
เดือนเมษายนกำลังใกล้เข้ามาอย่างนี้ หากใครยังไม่ได้ลงหลักปักฐานและกำลังมองหาที่เที่ยวอยู่ ก็ลองดูประเทศเนเธอร์แลนด์ไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยก็ได้นะคะ เพราะช่วงเดือนเมษายนจะเป็นฤดูดอกทิวลิปบาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สวนดอกไม้ Keukenhof นี่ สุดยอดแห่งความประทับใจกันเลยทีเดียว ส่วนของ จขกท ไปมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่งจะได้รื้อฟื้นเรื่องราว มาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ตามประสาครอบครัวลูกสองที่สุดแสนซน
ทริปนี้เราพาเด็กๆไปเดินหลบจักรยานท้าลมหนาวที่ The Netherlands หรือ Holland ที่เราๆเรียกกันทั่วไป เราไปกันตั้งแต่ปีที่แล้วระหว่างวันที่ 15-22 เม.ย. 2559 วางแผนแบบพักแค่ 2 เมืองคือที่ Delft กับ Amsterdam และเดินทางด้วยรถไฟ รถบัส metro ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ (สองทริปที่แล้วของไอซ์แลนด์กับจอร์แดน ขับรถไปหลายพันกิโล ทริปนี้เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวแบบนั่งรถโดยสารบ้าง) คำถามที่น่าจะมีคนถามก็คือ ทำไมถึงมาเที่ยวช่วงนี้หล่ะ คำตอบง่ายๆก็อย่างที่เกริ่นไว้ด้านบนนั่นแหละ คือมันเป็นช่วงที่ดอกทิวลิปที่นี่กำลังงามได้ที่ เหมาะแก่การมาชื่นชม

Public transportation ของประเทศนี้สะดวกมากถึงมากที่สุด และสามารถใช้เวป
http://www.9292.nl เพื่อดูเบอร์และเวลาของรถไฟ บัส แทรม เมโทร รวมถึงราคา หรือโหลดแอปเอาก็ได้ตามสะดวก เพื่อวางแผนการเดินทาง แค่พิมพ์ว่าอยู่แถวๆไหนและจะไปที่ไหน วันอะไร ตอนกี่โมง แอปนี้บอกได้หมด โดยจะเห็นรายละเอียดการเดินทางว่าต้องขึ้นรถอะไร เบอร์อะไร ขึ้นที่ไหน รถมากี่โมง ต้องลงที่ป้ายไหน ถึงเมื่อไหร่ แล้วต้องไปต่อรถอะไร เบอร์ไหน ตอนกี่โมง ยิ่งถ้าต้องมีการเดินมันก็จะมีแผนที่บอกให้ด้วยว่าต้องเดินไปทางไหน สุดยอดจริงๆ
เอาให้เห็นภาพคร่าวๆนะ ยกตัวอย่างด้านล่างคือ เราอยู่ที่ Amsterdam Central Station และอยากจะเริ่มเดินทางไปปราสาท Kasteel de Haar วันที่ 20 เม.ย. เวลาประมาณ 10 โมงเช้า พอพิมพ์เข้าไปมันก็จะบอกช่วงเวลาที่ใกล้เคียงมาให้ อันนี้เราก็เลือกดูเที่ยวรถที่เวลา 9.53 ซึ่งต้องต่อรถ 2 ทอดและจะใช้เวลาการเดินทางรวม 1 ชั่วโมง 6 นาที ค่าใช้จ่าย 10.12 ยูโรต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน (ใช้ OV-chipcard ซึ่งก็คือบัตรเติมเงินของที่นี่)

เราก็เดินทางตามที่เขาบอกได้เลย คือ
1. ไปขึ้นรถไฟจาก Central Station ชานชลาที่ 5 (รถไฟขบวนที่จะไป Nijmegen) รถจะมาถึงเวลา 9.53 แล้วไปลงที่ Utrecth Station ซึ่งเราจะไปถึงที่นั่นเวลา 10.20
