Train to เชียงดาว เชียงใหม่ 4 คืน 5วัน ด้วยงบ 2000 บาท

กระทู้สนทนา
              สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านค่ะ หลังจากได้เข้ามาอ่านกระทู้รีวิวของเพื่อนๆหลายๆคนจึงเกิดแรงบันดาลใจให้อยากลองรีวิวดูสักครั้ง ทริปนี้ จขกท. ใช้กล้อง Huawei P9 lite ถ่ายตลอดทั้งทริป และผิดพลาดอย่างหนักตรงไม่ได้เตรียมแผนที่ก่อนการเดินทางค่ะ ทริปที่เราจะไปคือ เชียงใหม่ 4 คืน 5วัน เดินทางวันที่ 24 – 28 ธ.ค.59 (จากกำหนดการเดิมคือ 24 – 27 ธ.ค.59 แต่ดันตกรถไฟฟรี555) มีผู้ร่วมเดินทางด้วยอีกหนึ่งคน รวมเป็นสองคนค่ะ เม่าออกรถกางเต้นท์รอ

แพลนการเดินทางคร่าวๆค่ะ
วันที่ 1 อยู่บนรถไฟค่ะ
วันที่ 2 อำเภอเชียงดาว(ไม่ได้ขึ้นบบนดอยค่ะ) วัดถ้ำเชียงดาว
วันที่ 3 บ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ พระธาตุดอยสุเทพ น้ำตกห้วยแก้ว เชียงใหม่คอมเพล็กซ์ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
วันที่ 4 ขุนช่างเคี่ยน  อุทยานแห่งชาติดอยปุย วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเจดีย์หลวง วันพันเตา
วันที่ 5 เดินทางกลับ


วันที่ 1

แพ็คกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับของกินระหว่างทางถุงใหญ่ คือกลัวอดมาก 555 เราตั้งนาฬิกาปลุกตี 4 ครึ่งเพื่อเตรียมเดินทางไปจองตั๋วรถไฟฟรี

เย้..ได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว ได้แล้วก็กลับเลยค่ะ กลับมาพักเอาแรงที่ห้องก่อนจะออกเดินทางตอนเที่ยงเพื่อจะขึ้นรถไฟฟรีรอบ 13:45 (สถานีหัวลำโพง)

และเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นมาจริงๆ มีสองสามีภรรยานั่งที่นั่งของพวกเราสองคน  แต่โชคยังเข้าข้างพวกเรา ป้าสองคนฝั่งตรงข้ามช่วยเถียงแทนให้เนื่องจากตั๋วของเราระบุที่นั่งชัดเจนตามกฎคือต้องได้นั่งและตั๋วของสองสามีภรรยาไม่ได้ระบุที่นั่งต้องเป็นตั๋วยืนค่ะ ทำเอาใจหายไปอยู่ที่ตาตุ่มคิดว่าจะได้ยืนซะแล้ว ขอบคุณป้าใจดีทั้งสองคนด้วยค่ะ

พักทานไอศกรีมกะทิ ที่สถานีชุมทางบ้านภาชี  ถ้วยละ 5 บาท ขอบอกว่าอร่อยมากกกก

.
นั่งชมวิวข้างทางไปเพลินๆ เห็นดอกทานตะวันรู้สึกว่าสวยมาก พยายามจะถ่ายแต่ถ่ายไม่ทัน

ถึงแล้วค่ะลพบุรีเมืองลิง แต่ถ่ายลิงไม่ทันค่ะ นั่งรถผ่านรู้สึกว่าสวยมาก แต่ยังไม่ใช่เป้าหมายของเราค่ะ

ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี

วันที่ 2

ถึงแล้วจ้าเชียงใหม่…………เวลาขณะนี้ ตี 4:30 น. เลทไป 20กว่านาที แต่ไม่เป็นไรค่ะรับได้

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยไม่รอช้าค่ะ เดินหน้าเข้าเซเว่นหาของรองท้องก่อนแล้วค่อยเดินไปขึ้นรถแดงบอกคนขับไปท่ารถช้างเผือก (เพื่อจะต่อรถไปเชียงดาวค่ะ) ตอนนั้นคนเริ่มน้อยลงแล้วเราเลยไม่มีตัวหารค่ะ จัดไปคนละ 50บาท ไม่มีทางเลือกค่ะ

