แต่ก่อนก็งั้นๆ พอไม่ได้เจอกันร่วม 10 ปี เจอกันใหม่ เพื่อนคนนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดูอู้ฟู่ซะเหลือเกิน ด้วยความอยากรู้ ผมเลยถามเพื่อนว่า
ผม “เฮ่ย ไปทำไรมา เดี๋ยวนี้ดูล่ำซำเหลือเกิน เปลี่ยนอาชีพใหม่หรือไง”
เพื่อน “ก็อาชีพเดิมๆนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการค้าแบบใหม่เท่านั้นเอง”
ผม “มีเคล็ดลับอะไรหรือ”
เพื่อน “ก็ไม่ใช่เคล็ดลกเคล็ดลับอะไรหรอก แค่ยอม “เสียค่าที่ปรึกษาเพื่อให้ได้งาน”มากหน่อย ก็เลยได้งานเพิ่มมามากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”
ผม “มันมิกลายเป็นภาระของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือไง”
เพื่อน “เข้าใจผิดแล้วทวด เมื่อเรายอมเสียค่าที่ปรึกษา สินค้าที่เราเสนอไปก็จะได้ “ส่วนต่างที่เกินจริง”มากหน่อย คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มนะ”
ผม “อย่างนี้ไม่รู้สึกขาดธรรมาภิบาลบ้างหรือ”
เพื่อน “ทวดก็อย่าคิดมากไปเลย ให้คิดซะว่า “ใครๆเขาก็ทำกัน”แล้วจะสบายใจขึ้นเยอะ”
ผม “ไม่รู้สิ แต่ดูๆแล้ว มันเหมือนบริษัทคู่ค้าต้องเสีย “ค่าโง่” อย่างไงไม่รู้”
เพื่อน “ทวดพูดอะไรอย่างนั้น ฟังดูน่าเกลียดมาก เรียกเป็น “บทเรียนที่แพงไปหน่อย”ดีกว่ามั๊ย”
ผม “จะใช้คำพูดสวยหรูยังไง แต่รู้สึกก็ยังเหมือน “ขโมย”ลูกจ้างเขาอยู่นั่นแหละ”
เพื่อน “ป๊าดโธ่ มองโลกในแง่ร้ายจริงๆเลยทวด ขโมงขโมย จะผิดก็ไม่ใช่ “ความผิดวินัยที่ร้ายแรงอะไรสักหน่อย”
ผม “ไม่ใช่แล้ว จะผิดมากผิดน้อยมันก็คือความผิดอยู่ดี อย่าลืมนะ เรากำลังจะมีรัฐธรรมนูญปราบโกง เรากำลังปลูกฝังให้ประชาชนมีจิตสำนึกที่ดี เรากำลังเสริมสร้างเด็กรุ่นใหม่ โตขึ้นไม่โกง และเราก็กำลังรณรงค์ไม่ให้คนโกงมีที่ยืนไม่ใช่หรือ”
เพื่อนผมตอบผมสั้นๆ “เรื่องพวกนั้นเขาไว้ใช้สำหรับพวกคนไม่ดีว้อยทวด สำหรับผมรึ หึๆๆๆ อยากไปดูนกหวีดที่บ้านไหม มีเป็นถุง จะเอาขนาดไหนล่ะทวด”
ผม “?????????? สงสัยต้องไปสั่งทำรูปปั้น “นกหวีด”ใหญ่ๆไว้หน้าประตูบริษัทแล้วกระมังครับ??????????”
ตรุษจีนนี้ พอดีได้เจอเพื่อนคนหนึ่ง------------------ทวดเอง
ผม “เฮ่ย ไปทำไรมา เดี๋ยวนี้ดูล่ำซำเหลือเกิน เปลี่ยนอาชีพใหม่หรือไง”
เพื่อน “ก็อาชีพเดิมๆนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการค้าแบบใหม่เท่านั้นเอง”
ผม “มีเคล็ดลับอะไรหรือ”
เพื่อน “ก็ไม่ใช่เคล็ดลกเคล็ดลับอะไรหรอก แค่ยอม “เสียค่าที่ปรึกษาเพื่อให้ได้งาน”มากหน่อย ก็เลยได้งานเพิ่มมามากกว่าเดิมเท่านั้นเอง”
ผม “มันมิกลายเป็นภาระของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือไง”
เพื่อน “เข้าใจผิดแล้วทวด เมื่อเรายอมเสียค่าที่ปรึกษา สินค้าที่เราเสนอไปก็จะได้ “ส่วนต่างที่เกินจริง”มากหน่อย คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มนะ”
ผม “อย่างนี้ไม่รู้สึกขาดธรรมาภิบาลบ้างหรือ”
เพื่อน “ทวดก็อย่าคิดมากไปเลย ให้คิดซะว่า “ใครๆเขาก็ทำกัน”แล้วจะสบายใจขึ้นเยอะ”
ผม “ไม่รู้สิ แต่ดูๆแล้ว มันเหมือนบริษัทคู่ค้าต้องเสีย “ค่าโง่” อย่างไงไม่รู้”
เพื่อน “ทวดพูดอะไรอย่างนั้น ฟังดูน่าเกลียดมาก เรียกเป็น “บทเรียนที่แพงไปหน่อย”ดีกว่ามั๊ย”
ผม “จะใช้คำพูดสวยหรูยังไง แต่รู้สึกก็ยังเหมือน “ขโมย”ลูกจ้างเขาอยู่นั่นแหละ”
เพื่อน “ป๊าดโธ่ มองโลกในแง่ร้ายจริงๆเลยทวด ขโมงขโมย จะผิดก็ไม่ใช่ “ความผิดวินัยที่ร้ายแรงอะไรสักหน่อย”
ผม “ไม่ใช่แล้ว จะผิดมากผิดน้อยมันก็คือความผิดอยู่ดี อย่าลืมนะ เรากำลังจะมีรัฐธรรมนูญปราบโกง เรากำลังปลูกฝังให้ประชาชนมีจิตสำนึกที่ดี เรากำลังเสริมสร้างเด็กรุ่นใหม่ โตขึ้นไม่โกง และเราก็กำลังรณรงค์ไม่ให้คนโกงมีที่ยืนไม่ใช่หรือ”
เพื่อนผมตอบผมสั้นๆ “เรื่องพวกนั้นเขาไว้ใช้สำหรับพวกคนไม่ดีว้อยทวด สำหรับผมรึ หึๆๆๆ อยากไปดูนกหวีดที่บ้านไหม มีเป็นถุง จะเอาขนาดไหนล่ะทวด”
ผม “?????????? สงสัยต้องไปสั่งทำรูปปั้น “นกหวีด”ใหญ่ๆไว้หน้าประตูบริษัทแล้วกระมังครับ??????????”