2. จากนั้นให้ไปต่อรถไฟอีกขบวนที่สถานีนี้แหละ แต่เป็นชานชลาที่ 20 ซึ่งจะมาตอน 10.35 (รถไฟขบวนที่จะไป Den Haag Central) เพื่อไปลงที่สถานี Vleuten และจะถึงที่นั่นเวลา 10.43
3. เดินค่ะ เดินออกมาจากสถานีรถไฟ เพื่อไปป้ายรถบัส Vleuten ไม่ต้องกลัวหลงเพราะเขาจะมีเส้นทางเดินให้เรา click เข้าไปดูได้ด้วย แบบนี้

4. แล้วก็ขึ้นรถบัสที่ป้ายนั้นแหละ เบอร์ 111 (รถบัสที่จะไป Kasteel de Haar) รถจะออกเวลา 10.49 นั่งไป 7 นาทีก็จะถึงสถานี Kasteel de Haar ก็ลง
5. เดินต่ออีก 3 นาที ก็จะถึงตัวปราสาท
เป็นอย่างไรบ้างคะ รู้สึกถึงความง่ายและสะดวกของการใช้ public transport ของเนเธอร์แลนด์กันไหมเอ่ย
ส่วนบัตรโดยสาร สำหรับผู้ใหญ่เราแนะนำว่าให้ซื้อ บัตร OV-chipcard แล้วเติมเงินเอา (ค่าบัตร 7.5 ยูโร ขี้นรถไฟต้องมีเงินขั้นต่ำในบัตร 20 ยูโร แต่สำหรับบัส แทรม เมโทรจะเอาแค่ 4 ยูโร) เงินที่เหลือสามารถขอคืนได้ที่เคาเตอร์ขายตั๋วที่สนามบินก็ได้ แต่สำหรับเด็กอายุมากกว่า 4 ขวบนี่ยุ่งนิดนึง เราไปตอนแรกๆก็งง เพราะต้องซื้อบัตร day pass สำหรับขี้นรถไฟในแต่ละวัน (ไม่รวมการเดินทางด้วยอันอื่น) เขาเรียกว่าบัตร railrunner ซื้อง่ายๆตามตู้ที่สถานีรถไฟ ราคา 2.5 ยูโรสำหรับ 1 วัน อ้อต้องเตรียมเหรียญไว้หยอดด้วย เพราะบางสถานีอาจไม่รับธนบัตรหรือบัตรเครดิต หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตก็จะมี charge เพิ่มนิดหน่อย และหากจะพาเด็กขึ้นพวกรถบัส แทรม เมโทร ก็ต้องซื้อตั๋ว day pass สำหรับขึ้น บัส เมโทร แทรม ต่างห่าง อันนี้ไม่แน่ใจว่าเรางงกันเองหรือระบบมันซับซ้อนจริงๆ สำหรับบน public transportation ของที่นี่จะมีจอหรือแผนผังบอกว่าถึงป้ายไหนแล้ว ก็เลยทำให้การเดินทางสะดวกมากๆ
แต่ที่ต้องระวังสำหรับทุกบัตรเลยคือต้อง check in และ check out บัตรทุกครั้งที่ขึ้นลงพาหนะด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีปัญหาเวลาใช้ครั้งต่อไปและอาจถูกตรวจและปรับ 35 ยูโร ถ้าบัตรไม่ถูกต้อง อีกอย่างคือถ้าไม่ทำการ check out บัตร OV Chip card มันจะหัก 20 ยูโรเลย สำหรับรถไฟ และ 4 ยูโรสำหรับ บัส แทรม เมโทร (เรานี่ท่องจำไว้ในใจและเตือนกันเองบ่อยๆเลยว่าให้ check in/ out ด้วย)
อีกอย่างที่แนะนำก็คือ Holland Pass เพราะใช้ตั๋วแลก ticket ต่างๆได้และได้ส่วนลดอีกมากมาย ของบ้านเราซื้อแบบ Large 2 ใบ และ Kids แค่ 1 ใบให้แทมมี่ เพราะแอลลี่ ตอนนั้นยังสามขวบ เที่ยวฟรีเกือบทุกที่ใน Netherlands เราซื้อ Holland Pass ล่วงหน้า online (
