เราควรให้โอกาสลูกน้องคนนี้ต่อไปมั้ย คนที่ทำให้บรรยากาศการทำงานสั่นคลอน

ออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ใช่คนให้เงินเดือนว่าจ้าง ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้านายเป็นหัวหน้าอะไรแบบนั้น
เราแค่เป็นหมอฟันคนนึงที่รักในงานที่ทำ และ happy กับงานที่นี่ ทำหลายวันที่สุด (อารมณ์หมอพาร์ททาม ชอบทำหลายที่) ทำมาหลายปี เพราะทีมงานดีมากกกก ผู้ช่วยดีมาก  คนไข้ดี เครื่องมือวัสดุดี ทำให้ได้งานที่ดี ทำอย่างที่อยากทำ ไม่เครียดเพราะไม่ต้องคิดตังค์คนไข้เพราะเป็นสวัสดิการของเค้า
เอาเป็นว่า เป็นที่ที่อยากมาทำงานทุกวัน โดยไม่ต้องกังวลมากมาย ถึงจะไม่ได้ตังค์มากมายก็ตามค่ะ

ปีงบที่ผ่านมารับคนเพิ่ม เพราะห้องฟันเปิดเพิ่มแบบกะทันหัน เราเป็นคนถามๆ หาๆมา ตัดสินใจรับน้องคนนึงเข้ามาทำสัญญาปีต่อปี (หาใครไม่ได้เพราะคนจบวุฒิโดยตรงมีน้อยค่ะ) แม้จะรู้มาว่าสมัยเรียนน้องเรียนไม่เก่งเอาซะเลย (ถามจากครูพี่เลี้ยงของน้อง) แต่น้องจบมา 3 ปี และทำงานล่าสุดมานานเป็นปีแล้ว น้องบอกว่าตัวเองข้อดีคืออึดทน ไม่เคยหยุดงานเลย เป็นตัวยืนของคลินิก ทำทุกอย่าง ยันโบกรถให้หมอ ดูคุยเก่งนะ พูดเรื่องตัวเองเยอะเลย ดูน่าจะเข้ากับคนอื่นได้ เราว่าน้องน่าจะไว้ใจได้เรื่องความซื่อสัตย์กับความรับผิดชอบ ของอย่างอื่นคงพอสอนได้ เพราะงานที่นี่ ไม่ยาก ไม่วุ่นเรื่องเงินทอง/การปะทะกับคนไข้มากนัก น้องน่าจะทำได้ ถึงเราจะรับรู้ความเอ๋อเล็กๆ ของน้องจากการพูดคุยบ้าง ดูห้าวๆ เอ๋อๆ บางที่ก้เรียกเราพี่ บางทีก็เรียกเราหมอ เรียกชื่อเราผิด ในวันที่แวะไปให้พี่ผู้ช่วยที่ทำงานดูตัว เราก็บอกพี่ๆเค้าว่า เออ คงสายฮาเนอะ^^  ไม่เป็นไร เราเขียน job description  ให้ว่ารายละเอียดงานมีอะไรบ้าง ตั้งแต่เตรียมของเตรียมเก้าอี้ ดูรายชื่อคนไข้+งานที่จะทำ เคลียร์ของ(ขยะ/ของมีคม) ลงประวัติมี่หมอเขียนใส่สมุดบันทึก เก้บฟิล์ม x ray ที่ถ่าย เริ่มงาน 8โมงเลิก4โมง กลับบ้าน จบ^^ สบายๆ อยากไปทำ ot ต่อที่ไหนก็มีเวลา โหยคือดีอ่ะ

แต่เพลานี้ คือ ไม่ค่อยดีแล้วอ่ะค่า ทำมา 4 เดือน มีปัญหาทั้งตัวงาน เพื่อนร่วมงาน หมอดังนี้ค่า

