
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า นี่เป็นการรีวิวท่องเที่ยวครั้งแรก กับกลุ่มนักท่องท่องเที่ยวต่างวัย มีตั้งแต่วัยละอ่อน วัยสาว วัยหนุ่ม และวัยทอง ซึ่งพวกเราเป็นสหายร่วมชั้นเรียนกันนั่นเอง สำหรับที่ท่องเที่ยวนั้นคงเป็นที่ไหนไม่ได้ ถ้าพูดถึงภาคเหนือ ต้องนี่เลย จ.เชียงใหม่จ้าว
ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ในการท่องเที่ยว (วันที่ 11 – 14 มกราคม 2560) มารีวิวช้าหน่อยนะคะ เนื่องจากช่วงนี้อยู่ช่วงทำงานวิจัย
เริ่มออกเดินทางวันที่ 10 มกราคม 2560 การเดินทางครั้งนี้ พวกเรานั่งรถตู้จอมบึง-ราชบุรี (แอบกลัวรถตู้เหมือนกัน แต่คุณลุงขับปลอดภัย หายห่วง) ลงสายใต้ และต่อแท็กซี่ลงหัวลำโพง และต่อรถไฟ (ตู้นอน) ไปเชียงใหม่ แต่น่าเสียดายที่จองรถไฟตู้ใหม่ไม่ทัน ที่นั่งเต็มจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ขึ้นชื่อว่าตู้นอนก็โอเคแล้วสำหรับการเดินทางไกลๆเยี่ยงนี้
ถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง 16.30 น. เร็วไปมั้ย
พี่ป๋องของเราไม่ไหวแล้ว 555+

พี่เจเจซังของเรา หิวแล้วจะเป็นเช่นนี้

ระหว่างรอรถไฟ ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

เริ่มออกเดินทางโดยรถไฟ เวลา 19.30 น.

พวกเราใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟร่วม 14 ชั่วโมง จนถึงเชียงใหม่ วันที่ 11 มกราคม 2560 เวลา 9.30 น.
อ้อ ลืมบอกไป ก่อนการเดินทาง พวกเราจองที่พัก และรถแดงไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ สะดวกสบายมากมายเลยจริงๆ
พอถึงสถานีรถไฟปุ๊บ ลุงรถแดงก็มารอรับปั๊บ พวกเราก็ขึ้นรถปุ๊บ ลุงก็ขับรถปั๊บ

แต่เดี๋ยวนะ คุณลุงคะ พวกหนูยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยอ่ะ
แปปเดียว ลุงก็ fast 8 เลี้ยวเข้าปั๊มอย่างไว หัวใจแทบวาย
นี่ก็คือ คุณลุงสมคิด ที่พวกเราไว้วางใจตลอดเส้นทาง 555+ ขอเซลฟี่กะลุงซะหน่อย

มื้อแรกวันนี้ ลุงสมคิดก็พาพวกเรามาร้านโจ๊กสมเพชร ร้านนี้ขึ้นชื่อมากในเชียงใหม่ ดูจากลูกค้าที่แน่นเต็มร้าน และอาหารที่น่ารับประทาน รสชาติอร่อยจริงๆ

เมื่อทานอาหารเสร็จ ลุงสมคิดก็พาพวกเราขึ้นดอยสุเทพ ไปไหว้พระธาตุ แต่เนื่องด้วยวันนี้ฝนตกปรอยๆ ทำให้มีหมอกหนามาก ต้องซื้อเสื้อกันฝนใส่ขึ้นดอยสุเทพกันเลยทีเดียว