ลงรถแดงปุ๊บกระโดดขึ้นรถส้ม เชียงใหม่-ท่าตอน ทันทีค่ะ รถกำลังจะออกแล้ว ด้านในรถคล้ายๆรถเมล์กรุงเทพเลยค่ะ มีคนเดินมาเก็บตั๋วเราบอกเค้าว่าลงโลตัสเชียงดาวค่ะ

อากาศตอนนั้น 14 C เวลาประมาณ 8โมงกว่าๆค่ะ หมอกลงสวยมาก ฟินไปอีกกกก

พอถึงหน้าโลตัสเชียงดาวถามคนแถวนั้นว่า เชียงดาวฮัทไกลมั้ยเค้าบอกไม่ไกล ให้เดินไปอีกหน่อยจะเจอซอย ก่อนถึงซอยค่ะ เจอป้ายวินรับจ้าง กดถ่ายไว้ก่อนค่ะเผื่อได้ใช้บริการ

ถึงซอยที่พักแล้วคุยกันกับเพื่อนร่วมทางว่าเดินดีกว่า คนแถวนั้นบอกไม่ไกล อากาศก็กำลังดี ลุยค่ะ!!

เดินไปซักพักเจอร้านก๋วยเตี๋ยวแวะถามก่อน เค้าบอกว่าอีกประมาณ 5 กิโลกว่า ไม่ไหวค่ะตอนนั้น 9โมงกว่า บวกกับความล้าและอยากอาบน้ำ งัดรูปที่ถ่ายเบอร์วินรับจ้างมาค่ะ โทรให้ลุงมารับแล้วพาไปส่ง ราคาคนละ 50 บาท

.
ถึงแล้วค่ะที่พักของเรา เชียงดาวฮัทรีสอรท์ พวกเราได้ห้องพักเบอร์ 5 เป็นห้องพัดลมในที่พักมีบริการ wifi เครื่องทำน้ำอุ่นให้บริการค่ะ  
ห้องพักราคา 600 บาทค่ะ พักได้ 2 คน

มองจากทางด้านหน้าห้องจะเห็นภูเขาพอดี บรรยากาศร่มรื่นมากๆค่ะ

ตามธรรมเนียมค่ะเราต้องทักทายผู้คุมก่อน

ฝั่งตรงข้ามด้านหน้ารีสอร์ทจะเป็นครัวของทางที่พัก ราคา 60บาทขึ้นไปค่ะ ทางที่พักไม่มีอาหารเช้าและรถรับส่งให้บริการนะคะ

ทางรีสอร์ทมีบริการเช่ารถจักรยานยนต์ราคา 300บาท และรถจักรยานราคา 100 บาท ตอนนั้นเวลาประมาณ 10 โมงกว่า เราเลือกจักรยานค่ะ (ภายในหัวคือขี่ชิวๆชมบรรยากาศข้างทาง)ลืมคิดไปค่ะว่าแดดเมืองไทยมันร้อนคิดว่าจะหนาวทั้งวันผลคือเหนื่อยมากค่ะขาขี่ลงไม่เท่าไหร่ขาขึ้นกลับที่พักนี่แทบตาย หลังจากเข้าที่พักอาบน้ำกันเรียบร้อย ที่แรกที่เราไปคือ วัดถ้ำเชียงดาว

ถึงแล้วค่ะ วัดถ้ำเชียงดาว รูปนี้คือ เจดีย์ 25 ยอดค่ะ

.
.
.
ก่อนที่จะเข้าสู่ด้านในถ้ำค่ะ เราไหว้พระเอาสิริมงคลกันก่อน หลังจากเดินเข้ามาจะพบกลุ่มของไกด์ที่รอให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่อยากเข้าไปชมด้านใน ซึ่งจะมีห้องโถ่งต่างๆภายในถ้ำ ส่วนใครที่ไม่อยากเข้าชมภายในถ้ำจะเดินไปแค่ถ้ำพระนอนก็ได้ค่ะเดินเข้าไปชมได้เองโดยไม่ต้องมีไกด์ค่ะ (เราเลือกใช้บริการของไกด์ค่ะ คนละ 50บาท)