เดือนที่ 1
น้องทำงานช้าาาาาา +ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่เรา+พี่ๆคนอื่นหวัง เราเลยต้องปรับความคาดหวังทุกคนลง แรกๆ พี่ๆ เค้าก็ยังเอ็นดู สอนงาน เพราะสไตล์แต่ละที่คงไม่เหมือนกันอ่ะนะคะ แต่ผ่านมาเป็นเดือน ก็ยังมีปัญหา
ปัญหาที่ซีเรียสและเราคุยด้วยตอนสิ้นเดือนคือ น้องเสร็จแต่ละเคส น้องไม่เคลียร์ขยะสำลีก๊อซและของมีคม เข็ม ด้ามมีดเลย จนพี่อีกคนที่ล้างเครื่องมือเกือบโดนมีดบาด
เราคิดว่า สงสัยที่นี่คนไข้คงเยอะ+ต่อเนื่องกันกว่าคลินิกเดิมของเค้า? และถ้าเค้าบอกเค้าทำเองทุกอย่าง เค้าคงล้างเองรู้เองว่ามีเข็ม/มีดละมั้ง เรื่องนี้เราขอให้เค้าหาเวลามาแว๊บเก็บของ เคลียร์ของระหว่างหมอเขียนชารร์ตคุยกะคนไข้ เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัย และพี่ผช.บอกว่าถ้าน้องไม่เคลียร์จะไม่ขอล้างเครื่องมือให้ ซึ่งหลังจากที่คุย น้องก็พยายาม ดีขึ้น แต่ก็ยังช้าๆ เอ๋อๆ เช่น ถอดเข็ม และลืมเอาหลอดยาชาออกจากกระบอกเข็ม เป็นต้น T T
เราไม่เคยเห็นใครลืม ปกติเข็มกะหลอดยา มันน่าจะเคลียร์พร้อมกันได้ แสดงว่าน้องคงเข้าใจอันตรายของเข็มถ้าเกิดเปนเคส hiv อย่างที่เราบอกจริงๆ ฮือๆค่า

มีเรื่องตลกในสัปดาห์ที่ 2 ของการทำงาน
คือน้องไปขอยืมเงินคุณหมอที่น้องพึ่งเจอหน้าแค่2ครั้ง จำนวน 17000 ถามไปถามมา ได้ความว่าแฟนฝรั่งส่งของ+เงินมาจากอังกฤษ เป็นล้านๆ ติดอยู่ที่กรมศุล? อะไรซักอย่างเนี่ยล่ะ คือหมอเค้างงมากๆค่า และมาบอกกะพี่ผู้ช่วยเก่า พี่เค้าเลยไปคุยซักจนได้ความ ตอนแรกนางไม่ยอมบอก พี่เค้าเลยขอให้เปิดใจ อยู่ด้วยกันจะได้ช่วยเหลือกัน วันรุ่งขึ้น พอเรารู้เรื่องจากผู้ช่วยเก่า เราก็ว่ามันแปลกๆ อ่ะ เหมือนจะพึ่งคบกัน จะส่งมาทำไมเงิน จะไปเอาของเค้าทำไมแล้วทำไมส่งเงินมาเปนกล่องล่ะ x ray แล้วรู้ได้งัยว่าเป็นเงินดอลพอโทรคุยกะแม่ถึงรู้ว่า 18มงกุฏหากินแบบเน้!!! อ้อ เรียกคุยด่วนๆ เลยจ้าาาา ปรากฏว่า นางโอนไปแล้ว 5000 เมื่อวาน เงินเหลือใน บช.200จ้า
แล้วตกลงจาก17000 นางจะมาขอยืมเรา 34000 โอ้วววว
โดนเราเทศน์ไปยกใหญ่ เราพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง หมอไม่คิดว่าน้องจะกล้ามายืมเงินหมอนะ ถ้ามีปัญหาอะไร หมอช่วยหางาน ot ให้ได้ เลี้ยงข้าวได้ แวะส่งนางที่บ้านได้เป็นทางผ่าน(จะได้ประหยัดค่ารถขากลับ) แต่ไม่ใช่มาขอยืมเงินแบบนี้
และพาไปแจ้งความ วันนั้นเราออฟงานไปเข้าโรงพักเพื่อนางโดยเฉพาะ (ไปผิดสถานีอีกตะหาก T T)