ไหว้พระธาตุดอยสุเทพเสร็จ ก็ประมาณเวลา 15.00 น. พวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปที่พัก ที่ดอยอ่างขาง ระหว่างทางชมธรรมชาติข้างทางไปเพลินๆ ยิ่งขึ้นดอย อากาศก็ยิ่งเย็น และเริ่มหนาวมากขึ้น เส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง ขอบอกว่าคุณต้องลองมา แล้วจะรู้รสถึงความเสียว 555+ ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวหักศอกและสูงชัน ถนนก็เปียกไปด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ลุงสมคิดก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังจริงๆ ลุงพาพวกเราขึ้นมาบนดอยอ่างขางอย่างปลอดภัย
นี่คือที่พักคืนแรกของพวกเราค่ะ โรงแรมอ่างขาง วิลล่า (ตอนไปถึงก็มืดแล้ว รูปนี้จึงขออนุญาตเอามาจากเว็บทางโรงแรมนะคะ)

ถึงที่พัก เราก็นำสัมภาระเข้าที่พักเสร็จแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินลงมาเที่ยวตลาดข้างล่างค่ะ มีทั้งร้านอาหารไทย อิสลาม และอาหารพื้นเมืองของที่นี่ เสื้อผ้า ของฝาก มีเพียบเลยล่ะค่ะ


ที่ประทับใจมากๆ คือร้านนี้เลยค่ะ ทีเด็ดคือ นมร้อนใส่น้ำผึ้ง หอมละมุน แก้หนาวได้ดีเลยทีเดียว

มันโถทอด ราดนม ก็อร่อยนะ กินกับนมสด ฟินเลยทีเดียว

และนี่คือมื้อเย็นของพวกเรา ทีเด็ดในเมนูร้านนี้คือ ขาหมูมันโถ จ้าวว ว

พอพวกเราหาอะไรทานเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าที่พัก คืนนี้อากาศหนาวมาก หนาวแบบไม่ต้องเปิดแอร์อ่ะค่ะ (ก็ที่พักไม่มีแอร์อยู่แล้วป่ะ 555+) ชาวบ้านบอกที่นี่อากาศหนาวทั้งปี โอ๊ยยย อิจฉาจัง อยากย้ายมาอยู่ที่นี่อ่ะ งือๆๆ
เช้าวันต่อมา วันที่ 12 มกราคม 2560 พวกเรารีบออกจากที่พักเวลา 6.00 น. เพื่อจะรีบไปม่อนสน ไปดูพระทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก แต่.... ฝนตกจ้า ตกปรอยๆ ทำให้หมอกหนา มองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย T^T
ลุงสมคิดพาพวกเราไปไร่ชา 2,000 ไร่ ที่นี่สวยมาก ก็พอทดแทนม่อนสนได้อยู่นะ


ขอเซลฟี่กับลุงสมคิดซะหน่อย

ไร่สตอเบอรี่ดอยอ่างขาง

ถ้าฝนไม่ตก คงเห็นวิวสวยกว่านี้

ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ชายแดนไทย-พม่า


สถานีหลวงดอยอ่างขาง
เปิดตัวบอยแบรนด์อย่างเป็นทางการ 555+

กลุ่มเรามีสาวเจแปนมาด้วยนะคะ นางคือสาวไทยแต่ใจเจแปน นางมีนามว่า เจเจซัง 555+

ที่โครงการหลวงดอยอ่างขาง มีดอกพญาเสือโคร่ง ดอกซากุระ ดอกบ๊วย และพืชพรรณไม้ดอก ไม้ประดับ ไว้จำนวนมาก พวกเราเก็บภาพสวยๆมาให้ชมเล็กๆน้อยๆ เรียกน้ำย่อยซะหน่อย




สวน ๘๐ สร้างสรรค์ภาพโดยนายแบบอันดับหนึ่งของราชบุรี ช่างเบี้ยวแชมป์สิบล้อประเทศไทย พี่ป๋องเหลือมก๊อย และพี่ต้อมพ่อค้าหมู

ไร่ส้ม (ส้มที่นี่หวานจริง แอบเก็บมาชิมแล้ว 555+)