https://hollandpass.com) และเลือกสถานที่รับเป็นที่สนามบิน Schiphol คือพอผ่าน ตม รับกระเป๋าเสร็จ ก็เอา voucher ไปรับก่อนเลยกลัวลืม (ไปรับได้ที่ร้านแลกเงิน GWK โซน arrival 3-4) โดยแต่ละ Holland Pass ก็จะมี Gold และ Silver ticket ให้ใช้แลกตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆได้ ตาม package และยังใช้เป็นส่วนลดตามสถานที่ต่างๆได้อีกด้วย แต่ต้องระวังนิดนึงว่าการเข้าชม Rijksmuseum ต้องใช้ Gold ticket ที่เขียนว่า Rijksmuseum เท่านั้น อย่าเอาไปใช้ที่อื่นก่อนล่ะ

คราวนี้มาเที่ยวแบบไม่ต้องขับรถก็เลยไม่ได้สนใจซื้อซิมโทรศัพท์ ขอประหยัดนิดนึง เลยไม่มีข้อมูลให้ แต่ก็น่าจะมีขายตามทั่วไปเหมือนประเทศอื่นๆ แต่จำคร่าวๆได้ว่าพวกรถไฟ รถบัส นี่มี wifi ใช้ฟรีตลอดนะ
อย่างที่เกริ่นไว้ ทริปนี้เราวางแผนเที่ยวแบบดาวกระจาย 2 จุดคือเมือง Delft นอนสามคืนแรกเพื่อเที่ยวทางตอนใต้ ก่อนกลับขี้นไป Amsterdam และเที่ยวทางด้านเหนือจนวันกลับ สาเหตุหลักที่วางแผนแบบนี้ก็เพราะเน้นความสะดวก มากับเด็กๆ สัมภาระค่อนข้างเยอะ ย้ายที่นอนบ่อยๆก็เหนื่อยเปล่าๆ ตอนแรกอยากเลยไป Belgium และ Luxemburg ด้วยแต่เพิ่งมีระเบิดที่สนามบิน Belgium เลยไม่กล้าไป อยู่เที่ยวแต่ที่ Netherlands น่าจะดีกว่า ส่วนโรงแรมที่พักก็หาจาก Booking.com แนะนำให้อ่าน review ประกอบการตัดสินใจด้วยก็จะดี
เอาหล่ะ ขอเล่าเรื่องราวการผจญภัยของพวกเราให้ฟังตามสไตล์เดิม คือเป็นแต่ละวันไป เพราะจำง่ายดี
เที่ยวเนเธอร์แลนด์ 8 วัน พาเด็กๆเดินหลบจักรยาน เยือนถิ่นกังหันลม ชมศาลโลกและสวนดอกไม้สุดอลัง Keukenhof [ชวนลูกท่องโลก]
เดือนเมษายนกำลังใกล้เข้ามาอย่างนี้ หากใครยังไม่ได้ลงหลักปักฐานและกำลังมองหาที่เที่ยวอยู่ ก็ลองดูประเทศเนเธอร์แลนด์ไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกด้วยก็ได้นะคะ เพราะช่วงเดือนเมษายนจะเป็นฤดูดอกทิวลิปบาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สวนดอกไม้ Keukenhof นี่ สุดยอดแห่งความประทับใจกันเลยทีเดียว ส่วนของ จขกท ไปมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่งจะได้รื้อฟื้นเรื่องราว มาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ตามประสาครอบครัวลูกสองที่สุดแสนซน
ทริปนี้เราพาเด็กๆไปเดินหลบจักรยานท้าลมหนาวที่ The Netherlands หรือ Holland ที่เราๆเรียกกันทั่วไป เราไปกันตั้งแต่ปีที่แล้วระหว่างวันที่ 15-22 เม.ย. 2559 วางแผนแบบพักแค่ 2 เมืองคือที่ Delft กับ Amsterdam และเดินทางด้วยรถไฟ รถบัส metro ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ (สองทริปที่แล้วของไอซ์แลนด์กับจอร์แดน ขับรถไปหลายพันกิโล ทริปนี้เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวแบบนั่งรถโดยสารบ้าง) คำถามที่น่าจะมีคนถามก็คือ ทำไมถึงมาเที่ยวช่วงนี้หล่ะ คำตอบง่ายๆก็อย่างที่เกริ่นไว้ด้านบนนั่นแหละ คือมันเป็นช่วงที่ดอกทิวลิปที่นี่กำลังงามได้ที่ เหมาะแก่การมาชื่นชม