พอเคลียร์เรื่องเสร็จ เราสอนนางว่า เราไม่ควรอยากได้ของของใคร รู้มั้ยว่า ความดีจะปกป้องเราเอง .. นางบอกว่า .. แสดงว่านางเป็นคนดี .. เราบอก มะช่ายยยย เราหมายความว่า ถ้าเราไม่อยากได้ของของใคร เราจะไม่ถูกหลอกกับเรื่องแบบนี้เด็ดขาดดดดด โอ๊ยยยย มึนหัวจ้า
พาพันเศร้า
นางมีตรรกะแปลกๆ และนางก็เริ่มเม้าท์ที่เก่า ว่าหมอไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ขี้เหนียว อีกที่นึงบอกว่านะขึ้นเงินให้ ทำไปทำมา ก็ไม่ขึ้นให้ .. เราก็สอนนางว่า เฮ้ย เราต้องดู/ประเมินตัวเองด้วยนะ ว่าเราทำเต็มที่แล้วยัง ทำได้ดีอย่างที่เค้าต้องการมั้ย เราเชื่อว่า ถ้าทำดี มีคนเห็น คนที่เห็นเป็นคนดี คุยดีๆ ยังไงก็ต้องมีคนเห็นค่านะ

เฮ้อ ผ่านไปกับความแปลกและเริ่มปลงกะนางในบางเรื่อง + แน่นอนความไว้ใจเรื่องเงินๆทองๆ ก็เลยลดลงไปด้วยค่า

เดือนที่2 งานนางดีขึ้นมากระจี๊ดนึง คือ นางช่วยข้างเก้าอี้ได้ระดับนึงอยู่แล้ว แต่จะช้าตอนหยิบจับของ หาของช้า ถามหมอทุกคนก้จะอารมณ์นี้ แต่พอช่วยได้ ที่ปัญหาที่สุดคือช่วยงานรักษาราก เพราะเครื่องมือเยอะ ผสมวัสดุช้า

สิ้นเดือนก็เรียกนางมาคุยว่า ให้จำว่าหมอที่ช่วยชอบใช้เครื่องมืออะไร พอใช้เสดก็ตามไปเก็บมาไว้ในห้องตัวเองไว้ จะได้เร็ว และที่สำคัญ ให้มีน้ำใจกับคนอื่น ถ้าไม่รู้จะทำอะไร ให้ไปถามพี่เค้าว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ย ให้ทำมั้ย เพราะด้วยความที่นางช้า ต้องมีคนช่วยนางตอนที่นางเข้าเคส พอเสดในเคส นางก็จะไม่รู้จะทำอะไรก่อน/หลัง เหมือนนางจะเป็นคน ทำ step by step ได้ คิดข้ามช็อตไม่เป็น แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่เป็น เช่นคนไข้ยังไม่มา ก็ไม่รู้จะทำอะไร ควรทำยังไง ทั้งๆที่บอกไปแล้วสอนไปแล้ว

คนคิดข้ามช็อตไม่เป็น ตัวอย่างประมาณว่า ถ้าจะอุดฟัน ก็จะต้องรอหมอบอกว่าเอาไหมขัดฟัน/กระดาษเช็คสูงถึงจะไปหยิบ ทั้งที่หากคนที่เป็นงาน มองแล้วว่า เป็นอุดซอกฟัน ก็จะเตรียมเลย จะหยิบเลย แล้วพอดีนางเปนคนหันไปหยิบของแต่ละที ช้าาาา น้องหมอคนนึงบอกว่า กว่าจะหันไปหยิบเครื่องฉายแสง แต่ละที แทบขาดใจในบางเคสที่ต้องการความไว
เรื่องเตรียมของต้องสอนอยู่หลายๆครั้ง ซ้ำๆ ก็ถึงจะดีขึ้นบ้างค่ะ

แต่ข้อดีของนาง ก็มีนะคะ คือ ในช่วงที่เข้าเคสกับหมอถึงจะช้า แต่ก็ไม่ได้แวบไปนั่งเล่นมือถือ แบบที่เคยเห็นผู้ช่วยบางที่ทำค่ะ (ที่นี่ไม่มีใครแบบนั้นเลย)
หลังจากเรียกนางมาคุยครั้งที่ 2 นางก็ดีขึ้นบางเรื่องอยู่ช่วงนึง คือ เห็นนางถามคนอื่นว่า ให้ทำอะไรให้มั้ย แต่เดือนที่ 3 ก็เริ่มมีปัญหาขึ้นมาอีกค่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่