วัดถ้ำเชียงดาว



สำหรับวันนี้พวกเราก็เที่ยวจนอิ่มละ ถึงเวลาเข้าที่พักคืนที่ 2 บ้านดอยหมอก ที่เชียงดาว อ้อ บนดอยนี่ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีไฟฟ้า ที่นี่ใช้แผงโซล่าเซลล์ค่ะ พอ 2 ทุ่ม เค้าก็จะปิดไฟหมด มีเพียงตะเกียง จะแจกให้บ้านหลังละ 1 อัน ส่วนของกินไม่ต้องห่วง มีร้านขายของชำของชาวบ้าน ไม่อดตายแน่นอนจ้า ไปชมที่พักบ้านดอยหมอกกันค่ะ

อาหารเย็นของทางที่พัก

หมูกระทะชุดนี้ ซื้อแยกนะคะ ไม่ใช่ของทางที่พัก (ชุดละ 550 บาท) คิดดูสิ หมูกระทะหอมๆ ท่ามกลางอากาศหนาวกำลังดี กินไปดูหมอกไป แสงอาทิตย์สลัวๆ ที่กำลังลาลับขอบฟ้า มันช่างฟินอะไรขนาดนี้ หื้มมมม ม

สำหรับคืนนี้ กินอิ่มนอนหลับสบายมากค่ะ ประทับใจที่พักที่นี่มากๆ เจ้าของที่พักเป็นกันเองกับพวกเรา ชาวบ้าน แม่ค้าพ่อค้าที่นี่ก็น่ารัก ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบบ้านๆที่บริสุทธิ์ ชื่นใจจังเลยค่ะ
เช้าวันต่อมา 13 มกราคม 2560
อาหารเช้าของบ้านดอยหมอกค่ะ (จะคุ้มอะไรเยี่ยงนี้ มีทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า อู้หูววว)

ก่อนจะออกจากบ้านดอยหมอก ขอเซลฟี่กับเจ้าของที่พักซะหน่อย หุหุหุ



อ่ะๆๆ สาวเจแปนขอเซลฟี่กับลุงสมคิดซะหน่อย ลุงเรียกชื่อนางว่า “อิโนเนะ” และนี่คือฉายาใหม่ของนาง

เราเดินทางไปม่อนแจ่ม เล่นจังเกิลโคสเตอร์ (รถไฟรางไม้) ไปสวนพฤกษศาสตร์พระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนองุ่นอีเดน






หลังจากเที่ยวจนเมื่อยพอสมควร เราก็เดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ คืนนี้เราพักที่ โรงแรมนัมเบอร์เฮาส์11
และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เราเช่ารถลุงสมคิด หลังจากลุงส่งเราถึงที่พัก เราก็จ่ายค่ารถ รู้สึกใจหาย และคิดถึงคุณลุงเหมือนกัน ลุงเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่พวกเราไปแล้ว 555+ ก่อนลุงจะกลับ ลุงบอกเอารูปลุงลงพันทิปด้วยนะ แล้วลุงจะเข้ามาดู หนูลงรูปลุงแล้วนะคร้า
ที่พักคืนนี้ โรงแรมนัมเบอร์เฮาส์11


หลังจากที่พวกเรานำสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย ตกกลางคืนพวกเราก็ออกไปเที่ยวกาดหลวง ตลาดไนซ์พลาซ่า และประตูท่าแพ เรื่องเดินทาง พวกเรานั่งรถแดงในเมืองนั่นแหล่ะ ไปไหนก็ได้ 20 บาท รถวิ่งตลอด 24 ชม.


พ่อค้า แม่ค้าที่นี่ สวยหล่อจริงๆ 555+

หลังจากเดินเที่ยวจนเมื่อย และซื้อของฝากเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เข้าที่พัก และหลับเป็นตาย
เช้าวันต่อมา 14 มกราคม 2560 เป็นวันเดินทางกลับ ได้ตั๋วรถไฟรอบ 17.00 น. เช้านี้เลยไปไหว้หลวงพ่อทันใจ ที่วัดพระธาตุดอยคำ วัดเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ไปไหว้ขอพรซะหน่อย