.
.
.
หลังจากพักทานอาหารเที่ยงที่วัดเสร็จ เดินทางต่อ เห็นวิวสวยดีเลยถ่ายรูปสักหน่อยค่ะ  ปั่นชมวิวไปซักพักรู้สึกเหนื่อยค่ะ กลับที่พักกันดีกว่า
หลังจากนอนพักจนหายเหนื่อย เวลาประมาณ 5 โมงเย็น พวกเราหยิบจักรยานปั่นออกไปหาข้าวเย็นกินกันค่ะ

วันที่ 3

รูปนี้ถ่ายฝั่งเดียวกับร้านอาหารของทางรีสอร์ท

รูปนี้ถ่ายด้านหน้าของรีสอร์ท

หลังจากเช็คเอ้าท์เวลา7 โมงครึ่ง หมอกก็เริ่มลงแล้วค่ะ โทรนัดลุงวินเจ้าเดิมให้มารับ และขอให้ลุงพาไปบ่อน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ

ระหว่างทางลงเจอทุ่งหญ้าจุดชมวิวที่เราเห็นมีคนจอดถ่ายรูปตั้งแต่เมื่อวานค่ะ วันนี้เราไม่พลาดขอลงไปถ่ายรูปซักหน่อย  

อยากลองยืนอยู่กลางหมอกดูบ้าง 555

.
ถึงแล้วค่ะ ออนเซ็นที่เค้าว่ากัน

ระหว่างทางเจอสวนลำไย ลุงพาพวกเราไปส่งถึงที่หมายหน้าโลตัสเชียงดาวที่เดิม จัดให้ลุงไปคนละ 100 บาท  แวะทานข้าวเช้าก่อนออกเดินทาง เวลาประมาณ 10 โมง รถสองแถวสีส้มก็มาพอดี ค่าโดยสารคนละ 40 บาท ถึงท่ารถช้างเผือก โบกรถแดงไปเช่ารถจักรยานยนต์ที่ bikky สาขากาดสวนแก้ว ค่ารถแดงคนละ 20 เช่ารถ 300 บาท
ได้รถสมใจเราเดินทางไปเช็คอินที่ ซิกตี้เฮาท์ทันที อยู่แถวประตูท่าแพ ใกล้วัดมหาวัน บริการที่พักมีwifi เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่มีอาหารเช้า ราคาห้อง 450บาทเป็นห้องพัดลมค่ะ

เก็บของเรียบร้อยที่แรกที่จะไปคือ วัดพระธาตุดอยสุเทพ สวยงามและคนเยอะมากๆ เราเดินดูรอบๆและรับสายสินข้อมือจากพระเป็นสิริมงคลค่ะ

จุดชมวิวอีกจุดนึงที่สวยมากๆเลยระหว่างทางลงค่ะ เห็นเมืองเชียงใหม่เกือบทั้งหมด หลังจากนั้นพวกเราแวะสักการะครูบาศรีวิชัยและน้ำตกห้วยแก้ว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย

วัดอินทขิลตอนกลางคืน วัดปิดแล้วค่ะ

อนุสาวรีย์สามกษัตริย์

วันที่ 4

เช่ารถต่ออีกวันหนึ่งเพื่อเดินทางขึ้นหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยนค่ะ ขับมาถึงที่เดิมพระธาตุดอยสุเทพ แวะถามคนแถวนั้น เค้าบอกไม่ไกลเอารถขึ้นไปได้เลยไม่ไกล 4 กิโลเมตร งั้นก็ไปค่ะ ขับมาได้สักพักรู้สึกว่ามันไกลเกิน 4 กิโล ถอดใจกลับดีกว่า เดชะบุญโชคดีค่ะ เจอพี่ผู้ชายขับรถตามมาเห็นพวกเราจอดรถอยู่ข้างทางจึงเข้ามาถามไถ่ พูดคุยกันอยู่สักพักสรุปไปที่เดียวกัน เราจึงจอดรถไว้ข้างทาง และติดรถเค้าไปด้วย ระหว่างทางมีรถขับสวนออกมาเปิดกระจกบอกว่าดอกพญาเสือโคร่งยังไม่บาน แต่ด้วยความที่ไหนๆก็มาแล้วลุยค่ะ จึงได้ภาพมาแค่นี้

.
.

อุยานแห่งชาติดอยปุย

แยกย้ายกับคุณพี่ใจดีเสร็จก็แว้นต่อค่ะ กลับลงมาถ่ายรูปที่จุดชมวิวดอยปุย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่