+++ เอาแล้ว !!! ราชกิจจาฯบังคับใช้แล้ว!! พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมการศึกษา (กยศ.) นายจ้างหักเงินเดือนคืนกองทุนได้ +++


+++ เอาแล้ว!!!! ราชกิจจาฯบังคับใช้แล้ว!! พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมการศึกษา (กยศ.) นายจ้างหักเงินเดือนคืนกองทุนได้ +++
.
แบบย่อสรุปสาระสำคัญ

ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่
(1) ให้ความยินยอมในขณะทำสัญญากู้ยืมเงิน เพื่อให้ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1)
แห่งประมวลรัษฎากร หักเงินได้พึงประเมินของตนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบเพื่อชำระเงินกู้ยืม
เพื่อการศึกษาคืนกองทุน
(2) แจ้งสถานะการเป็นผู้กู้ยืมเงินต่อหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชนที่ตนทำงานด้วยภายใน 30 วัน
นับแต่วันที่เริ่มปฏิบัติงาน และยินยอมให้หักเงินได้พึงประเมินของตนเพื่อดำเนินการตามมาตรา 51
(3) ยินยอมให้กองทุนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในครอบครองของบุคคลอื่น รวมทั้งยินยอม
ให้กองทุนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุน


นายจ้าง ทั้งภาครัฐและเอกชน  มีหน้าที่
หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าว
เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ โดยให้นำส่งกรมสรรพากรภายในกำหนดระยะ
เวลานำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย


----------------------------------------------------------------------------------------------------