(มีต่อในคอมเม้นท์นะคะ)
ยกก๊วน ป่วนเชียงใหม่ กับ 4 วัน 3 คืน
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า นี่เป็นการรีวิวท่องเที่ยวครั้งแรก กับกลุ่มนักท่องท่องเที่ยวต่างวัย มีตั้งแต่วัยละอ่อน วัยสาว วัยหนุ่ม และวัยทอง ซึ่งพวกเราเป็นสหายร่วมชั้นเรียนกันนั่นเอง สำหรับที่ท่องเที่ยวนั้นคงเป็นที่ไหนไม่ได้ ถ้าพูดถึงภาคเหนือ ต้องนี่เลย จ.เชียงใหม่จ้าว
ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ในการท่องเที่ยว (วันที่ 11 – 14 มกราคม 2560) มารีวิวช้าหน่อยนะคะ เนื่องจากช่วงนี้อยู่ช่วงทำงานวิจัย
เริ่มออกเดินทางวันที่ 10 มกราคม 2560 การเดินทางครั้งนี้ พวกเรานั่งรถตู้จอมบึง-ราชบุรี (แอบกลัวรถตู้เหมือนกัน แต่คุณลุงขับปลอดภัย หายห่วง) ลงสายใต้ และต่อแท็กซี่ลงหัวลำโพง และต่อรถไฟ (ตู้นอน) ไปเชียงใหม่ แต่น่าเสียดายที่จองรถไฟตู้ใหม่ไม่ทัน ที่นั่งเต็มจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ขึ้นชื่อว่าตู้นอนก็โอเคแล้วสำหรับการเดินทางไกลๆเยี่ยงนี้
ถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง 16.30 น. เร็วไปมั้ย
พี่ป๋องของเราไม่ไหวแล้ว 555+
พี่เจเจซังของเรา หิวแล้วจะเป็นเช่นนี้
ระหว่างรอรถไฟ ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
เริ่มออกเดินทางโดยรถไฟ เวลา 19.30 น.
พวกเราใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟร่วม 14 ชั่วโมง จนถึงเชียงใหม่ วันที่ 11 มกราคม 2560 เวลา 9.30 น.
อ้อ ลืมบอกไป ก่อนการเดินทาง พวกเราจองที่พัก และรถแดงไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ สะดวกสบายมากมายเลยจริงๆ
พอถึงสถานีรถไฟปุ๊บ ลุงรถแดงก็มารอรับปั๊บ พวกเราก็ขึ้นรถปุ๊บ ลุงก็ขับรถปั๊บ
แต่เดี๋ยวนะ คุณลุงคะ พวกหนูยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลยอ่ะ
แปปเดียว ลุงก็ fast 8 เลี้ยวเข้าปั๊มอย่างไว หัวใจแทบวาย
นี่ก็คือ คุณลุงสมคิด ที่พวกเราไว้วางใจตลอดเส้นทาง 555+ ขอเซลฟี่กะลุงซะหน่อย
มื้อแรกวันนี้ ลุงสมคิดก็พาพวกเรามาร้านโจ๊กสมเพชร ร้านนี้ขึ้นชื่อมากในเชียงใหม่ ดูจากลูกค้าที่แน่นเต็มร้าน และอาหารที่น่ารับประทาน รสชาติอร่อยจริงๆ
เมื่อทานอาหารเสร็จ ลุงสมคิดก็พาพวกเราขึ้นดอยสุเทพ ไปไหว้พระธาตุ แต่เนื่องด้วยวันนี้ฝนตกปรอยๆ ทำให้มีหมอกหนามาก ต้องซื้อเสื้อกันฝนใส่ขึ้นดอยสุเทพกันเลยทีเดียว
