พลิกรักจากหลังไมค์ ตอนที่ 2 ค่ะ :)

ตอนข้อความที่ตอบกลับ   


“ไม่ตลก แม่ฉันคงเป็นลม ส่วนพ่อฉันคงได้หัวใจวายตายคาบ้าน ก็เคยเล่าให้ฟังแล้วไง
ว่าพ่อไม่ชอบเรื่องนี้มากๆ” ภัทรเริ่มไม่ตลกกับเพื่อน

“งั้นก็ลองขอชะนีสักนาง ให้ไปช่วยเล่นละครตบตาแม่ให้แกสักคนสิ” อั้มแนะนำไปเรื่อยๆ

“แต่ฉันไม่อยากหลอกใช้ชะนีนี่นา”

“โว้ะ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอา งั้นฉันไปละนะ นี่พี่ตั้มมานั่งเขี่ยขา จนฉันขนลุกไปหมดแล้ว
โชคดีนะนังแอ๊บ” พูดเสร็จแล้วยายอั้มก็วางสายหนีไปเลย

“โอ๊ย นังเพื่อนทรยศ เห็นผัวดีกว่าเพื่อน” ภัทรถึงกับด่าใส่โทรศัพท์อย่างอารมณ์เสีย





หลังจากนอนคิดไปครึ่งค่อนคืนและกำลังว่าจะมาตั้งกระทู้ขอความคิดเห็นจากคน
ในสังคมออนไลน์

‘บางทีที่มีคนมาปรึกษาปัญหาอะไรประมาณนี้ บางครั้งก็ได้ความคิดดีๆ หรือบางที
อย่างน้อยก็ได้กำลังใจสนับสนุนในการบอกให้เจ้าของกระทู้ไปสารภาพกับพ่อแม่
ไปตรงๆ แต่จะทำยังไงดีล่ะ เขาเองยังไม่อยากจะทำแบบนั้น เขากลัวพ่อกับแม่
จะผิดหวังในตัวเขา เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว แต่ถ้าเกิด
เขาคิดไม่ออกขึ้นมาล่ะ’ ขณะที่สมองกำลังคิดหาทางออกอย่างหนัก จู่ๆ ตอนกด
เปิดคอมพิวเตอร์ ภัทรก็นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาเคยไปตั้งกระทู้
เล่าเรื่องประสบการณ์ในการเกณฑ์ทหาร แล้วมีข้อความหลังไมค์จากคนๆ หนึ่ง
เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเธอคนนั้นยินดีที่จะช่วยถ้าเขาต้องการหาแฟนกำมะลอ
มาบังหน้า



เมื่อเข้าเว็บไซต์ได้ ภัทรจึงลองรีบกลับเข้าไปค้นหาข้อความเก่าๆ ข้อความนั้น
แต่ก็ช่างยากเย็นมากกว่าที่จะหาเจอ

‘สงสัยจริงๆ ว่าป่านนี้ ชะนีน้อยจะหาเมีย เอ้ย มีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปรึยังนะ’

ที่หาเจอยากก็เพราะหลังกระทู้สุดฮิตเหล่านั้น ออกสู่สายตามวลมหาประชาชน
ในโลกออนไลน์ข้อความหลังไมค์ก็หลั่งไหลเข้ามาหาเขาดังสายธารา มีตั้งแต่
ถามเรื่องทหารจนแม้แต่มาตามจีบก็ยังมี แต่เขาก็แค่ตอบคำถามส่วนใหญ่ไป
ตามที่ตอบได้ทั้งทางหน้าไมค์และทางหลังไมค์



ส่วนกับคนที่มาจีบทางหลังไมค์ ตัวเขานั้นก็ไม่ได้จริงจังอะไร สาเหตุสำคัญก็
เพราะเขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนมากนัก เพราะเรื่องหน้าที่การงานและสังคม
เฉพาะแค่ที่เพื่อนทหารและเหล่าบรรดาครูฝึกรู้ความจริงกัน มันก็มากพออยู่แล้ว
แต่ยังดีที่ทุกคนไม่เคยฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย และไม่ขายเพื่อน

ภัทรจึงเริ่มพิมพ์ข้อความหลังไมค์ข้อความหนึ่งขึ้นมาและกดส่งออกไป โดยที่มี
เนื้อความดังนี้

‘สวัสดีครับ นี่ภัทรเองนะ ที่เคยคุยกันทางหลังไมค์เมื่อหลายปีก่อนน่ะ จำได้ไหม?

ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณยังสนใจจะมาช่วยเป็นแฟนบังหน้าให้ผมอยู่รึเปล่าครับ
รึว่าตอนนี้มีตัวจริงอยู่แล้วและไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่ยังไงถ้าคุณยัง
ยินดีจะช่วยผมในวันที่ผมเดือดร้อนตามที่คุณเคยบอกเอาไว้จริงๆ ก็ช่วยตอบ
กลับผมหน่อยนะครับ ผมมีอะไรอยากจะรบกวนคุณสักหน่อย ไม่ว่าผลจะเป็น
ยังไง ผมก็ขอบคุณล่วงหน้าแล้วกันนะครับ ขอโทษอีกทีนะที่ผมรบกวนคุณ
มาทางหลังไมค์แบบนี้’



ส่วนเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาไม่เคยสนใจคนที่มาจีบทางหลังไมค์ก็คือ
เพราะเขารู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจคนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต เพราะขนาดคนที่
รู้จักกันตัวเป็นๆ ยังไว้ใจไม่ค่อยได้เลย บางคนหน้าฉากอย่าง ลับหลังกลับ
เป็นอีกอย่าง แบบแตกต่างกันอย่างกับหน้ามือเป็นหลังเท้า

‘เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ แล้วนี่เขากำลังทำบ้าอะไรลงไปนี่เขาเพิ่งจะกดส่งข้อความ
ขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่รู้ ที่ไม่รู้จักกัน แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม หน้าตา
การศึกษา อาชีพ สงสัยเราจะสติหลุดมากไปและ คราวหน้าจะทำอะไรแกก็
ควรจะไตร่ตรองให้ดีกว่านี้ก่อนนะ ไอ้ภัทร’ชายหนุ่มถึงกับแอบบ่นการกระทำ
ของตัวเองอยู่ในใจ เพราะเขารู้สึกว่าตนเองนั้นได้ทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิด
หลังให้ดีเสียก่อนลงไปเสียแล้ว แต่เมื่อหันไปดูหน้าปัดนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้
เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว เขาก็เลยเริ่มเข้าใจในการกระทำแบบมึนๆ ของตัวเอง

‘ไม่แปลกที่สมง สมองจะไปหมดและ เล่นคิดซะจนเกือบเช้าขนาดนี้ เอาวะ
นอนก่อนแล้วกัน ถ้าไงค่อยว่ากันอีกทีวันพรุ่งนี้’

ภัทรคิดไปคิดมา ก็เลยคิดได้ว่าเขาควรจะนอนเอาแรงเสียก่อนดีกว่า แล้วค่อย
ตื่นขึ้นมาหาทางแก้ปัญหาต่อในวันรุ่งขึ้นแทน





อีกไม่กี่วันถัดมา






เมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา ภัทรก็ถึงกับอดใจเต้นแรงไม่ได้ เมื่อเขาได้เห็นว่ามีข้อความ
ตอบกลับมาจากเธอคนนั้น โดยข้อความนั้นก็เขียนเอาไว้ว่า…










‘ไม่...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่