ฉบับเต็ม


เมื่อวันที่ 29 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ได้มีผล
บังคับใช้แล้ว เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา สาระสำคัญระบุให้ยกเลิกพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อ
การศึกษา พ.ศ.2541 นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเข้มงวดในการชำระคืนเงินกู้เพื่อการศึกษา หลังจากที่ผ่านมา
ประสบปัญหาผู้กู้ไม่ยอมใช้คืนคิดเป็นวงเงินมหาศาล
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ในหมวด 4 การให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา
มาตรา 42 ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญากู้ยืมเงินโดยเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและ
การติดตามการชำระเงินคืนกองทุน ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ ดังนี้ (1) ให้ความยินยอมในขณะทำสัญญากู้ยืมเงิน เพื่อให้
ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร หักเงินได้พึงประเมินของตนตามจำนวน
ที่กองทุนแจ้งให้ทราบเพื่อชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาคืนกองทุน (2) แจ้งสถานะการเป็นผู้กู้ยืมเงินต่อหัวหน้า
หน่วยงานภาครัฐ หรือเอกชนที่ตนทำงานด้วยภายใน 30 วันนับแต่วันที่เริ่มปฏิบัติงาน และยินยอมให้หักเงินได้
พึงประเมินของตนเพื่อดำเนินการตามมาตรา 51 (3) ยินยอมให้กองทุนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ใน
ครอบครองของบุคคลอื่น รวมทั้งยินยอมให้กองทุนเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ในหมวด 5 มาตรา 44 เมื่อผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว
มีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้รับไปตามสัญญากู้ยืมเงินคืนให้กองทุน ตามจำนวน ระยะเวลา
และวิธีการที่กองทุนแจ้งให้ทราบ ฯลฯ ผู้จัดการอาจผ่อนผันให้ผู้กู้ยืมเงินชำระเงินคืนกองทุนแตกต่างไปจาก
จำนวนระยะเวลา หรือวิธีการที่กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือลดหย่อนหนี้ หรือระงับการชำระเงินคืนกองทุน
ตามที่ผู้กู้ยืมเงินร้องขอเป็นรายบุคคล หรือเป็นการทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่
คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (11) ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินผู้ใดผิดนัดการชำระเงินคืนกองทุน และไม่ได้รับ
อนุญาตให้ผ่อนผันตามวรรคสาม คณะกรรมการจะกำหนดให้ผู้กู้ยืมเงินต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่เกินร้อยละ 1.5
ต่อเดือนก็ได้
.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทั้งนี้ ในมาตรา 45 ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระ
เงินคืนกองทุนให้กองทุนมีอำนาจดำเนินการ ดังนี้ (1) ขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงินจากหน่วยงาน หรือ
องค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (2) เปิดเผยข้อมูล
เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และการชำระเงินคืนกองทุนของผู้กู้ยืมเงินให้แก่หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
หรือบุคคลใดตามที่ร้องขอ (3) ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 19 (14)
การดำเนินการตาม (1) และ (2) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 46 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของกองทุนตามมาตรา 45 (1) ให้หน่วยงาน หรือองค์กรทั้งภาครัฐ
และเอกชน หรือบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงิน จัดส่งข้อมูล ให้กองทุนตามที่
กองทุนร้องขอภายในเวลาอันสมควร นอกจากนี้ มาตรา 50 ระบุว่า หนี้ที่เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.นี้ ให้กองทุนมี
บุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของผู้กู้ยืมเงินในลำดับแรกถัดจากค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำเป็นประจำวัน
ตามมาตรา 253 (4) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในมาตรา 51 ระบุด้วยว่า ให้บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน
ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงิน
ซึ่งเป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าว เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนตามจำนวนที่กองทุน
แจ้งให้ทราบ โดยให้นำส่งกรมสรรพากรภายในกำหนดระยะเวลานำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดการหักเงินตามวรรคหนึ่ง ต้องหักให้กองทุนเป็น
ลำดับแรกถัดจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย และการหักเงินเข้ากองทุนที่ผู้กู้ยืมเงินต้องถูกหักตามกฎหมายว่าด้วย
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
และกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม เมื่อกรมสรรพากรได้รับเงินจากผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้นำส่งกองทุนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวง
การคลัง
.
“ถ้าผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามวรรคหนึ่งไม่ได้หักเงินได้พึงประเมิน หัก และไม่ได้นำส่ง หรือนำส่งแต่ไม่ครบ
ตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ หรือหัก และนำส่งเกินกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้จ่ายเงินได้พึง
ประเมินรับผิดชดใช้เงินที่ต้องนำส่งในส่วนของผู้กู้ยืมเงินตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ และต้องจ่ายเงิน
เพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินที่ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินยังไม่ได้นำส่ง หรือตามจำนวนที่ยัง
ขาดไป แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดต้องนำส่งตามวรรคหนึ่ง ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้พึง
ประเมินได้หักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงินไว้แล้ว ให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้ชำระเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาตาม
จำนวนที่ได้หักไว้แล้ว”
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2541
ฉบับเดิมได้กำหนดในหมวด 5 การนำส่งเงินกองทุน มาตรา 53 เมื่อผู้กู้สำเร็จการศึกษา หรือเข้าทำงาน
ต้องแจ้งที่อยู่ หรือสถานที่ทำงาน พร้อมทั้งเงินเดือนและค่าจ้างที่ได้รับให้กับผู้บริหารและจัดการเงินให้
กู้ยืมภายใน 30 วันนับจากวันที่เข้าทำงาน ให้เป็นหน้าที่ผู้บริหารและจัดการเงินกองทุนติดตาม และประสาน
กับผู้กู้ยืมเงินเพื่อการชำระเงินที่กู้คืน ในการนี้ จะขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ช่วยหักเงินเดือนและค่าจ้าง
นำส่งผู้จัดการเงินให้กู้ยืมด้วยก็ได้ ซึ่งในส่วนนี้เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากนายจ้างให้หักเงินเดือนผู้กู้ยืม
เงินได้ แต่ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ กำหนดให้เป็นกฎหมายที่นายจ้างต้องหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้กองทุน
กยศ. ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 มกราคม
ที่ผ่านมา เรื่อง พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ว่า ยังไม่ขอให้รายละเอียด
ในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดของเนื้อหา พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่จะพิจารณาเรื่องนี้
ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และพร้อมชี้แจงหลักการและเหตุผลในประเด็นต่างๆ ในวันที่ 30 มกราคม
cr.ข่าว - มติชนออนไลน์ @ http://www.matichon.co.th/news/445689
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ดีครับพวก  starwar  จะได้ใช้หนี้กันเสียที หลานภรรยาผมชักดาบมานานแล้ว มีทั้งบ้านและรถไม่ยอมใช้หนี้