ไหว้พระธาตุดอยสุเทพเสร็จ ก็ประมาณเวลา 15.00 น. พวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปที่พัก ที่ดอยอ่างขาง ระหว่างทางชมธรรมชาติข้างทางไปเพลินๆ ยิ่งขึ้นดอย อากาศก็ยิ่งเย็น และเริ่มหนาวมากขึ้น เส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง ขอบอกว่าคุณต้องลองมา แล้วจะรู้รสถึงความเสียว 555+ ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวเลี้ยวหักศอกและสูงชัน ถนนก็เปียกไปด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ลุงสมคิดก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังจริงๆ ลุงพาพวกเราขึ้นมาบนดอยอ่างขางอย่างปลอดภัย
นี่คือที่พักคืนแรกของพวกเราค่ะ โรงแรมอ่างขาง วิลล่า (ตอนไปถึงก็มืดแล้ว รูปนี้จึงขออนุญาตเอามาจากเว็บทางโรงแรมนะคะ)
ถึงที่พัก เราก็นำสัมภาระเข้าที่พักเสร็จแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินลงมาเที่ยวตลาดข้างล่างค่ะ มีทั้งร้านอาหารไทย อิสลาม และอาหารพื้นเมืองของที่นี่ เสื้อผ้า ของฝาก มีเพียบเลยล่ะค่ะ
ที่ประทับใจมากๆ คือร้านนี้เลยค่ะ ทีเด็ดคือ นมร้อนใส่น้ำผึ้ง หอมละมุน แก้หนาวได้ดีเลยทีเดียว
มันโถทอด ราดนม ก็อร่อยนะ กินกับนมสด ฟินเลยทีเดียว
และนี่คือมื้อเย็นของพวกเรา ทีเด็ดในเมนูร้านนี้คือ ขาหมูมันโถ จ้าวว ว
พอพวกเราหาอะไรทานเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าที่พัก คืนนี้อากาศหนาวมาก หนาวแบบไม่ต้องเปิดแอร์อ่ะค่ะ (ก็ที่พักไม่มีแอร์อยู่แล้วป่ะ 555+) ชาวบ้านบอกที่นี่อากาศหนาวทั้งปี โอ๊ยยย อิจฉาจัง อยากย้ายมาอยู่ที่นี่อ่ะ งือๆๆ
เช้าวันต่อมา วันที่ 12 มกราคม 2560 พวกเรารีบออกจากที่พักเวลา 6.00 น. เพื่อจะรีบไปม่อนสน ไปดูพระทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก แต่.... ฝนตกจ้า ตกปรอยๆ ทำให้หมอกหนา มองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย T^T
ลุงสมคิดพาพวกเราไปไร่ชา 2,000 ไร่ ที่นี่สวยมาก ก็พอทดแทนม่อนสนได้อยู่นะ
ขอเซลฟี่กับลุงสมคิดซะหน่อย
ไร่สตอเบอรี่ดอยอ่างขาง
ถ้าฝนไม่ตก คงเห็นวิวสวยกว่านี้
ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ชายแดนไทย-พม่า
สถานีหลวงดอยอ่างขาง
เปิดตัวบอยแบรนด์อย่างเป็นทางการ 555+
กลุ่มเรามีสาวเจแปนมาด้วยนะคะ นางคือสาวไทยแต่ใจเจแปน นางมีนามว่า เจเจซัง 555+
ที่โครงการหลวงดอยอ่างขาง มีดอกพญาเสือโคร่ง ดอกซากุระ ดอกบ๊วย และพืชพรรณไม้ดอก ไม้ประดับ ไว้จำนวนมาก พวกเราเก็บภาพสวยๆมาให้ชมเล็กๆน้อยๆ เรียกน้ำย่อยซะหน่อย
สวน ๘๐ สร้างสรรค์ภาพโดยนายแบบอันดับหนึ่งของราชบุรี ช่างเบี้ยวแชมป์สิบล้อประเทศไทย พี่ป๋องเหลือมก๊อย และพี่ต้อมพ่อค้าหมู
ไร่ส้ม (ส้มที่นี่หวานจริง แอบเก็บมาชิมแล้ว 555+)
วัดถ้ำเชียงดาว
