สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการประกวด Miss Universe ครั้งนี้

ก่อนอื่น ขอกอดให้กำลังใจน้องน้ำตาลแน่นๆนะคะ จากคนที่ไม่ได้ติดตามตอนน้องประกวดในไทย แต่มาเริ่มสนใจน้อง เมื่อน้องมีผลงานที่ดี เป็นที่สนใจของสื่อในระหว่างการเข้าร่วมประกวดที่ฟิลิปปินส์ รู้สึกประทับใจกับความงดงามของใบหน้าที่มีเอกลักษณ์และรูปร่างที่สมส่วนแบบที่ไม่เคยเห็นตัวแทนสาวไทยที่พร้อมขนาดนี้มาก่อน จากนั้นก็เริ่มสมัครทวิตเตอร์ ทั้งที่ไม่เคยเล่น รีทวิตส่งกำลังใจให้รัวๆจนติดล็อค ตามโหวตให้ทุกวัน จนคนที่บ้านขำ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนก็เป็นเหมือนอย่างเรา

จนผลที่ออกมาในวันนี้ แม้ว่าจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังคือตำแหน่งสูงสุด ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมเราถึงไม่ก้าวเข้าไปได้ใกล้กว่านี้ ทั้งที่กายภาพคนของเราเพียบพร้อมทุกประการ ทำไมไม่ตอบอย่างนั้น ไม่ตอบอย่างนี้
เราเข้าใจน้องถึงความตื่นเต้นในการพูดบนเวทีใหญ่ขนาดนี้ ความกดดันจากการที่เป็นตัวเก็งมาตลอด ความคาดหวังของคนในชาติ สิ่งที่น้องทำได้ก็เต็มที่แล้วในสถานการณ์ขณะนั้น สิ่งนั้นได้ทำไปแล้ว ผ่านไปแล้ว จะหวนมาคิดภายหลังว่า ถ้าย้อนกลับไปจะตอบอย่างนั้น จะเพิ่มตรงนี้ มันก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร น้องทำหน้าที่สุดความสามารถแล้ว และน้องจะเป็นที่รักของเราเสมอ

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการประกวด Miss Universe ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่กองประกวด คณะกรรมการ และผู้สนับสนุนเบื้องหลังจะต้องขบคิด เพื่อปรับปรุงในการประกวดหาตัวแทนครั้งต่อไปเท่านั้น ซึ่งน้ำตาลสร้างมาตรฐานไว้สูง และสร้างกระแสความสนใจให้กับคนไทยอย่างมากมาย นอกจากนี้ เราอยากเห็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้มองเห็นถึงภาพที่ใหญ่กว่าการประกวดความงาม ซึ่งเหนือกว่าเพียงการแสดงความยินดีกับผลงานของเธอ นั่นคือ แนวทางการพัฒนาระบบการศึกษาของเราอย่างจริงจัง

อย่างแรกคือ เรื่องภาษา คนไทยมีคนสวย หน้าตามีเอกลักษณ์ แต่สาวไทยแท้ ที่ได้รับการศึกษาจากในประเทศ ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง ทั้งที่เรียนมาตั้งแต่เด็กเป็นเวลาหลายปี ทำให้ถ้าจะหาสาวสวยที่ได้ภาษาก็มักจะศึกษาจากต่างประเทศ หรือเป็นลูกครึ่ง การพัฒนาความสามารถในเรียนรู้ภาษาอื่น นอกจากภาษาไทยของเรายังค่อนข้างน้อยมาก ซึ่งการจะพัฒนาศักยภาพด้านภาษาให้ดีขึ้นภายใน 3 เดือน 6 เดือนหลังรับตำแหน่งนั้น เป็นไปได้ยาก
อย่างที่ 2 คือกระบวนการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ เรามักจะตอบคำถามสั้นๆได้ดี แต่ถ้าให้พูดอธิบายเหตุผลยาวๆว่าทำไมจึงตอบอย่างนั้น จะเริ่มยาก การคิดเชื่อมโยงตนเองเข้ากับสังคมโลก การมองภาพใหญ่ การคิดหลายๆแง่มุมที่แตกต่างและสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ฝึกฝนกัน
อย่างที่ 3 คือความมั่นใจและทักษะในการนำเสนอ การพูดต่อหน้าคนหมู่มาก การพูดสุนทรพจน์ การแสดงวิสัยทัศน์   เป็นทักษะที่ต้องใช้หลายๆสิ่งประกอบกัน ทั้งสติ สมาธิ การเรียบเรียงคำพูดให้สละสลวย การโน้มน้าวใจคน จึงเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ถึงจะสามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ดังนั้น จึงอยากให้ระบบการศึกษาของเรามุ่งเน้นการพัฒนะทักษะในด้านต่างๆเหล่านี้ภายในห้องเรียนอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้โดยการสั่งการบ้านให้เด็กทำ เราจะได้มีเด็กรุ่นใหม่ๆที่มีทักษะพร้อมประชันกับประเทศอื่นในสังคมโลก

สุดท้ายนี้ขอชื่นชมและให้กำลังใจน้องน้ำตาลที่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านการพัฒนาและฝึกฝนอย่างมากมายหลายด้านในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งน้องก็ทำได้อย่างดีมาก  ขอให้น้องพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง เข้มแข็ง และก้าวต่อไปนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่