Public transportation ของประเทศนี้สะดวกมากถึงมากที่สุด และสามารถใช้เวป http://www.9292.nl เพื่อดูเบอร์และเวลาของรถไฟ บัส แทรม เมโทร รวมถึงราคา หรือโหลดแอปเอาก็ได้ตามสะดวก เพื่อวางแผนการเดินทาง แค่พิมพ์ว่าอยู่แถวๆไหนและจะไปที่ไหน วันอะไร ตอนกี่โมง แอปนี้บอกได้หมด โดยจะเห็นรายละเอียดการเดินทางว่าต้องขึ้นรถอะไร เบอร์อะไร ขึ้นที่ไหน รถมากี่โมง ต้องลงที่ป้ายไหน ถึงเมื่อไหร่ แล้วต้องไปต่อรถอะไร เบอร์ไหน ตอนกี่โมง ยิ่งถ้าต้องมีการเดินมันก็จะมีแผนที่บอกให้ด้วยว่าต้องเดินไปทางไหน สุดยอดจริงๆ
เอาให้เห็นภาพคร่าวๆนะ ยกตัวอย่างด้านล่างคือ เราอยู่ที่ Amsterdam Central Station และอยากจะเริ่มเดินทางไปปราสาท Kasteel de Haar วันที่ 20 เม.ย. เวลาประมาณ 10 โมงเช้า พอพิมพ์เข้าไปมันก็จะบอกช่วงเวลาที่ใกล้เคียงมาให้ อันนี้เราก็เลือกดูเที่ยวรถที่เวลา 9.53 ซึ่งต้องต่อรถ 2 ทอดและจะใช้เวลาการเดินทางรวม 1 ชั่วโมง 6 นาที ค่าใช้จ่าย 10.12 ยูโรต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน (ใช้ OV-chipcard ซึ่งก็คือบัตรเติมเงินของที่นี่)
เราก็เดินทางตามที่เขาบอกได้เลย คือ
1. ไปขึ้นรถไฟจาก Central Station ชานชลาที่ 5 (รถไฟขบวนที่จะไป Nijmegen) รถจะมาถึงเวลา 9.53 แล้วไปลงที่ Utrecth Station ซึ่งเราจะไปถึงที่นั่นเวลา 10.20
2. จากนั้นให้ไปต่อรถไฟอีกขบวนที่สถานีนี้แหละ แต่เป็นชานชลาที่ 20 ซึ่งจะมาตอน 10.35 (รถไฟขบวนที่จะไป Den Haag Central) เพื่อไปลงที่สถานี Vleuten และจะถึงที่นั่นเวลา 10.43
3. เดินค่ะ เดินออกมาจากสถานีรถไฟ เพื่อไปป้ายรถบัส Vleuten ไม่ต้องกลัวหลงเพราะเขาจะมีเส้นทางเดินให้เรา click เข้าไปดูได้ด้วย แบบนี้
4. แล้วก็ขึ้นรถบัสที่ป้ายนั้นแหละ เบอร์ 111 (รถบัสที่จะไป Kasteel de Haar) รถจะออกเวลา 10.49 นั่งไป 7 นาทีก็จะถึงสถานี Kasteel de Haar ก็ลง
5. เดินต่ออีก 3 นาที ก็จะถึงตัวปราสาท
เป็นอย่างไรบ้างคะ รู้สึกถึงความง่ายและสะดวกของการใช้ public transport ของเนเธอร์แลนด์กันไหมเอ่ย
ส่วนบัตรโดยสาร สำหรับผู้ใหญ่เราแนะนำว่าให้ซื้อ บัตร OV-chipcard แล้วเติมเงินเอา (ค่าบัตร 7.5 ยูโร ขี้นรถไฟต้องมีเงินขั้นต่ำในบัตร 20 ยูโร แต่สำหรับบัส แทรม เมโทรจะเอาแค่ 4 ยูโร) เงินที่เหลือสามารถขอคืนได้ที่เคาเตอร์ขายตั๋วที่สนามบินก็ได้ แต่สำหรับเด็กอายุมากกว่า 4 ขวบนี่ยุ่งนิดนึง เราไปตอนแรกๆก็งง เพราะต้องซื้อบัตร day pass สำหรับขี้นรถไฟในแต่ละวัน (ไม่รวมการเดินทางด้วยอันอื่น) เขาเรียกว่าบัตร railrunner ซื้อง่ายๆตามตู้ที่สถานีรถไฟ ราคา 2.5 ยูโรสำหรับ 1 วัน อ้อต้องเตรียมเหรียญไว้หยอดด้วย