สำหรับวันนี้พวกเราก็เที่ยวจนอิ่มละ ถึงเวลาเข้าที่พักคืนที่ 2 บ้านดอยหมอก ที่เชียงดาว อ้อ บนดอยนี่ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีไฟฟ้า ที่นี่ใช้แผงโซล่าเซลล์ค่ะ พอ 2 ทุ่ม เค้าก็จะปิดไฟหมด มีเพียงตะเกียง จะแจกให้บ้านหลังละ 1 อัน ส่วนของกินไม่ต้องห่วง มีร้านขายของชำของชาวบ้าน ไม่อดตายแน่นอนจ้า ไปชมที่พักบ้านดอยหมอกกันค่ะ
อาหารเย็นของทางที่พัก
หมูกระทะชุดนี้ ซื้อแยกนะคะ ไม่ใช่ของทางที่พัก (ชุดละ 550 บาท) คิดดูสิ หมูกระทะหอมๆ ท่ามกลางอากาศหนาวกำลังดี กินไปดูหมอกไป แสงอาทิตย์สลัวๆ ที่กำลังลาลับขอบฟ้า มันช่างฟินอะไรขนาดนี้ หื้มมมม ม
สำหรับคืนนี้ กินอิ่มนอนหลับสบายมากค่ะ ประทับใจที่พักที่นี่มากๆ เจ้าของที่พักเป็นกันเองกับพวกเรา ชาวบ้าน แม่ค้าพ่อค้าที่นี่ก็น่ารัก ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบบ้านๆที่บริสุทธิ์ ชื่นใจจังเลยค่ะ
เช้าวันต่อมา 13 มกราคม 2560
อาหารเช้าของบ้านดอยหมอกค่ะ (จะคุ้มอะไรเยี่ยงนี้ มีทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้า อู้หูววว)
ก่อนจะออกจากบ้านดอยหมอก ขอเซลฟี่กับเจ้าของที่พักซะหน่อย หุหุหุ
อ่ะๆๆ สาวเจแปนขอเซลฟี่กับลุงสมคิดซะหน่อย ลุงเรียกชื่อนางว่า “อิโนเนะ” และนี่คือฉายาใหม่ของนาง
เราเดินทางไปม่อนแจ่ม เล่นจังเกิลโคสเตอร์ (รถไฟรางไม้) ไปสวนพฤกษศาสตร์พระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนองุ่นอีเดน
หลังจากเที่ยวจนเมื่อยพอสมควร เราก็เดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ คืนนี้เราพักที่ โรงแรมนัมเบอร์เฮาส์11
และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เราเช่ารถลุงสมคิด หลังจากลุงส่งเราถึงที่พัก เราก็จ่ายค่ารถ รู้สึกใจหาย และคิดถึงคุณลุงเหมือนกัน ลุงเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่พวกเราไปแล้ว 555+ ก่อนลุงจะกลับ ลุงบอกเอารูปลุงลงพันทิปด้วยนะ แล้วลุงจะเข้ามาดู หนูลงรูปลุงแล้วนะคร้า
ที่พักคืนนี้ โรงแรมนัมเบอร์เฮาส์11
หลังจากที่พวกเรานำสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย ตกกลางคืนพวกเราก็ออกไปเที่ยวกาดหลวง ตลาดไนซ์พลาซ่า และประตูท่าแพ เรื่องเดินทาง พวกเรานั่งรถแดงในเมืองนั่นแหล่ะ ไปไหนก็ได้ 20 บาท รถวิ่งตลอด 24 ชม.
พ่อค้า แม่ค้าที่นี่ สวยหล่อจริงๆ 555+
หลังจากเดินเที่ยวจนเมื่อย และซื้อของฝากเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เข้าที่พัก และหลับเป็นตาย
เช้าวันต่อมา 14 มกราคม 2560 เป็นวันเดินทางกลับ ได้ตั๋วรถไฟรอบ 17.00 น. เช้านี้เลยไปไหว้หลวงพ่อทันใจ ที่วัดพระธาตุดอยคำ วัดเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ไปไหว้ขอพรซะหน่อย
(มีต่อในคอมเม้นท์นะคะ)