ด่าไงก็ไม่ฟัง ควรจัดหนักได้แล้ว
ความคิดเห็นที่ 2
โดยส่วนตัวเห็นด้วยอย่างยิ่งกับ พรบ.นี้
คนที่เรียนจบแล้วมีงานทำ ควรผ่อนชำกองทุน กยศ. น้องๆรุ่นหลังจะได้มีโอกาสเรียน มีอนาคตที่ดี
อย่าลืมว่ากองทุนให้โอกาสกับชีวิตพวกคุณอย่างไร ก็จะให้โอกาสชีวิตรุ่นน้องแบบนั้น
ไม่จ่าย = โกง = ทำลายชีวิตรุ่นน้อง  รุ่นน้องก็จะไม่มีเงินเรียนต่อเพราะรุ่นพี่เบี้ยวหนี้ไม่ยอมจ่ายเงิน

ตัวเราเองตอนเรียนก็กู้เรียน  แล้วก็จ่ายเงินทุกปี  คือเราจ่ายทุกปีนะ  ล่าสุดจ่ายไป 10000 กว่าบาท
ไม่เข้าใจคนที่ไม่จ่ายเหมือนกัน  อันนี้คนใกล้ตัวเลย  ตอนได้เงิน กยศ.มา  ก็เห็น เอาไปซื้อ กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า
เอาไปกินไปเที่ยว  ไม่เห็นเอามาใช้เกี่ยวกับการศึกษาเลย  
จบออกมามีหน้าที่การเงิน แต่พอตอนจะใช้คืน เห็นอ้างโน้นนู่นนี่ นั่น เงินจะกินยังไม่มี เงินไม่พอใช้ แล้วจะเอาที่ไหนคืน  
แต่โพสเฟสบุ๊ค ไปกินไปเที่ยว ซื้อของเครื่องใช้หรูหรา ชีวิตดี๊ดี  เห็นแล้ว เอือมมาก
ความคิดเห็นที่ 27
กู้ตั้งแต่ม4-ปตรี จ่ายทุกปี ไม่เคยเบี้ยค่ะ มันง่ายมาก เจียดเงินจ่ายแค่เดือนละพันก็ได้
มันไม่หนักหนาหรอกค่ะ ทำมาแล้ว จนทุกวันนี้เงินเดือนเยอะขึ้นมากว่าแต่ก่อนมาก
ก็ไม่เบี้ยวค่ะ กยศ มอบโอกาศให้ดิฉันเรียนจบปริญญาตรี และมีอนาคต หน้าที่การงานที่ดีค่ะ
อยากส่งต่อโอกาศแบบนี้ให้รุ่นน้อง
ความคิดเห็นที่ 12
ถ้ารู้ว่าเบี้ยวหนี้มาสมัครงาน ให้ออกแน่นอน ลองโกงเค้ามา แล้วจะไม่โกงในบริษัทเราได้อย่างไร
ความคิดเห็นที่ 41
หนี้ กยศ ควรเอาเข้าระบบปรกติ คือ ฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ เข้าเครดิตบูโร ตามกระบวนการ ทั้งผู้กู้และผู้ค้ำ เพราะกองทุน กยศ เป็นกองทุนเพื่อให้โอกาสผู้มีความรู้แต่ขาดทุนทรัพย์
      -   สำหรับผู้ที่เรียนจบแล้วแต่ไม่ยอมจ่าย ควรเอาโทษให้หนัก ส่วนใหญ่อ้างเหตุผลบอกเรียนจบแล้วเงินเดือนน้อยไม่พอจ่าย แต่ up face ทานอาหารมื้อนึงเป็นพันบาท
      -    สำหรับผู้ที่เรียนไม่จบแล้วและไม่ยอมจ่าย ฟ้องร้อง ยึดทรัพย์ เข้าเครดิตบูโร ตามกระบวนการไปเลย จ่ายหนี้ กยศ ปีหนึ่ง ถูกกว่าผ่อนมอเตอร์ไซด์ต่อเดือนอีก

การที่รัฐจะช่วย ควรช่วยคนที่มีความรับผิดชอบ ขยัน แต่ขาดโอกาส ไม่ใช่ช่วยพวกที่ขาดความรับผิดชอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่