ความทรงจำ...ที่ไม่อยากจำ

"ไหวไหมพี่" เสียงใสๆ ของพยาบาลเอ่ยขึ้นหลังจากถอดเข็มออกจากแขน หลังจากการฟอกเลือด

"พอไหวครับ" ผมตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ เพื่อยืนยันว่ายังไหวจริงๆ

ตั้งแต่ป่วยเป็นโรค ไตวาย ทำให้ผมต้องเข้ารับการฟอกรักษาไตสามครั้งต่อสัปดาห์ ทำให้ชีวิตช่วงวัยเกษีนณอายุราชการที่ควรจะอยู่บ้านเลี้ยงหลาน หรือทำในสิ่งที่เคยคาดหวังไว้จากเมื่อสมัยที่ยังทำงานเก็บเงินว่าบั้นปลายชีวิตจะทำอะไร

แต่เมื่อมาเป็นโรคนี้ ไม่ต้องไปหวังอะไร เพราะโรคจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเราเรียบร้อย

ทุกวันนี้การก้าวเดินผมต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงการเดิน เพราะกล้ามเนื้อแขนขาที่ลีบเล็กลงไป
ทำให้การเดินเหินไปไหนค่อนข้างลำบาก และอาจจะเป็นการกีดขวางสำหรับการสัญจรของผู้คนในที่สาธารณะ

ระหว่างทางเดิน สวนทางกับชายหญิงคู่นึงในวัยกลางคน ประคับประคองกันมา
ผมเห็นคู่นี้หลายครั้งแล้ว และพอจะรู้ว่าฝ่ายชายมาเพื่อฟอกเลือกเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันที่
ผมมาที่นี่คนเดียวเป็นเวลาสิบปีแล้ว
.......
ย้อนกลับไปเมื่อสิบห้าปีก่อน ผมคือ หนึ่งในผู้กว้างขวางในวงการนักปั้นนักชกบนสังเวียนชื่อดังคนนึงในจังหวัด ที่ได้รับการนับถือว่าเป็นหนึ่งในครูมวยที่ปั้นนักชกมาหลายคน ตระเวนพานักมวยในสังกัดออกชกตามเวทีต่างๆ ทั้งงานการกุศลและวงการพนัน!

ในช่วงนั้น เป็นธรรมดาที่ครูมวยอย่างผมจะมีชื่อเสียงและเงินทองเนื่องจากนักมวยที่ผมปั้น
ล้วนมีฝีมือและทำเงินให้ผมไม่น้อย สิ่งที่ตามมาต่อจากนั้นคือ สาวๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากมาย ทั้งชื่นชมในความสามารถและหวังเงิน ก่อนหน้าจะเป็นครูมวย ผมเองก็คือนักมวยคนหนึ่งเหมือนกัน

เป็นนักมวยที่จัดว่ามีชั้นเชิงมวยพอตัว มีแพ้บ้างชนะบ้าง จนพอเริ่มมีอายุจึงแขวนนวม
แล้วตั้งค่ายมวย เพื่อปั้นนักมวยโดยหวังว่ามันคืออาชีพสุดท้ายที่จะทำไว้เลี้ยงตัว

ระหว่างนั้น ก็จะมีสาวๆ วนเวียนเข้ามาในชีวิต จนสุดท้ายผมก็เลือกที่จะตกร่องปล่องชิ้นกับใครสักคน เพื่อหวังจะมีทายาทไว้สืบทอดค่ายที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงแห่งนี้

ค่ายมวยของผมค่อยๆ สะสมชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักของบุคคลต่างๆ ในวงการ และเริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามา พร้อมข้อเสนอมากมาย ซึ่งหมายถึงรายได้และความสมบูรณ์ของนักมวยและตัวผม