เพราะบางสถานีอาจไม่รับธนบัตรหรือบัตรเครดิต หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตก็จะมี charge เพิ่มนิดหน่อย และหากจะพาเด็กขึ้นพวกรถบัส แทรม เมโทร ก็ต้องซื้อตั๋ว day pass สำหรับขึ้น บัส เมโทร แทรม ต่างห่าง อันนี้ไม่แน่ใจว่าเรางงกันเองหรือระบบมันซับซ้อนจริงๆ สำหรับบน public transportation ของที่นี่จะมีจอหรือแผนผังบอกว่าถึงป้ายไหนแล้ว ก็เลยทำให้การเดินทางสะดวกมากๆ
แต่ที่ต้องระวังสำหรับทุกบัตรเลยคือต้อง check in และ check out บัตรทุกครั้งที่ขึ้นลงพาหนะด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีปัญหาเวลาใช้ครั้งต่อไปและอาจถูกตรวจและปรับ 35 ยูโร ถ้าบัตรไม่ถูกต้อง อีกอย่างคือถ้าไม่ทำการ check out บัตร OV Chip card มันจะหัก 20 ยูโรเลย สำหรับรถไฟ และ 4 ยูโรสำหรับ บัส แทรม เมโทร (เรานี่ท่องจำไว้ในใจและเตือนกันเองบ่อยๆเลยว่าให้ check in/ out ด้วย)
อีกอย่างที่แนะนำก็คือ Holland Pass เพราะใช้ตั๋วแลก ticket ต่างๆได้และได้ส่วนลดอีกมากมาย ของบ้านเราซื้อแบบ Large 2 ใบ และ Kids แค่ 1 ใบให้แทมมี่ เพราะแอลลี่ ตอนนั้นยังสามขวบ เที่ยวฟรีเกือบทุกที่ใน Netherlands เราซื้อ Holland Pass ล่วงหน้า online (https://hollandpass.com) และเลือกสถานที่รับเป็นที่สนามบิน Schiphol คือพอผ่าน ตม รับกระเป๋าเสร็จ ก็เอา voucher ไปรับก่อนเลยกลัวลืม (ไปรับได้ที่ร้านแลกเงิน GWK โซน arrival 3-4) โดยแต่ละ Holland Pass ก็จะมี Gold และ Silver ticket ให้ใช้แลกตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆได้ ตาม package และยังใช้เป็นส่วนลดตามสถานที่ต่างๆได้อีกด้วย แต่ต้องระวังนิดนึงว่าการเข้าชม Rijksmuseum ต้องใช้ Gold ticket ที่เขียนว่า Rijksmuseum เท่านั้น อย่าเอาไปใช้ที่อื่นก่อนล่ะ
คราวนี้มาเที่ยวแบบไม่ต้องขับรถก็เลยไม่ได้สนใจซื้อซิมโทรศัพท์ ขอประหยัดนิดนึง เลยไม่มีข้อมูลให้ แต่ก็น่าจะมีขายตามทั่วไปเหมือนประเทศอื่นๆ แต่จำคร่าวๆได้ว่าพวกรถไฟ รถบัส นี่มี wifi ใช้ฟรีตลอดนะ
อย่างที่เกริ่นไว้ ทริปนี้เราวางแผนเที่ยวแบบดาวกระจาย 2 จุดคือเมือง Delft นอนสามคืนแรกเพื่อเที่ยวทางตอนใต้ ก่อนกลับขี้นไป Amsterdam และเที่ยวทางด้านเหนือจนวันกลับ สาเหตุหลักที่วางแผนแบบนี้ก็เพราะเน้นความสะดวก มากับเด็กๆ สัมภาระค่อนข้างเยอะ ย้ายที่นอนบ่อยๆก็เหนื่อยเปล่าๆ ตอนแรกอยากเลยไป Belgium และ Luxemburg ด้วยแต่เพิ่งมีระเบิดที่สนามบิน Belgium เลยไม่กล้าไป อยู่เที่ยวแต่ที่ Netherlands น่าจะดีกว่า ส่วนโรงแรมที่พักก็หาจาก Booking.com แนะนำให้อ่าน review ประกอบการตัดสินใจด้วยก็จะดี
เอาหล่ะ ขอเล่าเรื่องราวการผจญภัยของพวกเราให้ฟังตามสไตล์เดิม คือเป็นแต่ละวันไป เพราะจำง่ายดี