ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ ... เจิมชีวิตปีใหม่ วันตรุษ ด้วยการปรองดอง ในชีวิตจริง เริ่มปรองดองนักการเมือง หรือประชาชนครับ

ท่านที่เคารพรักครับ  หากพูดตามสำนวนศรีธนชัย ที่ว่า เช้ากินข้าวผัด   เที่ยงกินผัดข้าว

         จากแนวความคิดแบบนี้ ที่เปลี่ยนชื่อ ประชานิยม เป็น ประชาวิวัฒน์  จนมาถึงประชาต่างๆ  หากยึดตามแนวความคิดศรีธนชัยนี้
     ปีใหม่ต่อๆไป เราอาจ จะเห็นการเกทับแจกเงินเพิ่มจาก สามพัน เป็นห้าพัน หกพันแน่
    
     ท่านครับ  คนไทยเป็นคนที่มีอุปนิสัยอ่อนโยน มีสัมมาคารวะ เวลาขับรถผ่านเห็นต้นตะเคียนใหญ่ ก็ยกมือไหว้ เห็นต้นกล้วยใหญ่ ก็ยกมือไหว้
     เห็นจอมปลวกใหญ่ ก็ยกมือไหว้ เห็นทางโค้งใหญ่ ก็ยกมือไหว้

     เคยมีคนถามข้าพเจ้าว่า เพราะเหตุนี้หรือเปล่า จึงมีคนต้องการให้คน กราบไหว้รถตนเอง จนเป็นข่าวโด่งดัง ข้าพเจ้าตอบว่า เหตุผลนั้นไม่ใช่

    การอยากให้คนอื่นมากราบไหว้รถมินิตนเอง  ความคิดนี้  เป็นสภาวะความคิดที่น่าห่วงใยมาก    อาจจะเพราะความคิดติดยึดกับวัตถุจนเกินไป
   กลายเป็นมนุษย์มีความพ่ายแพ้ต่อ ปัจจัย 5  ปัจจัย 6  จนนำเอาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ๆไปเป็นรองวัตถุแบบมินิ

   อ้าว แล้วหากคนเราไม่ยอมให้กับมินิ   ก็แล้วคนเราจะยอมให้กับ อะไรล่ะ มีอะไรที่คนเรายอมให้มั๊ย ?

   มีครับ มนุษย์ยอมให้กับอะไรที่ ใหญ่ๆ หรือ “ บิ๊ก “    ในชีวิตประจำวันของคนเรา มักจะพบเจอ ขาใหญ่ มากมาย บางคนเป็นขาใหญ่ตามตรอก
   ซอกซอย   ตามวินมอเตอร์ไซด์ ตามสถานที่ต่างๆ  ล้วนแล้วแต่มีขาใหญ่ ทั้งนั้น  

   ข้อสังเกตขาใหญ่ง่ายคือ มักจะใหญ่ที่ขาครับ  

   ยกตัวอย่างง่ายๆคือ เกรียน เพื่อนรักของของข้าพเจ้า  เกรียนจะขาใหญ่มาก ตัวใหญ่ ไหล่ใหญ่ สะโพกใหญ่ เอวใหญ่ น่องใหญ่  
   ทุกๆอย่างในร่างกาย    ใหญ่หมด  แต่บุคลิกภาพน่ารัก พูดจาสุภาพ นุ่มนวล มีเสน่ห์ต่อสาวแก่ แม่หม้าย

      เคยมีคนถามว่า แล้วคนเรา กราบไหว้นับถือ อะไรที่ใหญ่ๆ ทำไม  

      ท่านครับ    ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า  ทำไมต้องไหว้ ทำไมต้องไม่ไหว้ ?
      ท่านครับ   ปัญหามันอยู่ที่ว่า  เราไหว้อะไร ซึ่ง ในใจคงไม่ใช่แค่ไหว้ต้นไม้ ไหว้ภูเขา ไหว้ทางโค้งแน่ๆ  ?

    นี่คืออุปนิสัยพื้นฐานของเราครับ คือความมีสัมมาคารวะ นอบน้อม ถ่อมตน ไม่มีปากมีเสียง สังคมของเรา ล้วนมีความอดทนสูง
    อุปนิสัยของไทยๆต่างรักกัน สังคมคนเราอยู่กันแบบพี่แบบน้องมาช้านาน มีแกงอะไรก็ตักใส่ปิ่นโต แบ่งปันกันกิน  

    แม้แต่คนจีนเราก็ยังนับเป็นพี่ คนลาว เราก็นับเป็นน้อง คนเขมรเรากับเป็นเพื่อน ส่วนพม่า ก็ถือว่ามีชะตากรรมคล้ายๆกัน    

    แล้วประสาอะไร ที่จะทำให้คนไทย ไม่รักคนไทยด้วยกันล่ะครับ


    ปัญหาเวลานี้คือ  เรากำลังจะ “ ปรองดอง “   เราจะเจิม ปีใหม่ ตรุษจีน  ด้วยการ ปรองดอง  เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า หลุดจากหล่มความขัดแย้ง
    ไปสู่แผนประเทศ  20 ปีข้างหน้า

    คนไทยทุกคน ต้องสละเรื่องส่วนตัว  ต้องมีศรัทธา ความคิดหล่อหลอมรวมใจ  ไปในทิศทางเดียวกับ ท่านประยุทธ์ ผู้นำครับ


    ท่านที่เคารพรักครับ  คนไทยมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในพระเป็นเจ้า เมื่อมีอะไรที่เห็นความสำคัญ ก็ต้องเจิม  อันการเจิมนั้น
    อดีตเป็นเรื่องของพราหมณ์  
    พิธีการเจิม จะเจิม   ที่ระหว่างคิ้ว เพียงจุดเดียว  ก่อนนั้นพราหมณ์ใช้ขี้เถ้ามูลโค ผสมขี้เถ้าไม้จันทน์ เจิมหน้าถวายพระเป็นเจ้า

   ต่อมาพุทธอันใกล้ชิดกับพราหมณ์ ก็นำการเจิมมาใช้ แต่ดัดแปลงใช้ผงไม้จันทน์ ชะมดเชียง หญ้าฝรั่น แป้งหอม น้ำมันหอม
   แต่ทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้ ก็ใช้เพียงแป้งกับน้ำหอม  หรือใช้แป้งกับน้ำพุทธมนต์เรียกว่า กระแจะจันทน์ หรือแป้งเจิม สำหรับ เจิมหน้าเจ้าบ่าว
   เจ้าสาวในงานมงคลสมรส
  
   ด้วยความที่คนเราต้องการที่พึ่งทางใจ การเจิมจึงพัฒนาออกไปมาขึ้น เจิมไปถึงการ เจิมป้าย เจิมรถ เจิมเรือ เจิมประตูบ้าน เจิมตู้เซฟ
   เจิมลูกฟุตบอล  เจิมโทรศัพท์  บางคนอาจจะคิดไปถึงว่า  จะพากิ๊กไปเจิม เพื่อให้ขลัง

  
    ปัญหาก็คือ เวลานี้ใครแตกแยก  กับใคร    ใครไม่ปรองดอง  กับใคร ในประเทศ  
    และท่านล่ะครับ   ความคิดท่าน  ท่านจะปรองดอง กับใคร หรือท่านเห็นสมควรว่า  ใครควรปรองดองกับใคร ทางการเมืองครับ
    นี่คือปัญหาใกล้ตัว    คอการเมืองครับ

..........................................................

  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่