สถานะทางการเงิน และชื่อเสียงของผมดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง!
......
อยู่ๆ ผมหายใจไม่ออก ไม่รู้เพราะอะไร ภรรยาก็รีบพาตัวส่งโรงพยาบาล
หมอวินิจฉัยว่าผมน้ำท่วมปอด ผมต้องนอนโรงพยาบาล เจาะเลือด หาสาเหตุอยู่ประมาณสัปดาห์
แจ็คพ๊อต ออกมาเหมือนตอนที่โดนฮุคขวาเข้าเบ้าตาในการขึ้นสังเวียนครั้งที่สอง ที่ทำเอาผมมึน
จนแทบไปไม่เป็น
"ผลเลือดมันระบุว่า ไตคุณมีปัญหาแล้วล่ะ ถ้า...จะประคองไตไว้หมอแนะนำว่า........"
หูผมแทบไม่ได้ยินอะไรต่อจากนั้นเลย มันสับสนไปหมด เราเป็นนักมวย ร่างกายเราแข็งแรง แล้วเราเป็นได้อย่างไร ผมคิดวนเวียนอยู่แค่นั้น
......
ผมจมตัวเองกับความรู้สึกกังวล อยู่กับตัวเอง พร้อมๆ กับต้องเข้ารับการรักษาตามที่หมอแนะนำ
ในระหว่างนั้น ค่ายมวยของผมก็เป็นหน้าที่ของภรรยาที่ต้องเข้าไปดูแล ผมแทบไม่สนใจอะไรเลย
ปล่อยชีวิตซังกะตาย คิดอยู่แต่ว่า อนาคตของเราหมดแล้วจบเพียงเท่านี้ ภรรยาก็เข้ามาปลอบใจบ้าง ทำอาหารมาให้ทานบ้าง ซึ่งเธอเองคงเหนื่อยทั้งงานที่ค่าย แล้วยังต้องเจอผมในสภาพอารมณ์แปรปรวนตลอดเวลา หลังๆมา หน้าที่การดูแลผมจึงกลายเป็นเด็กนักมวยฝึกหัดในค่ายที่เข้ามาคอยพาผมไปโรงพยาบาลบ้าง ไปทำธุระบ้าง
......
ชีวิตแต่ทรงกับทรุด
สุดท้าย วันนึง ภรรยาก็เข้ามาบอกว่า เธอจะขอขายค่ายมวย เพราะเธอดูแลไม่ไหว และมีนายทุนที่สนใจให้ราคาค่อนข้างดี เธอบอกเธอเหนื่อย และเธอเองก็ทำไม่ไหวแล้ว
......
แต่ผมยืนยันว่า ไม่ให้ขายขอให้ทำต่อ ผมจะคอยช่วย เธอก็กระฟัดกระเฟียดออกไป
ค่ายผมก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ การซ้อมของนักมวยเริ่มไม่มีวินัย การเงินก็เริ่มฝืดเคือง คนที่เก่งๆ หน่อยก็มีค่ายอื่นมาดึงตัวไป บางส่วนก็เลิกชกไปบ้าง สปอนเซอร์ที่เคยมีก็เริ่มหายไป
แต่ในระหว่างนั้นก็มีนักมวยคนหนึ่งเข้ามาใหม่ หน่วยก้านดี ที่พอจะชกแล้วมีรายได้เข้ามาบ้าง
......
"พี่จะให้เมธเขามาลองทำค่ายดูไหม นักมวยด้วยกัน เขาอาจจะทำได้ดีกว่าหนูนะพี่" ภรรยาเสนอผม
ว่าน่าจะลองให้นักมวยคนใหม่เข้ามาเป็นคนดำเนินการ ซึ่งมันก็ดีขึ้นจริงๆ ค่ายผมก็ค่อยๆ กลับมาเป็นค่ายมวยมากขึ้น มีเด็กเข้ามาใหม่มากขึ้น สปอนเซอร์บางรายเริ่มกลับมาอีกครั้ง
.....
ผมก็ปล่อยให้เมธบริหารงานในค่ายร่วมกับภรรยาผม
.....
ต่อมาไม่นาน เมธและภรรยาผมก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่หลายๆ ท่านคิด ก็เป็นจริง
เขาสองคนลอบเป็นชู้กัน ผมก็ไม่อยากจะโทษใคร เพราะผมเองทั้งนั้น
แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ทั้งสองคน วางแผนที่จะให้ผมกินยาเบื่อหนู เพื่อหวังเงินประกัน!
แต่ผมรู้ก่อน และคุยกับทั้งสองคนว่า อย่างมาสร้างบาปสร้างกรรมกันเลย ครั้งนี้ผมอภัยให้ทั้งสองคน และจงไปอยู่กันสองคน จงอย่ามายุ่งเกี่ยวอะไรในชีวิตผมอีก
.....
ทุกวันนี้ผมปิดค่ายไปแล้ว โดยไม่ได้ขายให้กับใคร ผมอยู่ตัวคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว ไปโรงพยาบาลเองคนเดียว ผมพอใจและยินดีที่จะใช้ชีวิตแบบนี้
.....
ได้แต่มองชายหญิงวัยกลางคนคู่นั้น และคิดเพียงว่า
"ขออย่าให้เขาทั้งสอง ... ต้องเจออะไรอย่างผมเลย..."
.................
ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่