจะเดินถึงป้อมยามหน้าเขื่อนก็มีเสียงบีบแตรจากด้านหลัง แล้วตะโกนมาว่า "หนุ่ม ไปไหนกัน? เดี๋ยวลุงไปส่ง ไปขึ้นรถมา"  พวกผมนี่ยิ้มปริ่มเลย เมืองไทยยังไม่สิ้นคนดีจริงๆครับ พวกผมไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจลุงยังไงดี ก็เลยให้เงินเป็นค่าโดยสารตอบแทนลุงคนนั้นไป  จนมาถึงท่าเรือผมก็โทรติดต่อเรือที่ผมจองไว้ทันทีเลย
ชื่อสินค้า:   เขื่อนเชี่ยวหลาน เขื่อนรัชชประภา กุ้ยหลินเมืองไทย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่